ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 11 พฤษภาคม 2556
กรณีศึกษา คุณพ่อตายแล้วไปเป็นภุมมเทวา ตอนที่ 15
 
  
 
 
คุณพ่อตายแล้วไปเป็นภุมมเทวา ตอนที่ 15
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
ที่ออกอากาศทางช่อง DMC
 
  ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
 
        เมื่อตัวเธอหรือนายทหารราชองครักษ์หนุ่มรูปหล่อในภพชาตินั้น ได้เข้าไปพบพระราชาผู้ปกครองแคว้นที่ตัวเธออาศัยอยู่แล้ว ตัวเธอก็ได้กราบทูลรายงานเกี่ยวกับภารกิจการกวาดล้างพวกกลุ่มโจรป่า ให้พระองค์ทรงสดับแบบเป็นขั้นเป็นตอนโดยละเอียด
 
นายทหารหนุ่มได้กราบทูลรายงานการกวาดล้างกลุ่มโจรป่า
นายทหารหนุ่มได้กราบทูลรายงานการกวาดล้างกลุ่มโจรป่า
 
        เมื่อพระราชาผู้ปกครองแคว้น ได้ทรงสดับเรื่องราวดังกล่าวจากตัวเธอ หรือนายทหารหนุ่มรูปหล่อในภพชาตินั้นแล้ว พระองค์ก็ทรงยิ่งรู้สึกพอพระทัยในกลอุบายและความชาญฉลาด ที่ตัวเธอใช้จับกุมพวกกลุ่มโจรป่าเป็นอย่างมาก ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะพระองค์ก็ทรงมีพระประสงค์ อยากที่จะให้ใช้ยุทธวิธีในการจับกุมพวกกลุ่มโจรป่า แบบที่ไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้ออยู่แล้ว
 
        แต่ด้วยความที่พระราชาผู้ปกครองแคว้นที่ตัวเธอ หรือนายทหารหนุ่มรูปหล่อในภพชาตินั้นอาศัยอยู่ ทรงมีพระประสงค์อยากที่จะทดลองไหวพริบปฏิภาณ พร้อมกับดูแนวคิดและความเชื่อของตัวเธอ หรือนายทหารหนุ่มรูปหล่อในภพชาตินั้น พระองค์จึงได้ตรัสถามตัวเธอไปในทำนองที่ว่า “ทำไมตัวเธอถึงไม่ใช้กองกำลังทหารที่เลือกเฟ้นมาอย่างดีแล้ว บุกเข้าโจมตีและรวบจับตัวพวกโจรป่าเหล่านั้นเลย ซึ่งวิธีนี้ก็น่าจะเป็นวิธีที่รวดเร็วกว่าและง่ายกว่าตั้งเยอะ”
 
พระราชาอยากทดลองไหวพริบปฏิภาณของนายทหารหนุ่ม
พระราชาอยากทดลองไหวพริบปฏิภาณของนายทหารหนุ่ม
 
        เมื่อตัวเธอหรือนายทหารหนุ่มรูปหล่อในภพชาตินั้น ถูกพระราชาตรัสถามเช่นนั้น ตัวเธอก็ได้กราบทูลตอบกลับไปในทำนองที่ว่า “ตัวเธอไม่อยากที่จะทำร้ายชีวิตใคร เพราะมันจะทำให้ตัวเธอต้องเกิดความรู้สึกผิดบาป และทุกข์ใจตามมาในภายหลัง”
 
พระราชาทรงตรัสถามต่อไปอีก
พระราชาทรงตรัสถามต่อไปอีก
 
        ทันทีที่พระราชาได้ทรงสดับคำตอบของตัวเธอเช่นนั้นแล้ว พระองค์จึงได้ตรัสถามต่อไปอีกในทำนองที่ว่า “ในเมื่อพวกโจรป่าก็เป็นคนที่ไม่ดี ชอบทำร้ายผู้อื่น และสร้างความเดือดร้อนให้เกิดขึ้นกับผู้คนเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว แล้วทำไมตัวเธอจะต้องเสียใจกับการใช้กำลังเข้าปราบปราม และทำร้ายพวกกลุ่มโจรป่าเหล่านั้นด้วย”
 
        เมื่อตัวเธอหรือนายทหารหนุ่มรูปหล่อในภพชาตินั้น ได้ฟังเช่นนั้นแล้ว ตัวเธอก็ได้กราบทูลตอบพระราชาไปในทำนองที่ว่า “ตัวเธอคิดว่าคนเราทุกๆ คน ล้วนมีชีวิตจิตใจและรักตัวกลัวตายเหมือนๆ กัน ดังนั้นคงไม่มีใครอยากที่จะให้คนอื่นมาทำร้ายชีวิตของตัวเอง อีกทั้งทุกๆ คน ก็มีคนที่ตัวเองรักและผูกพันด้วยกันทั้งนั้น
 
นายทหารหนุ่มได้กราบทูลเหตุผลตอบพระราชา
นายทหารหนุ่มได้กราบทูลเหตุผลตอบพระราชา
 
        เพราะฉะนั้น คงไม่มีใครอยากที่จะเห็นการสูญเสียคนรักของตัวเองไปอย่างแน่นอน และด้วยความที่ตัวเธอคิดเช่นนี้ ตัวเธอจึงไม่อยากที่จะใช้กำลังเข้าปราบปราม และทำร้ายพวกกลุ่มโจรป่าเหล่านั้นเลย”
 
        หลังจากที่พระราชาผู้ปกครองแคว้นที่ตัวเธอ หรือนายทหารหนุ่มรูปหล่อในภพชาตินั้นอาศัยอยู่ ได้ทรงสดับถึงคำตอบที่มาจากตัวเธอแล้ว พระองค์ก็ทรงเกิดความรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก และยิ่งพระองค์ได้ทรงทราบว่า ตัวเธอหรือนายทหารหนุ่มรูปหล่อในภพชาตินั้น มีความสนใจและศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาด้วยแล้ว พระองค์ก็ทรงยิ่งรู้สึกถูกอัธยาศัยและพอพระทัยในตัวเธอมากยิ่งขึ้นเข้าไปอีก
 
พระราชารู้สึกถูกอัธยาศัยและพอพระทัยในตัวนายทหารหนุ่มมาก
พระราชารู้สึกถูกอัธยาศัยและพอพระทัยในตัวนายทหารหนุ่มมาก
 
        ส่วนตัวเธอหรือนายทหารหนุ่มรูปหล่อในภพชาตินั้น เมื่อได้เข้าพบและสนทนากับพระราชาผู้ปกครองแคว้นที่ตัวเธออาศัยอยู่แล้ว จากเดิมที่ตัวเธอก็มีความรู้สึกเคารพรักในพระราชามาตั้งแต่เยาว์วัยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตัวเธอก็ยิ่งเกิดความรู้สึกเคารพเลื่อมใสในองค์พระราชามากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมแบบมากๆ มากๆ เลยทีเดียว
 
นายทหารหนุ่มได้เลื่อนตำแหน่งเป็นราชองครักษ์ผู้รับใช้ใกล้ชิดพระราชา
นายทหารหนุ่มได้เลื่อนตำแหน่งเป็นราชองครักษ์ผู้รับใช้ใกล้ชิดพระราชา
 
        และหลังจากการที่ตัวเธอหรือนายทหารหนุ่มรูปหล่อในภพชาตินั้น ได้เข้าพบและกราบทูลรายงานต่อพระราชาในครั้งนั้นแล้ว ตัวเธอก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้ขึ้นมาทำหน้าที่เป็น “ราชองครักษ์ผู้รับใช้ใกล้ชิดพระราชา” สมดังใจที่ปรารถนา ซึ่งก่อนหน้านี้ แม้ว่าตัวเธอจะเป็นนายทหารราชองครักษ์ของพระราชาอยู่ก็จริง แต่ตัวเธอก็เพียงแค่ได้รับใช้พระราชาอยู่ห่างๆ เท่านั้น
      
        เมื่อตัวเธอหรือนายทหารหนุ่มรูปหล่อในภพชาตินั้น ได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้ขึ้นมาทำหน้าที่เป็น “ราชองครักษ์ผู้รับใช้ใกล้ชิดพระราชา” แล้ว ตัวเธอก็มีโอกาสได้ติดสอยห้อยตามไปถวายการอารักขาพระราชาในทุกๆ ที่ คือไม่ว่าพระราชาจะเสด็จไป ณ ที่แห่งหนตำบลใด พระองค์ก็จะทรงพาตัวเธอ หรือนายทหารหนุ่มรูปหล่อในภพชาตินั้นไปด้วยในทุกๆ ครั้ง ซึ่งตัวเธอก็มีความรู้สึกภาคภูมิใจ และมีความสุขใจกับการทำหน้าที่ตรงนี้เป็นอย่างมาก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นงานใดที่ได้รับมอบหมาย ตัวเธอจะ ทำงานอย่างมีชีวิตชีวา
 
นายทหารหนุ่มมีโอกาสได้ตามไปถวายการอารักขาพระราชาในทุกๆ ที่
นายทหารหนุ่มมีโอกาสได้ตามไปถวายการอารักขาพระราชาในทุกๆ ที่
 
        และถึงแม้ว่าภารกิจการอารักขาพระราชาจะแน่นเอี้ยด จนทำให้ตัวเธอมีเวลาที่จะใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวของเธอไม่มากก็ตาม แต่ตัวเธอหรือนายทหารหนุ่มรูปหล่อในภพชาตินั้น ก็ไม่เคยลืมที่จะให้การดูแลเอาใจใส่ภรรยาสุดที่รักของเธอเป็นอย่างดีเสมอมา ซึ่งถ้าหากตัวเธอ หรือนายทหารหนุ่มรูปหล่อในภพชาตินั้น จะต้องติดตามพระราชาไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ ที่ห่างไกลจากเมืองหลวงของแคว้นออกไปมากๆ ตัวเธอก็มักจะพาภรรยาสุดรักของเธอติดสอยห้อยตามไปด้วยในทุกๆ ครั้ง
 
แม้งานจะมากแต่นายทหารหนุ่มก็มักจะพาภรรยาสุดรักตามไปด้วยในทุกๆ ครั้ง
แม้งานจะมากแต่นายทหารหนุ่มก็มักจะพาภรรยาสุดรักตามไปด้วยในทุกๆ ครั้ง
 
        และด้วยความจงรักภักดีที่ตัวเธอ หรือนายทหารหนุ่มรูปหล่อในภพชาตินั้น ได้ติดตามอารักขาและรับใช้พระราชาแบบเนี้ยบ เฉียบ กริ๊บมาอย่างตลอดต่อเนื่อง ในทุกๆ ที่ที่พระองค์เสด็จไปนี่เอง จึงทำให้พระราชาทรงโปรดปราน และทรงไว้วางพระทัยในตัวเธอเป็นอย่างมาก
 
พระราชาทรงโปรดปรานและไว้วางพระทัยในตัวนายทหารหนุ่มอย่างมาก
พระราชาทรงโปรดปรานและไว้วางพระทัยในตัวนายทหารหนุ่มอย่างมาก
 
        จนกระทั่งเมื่อกาลเวลาได้ล่วงเลยผ่านไป ด้วยความไว้วางพระทัยของพระราชาที่มีต่อตัวเธอ หรือนายทหารหนุ่มรูปหล่อในภพชาตินั้นนี้เอง จึงทำให้พระองค์ทรงตัดสินพระทัยรับสั่งให้ตัวเธอมาเข้าเฝ้า และมารับฟังข้อมูลพิเศษที่สำคัญมากๆ ข้อมูลหนึ่งร่วมกับตัวพระองค์ ซึ่งโดยปกติแล้ว การสนทนาข้อมูลพิเศษดังกล่าวนี้ จะมีเพียงแค่พระองค์กับนายทหารคนสนิทอีกท่านหนึ่งเท่านั้น ซึ่งนายทหารคนสนิทท่านนี้ก็คือ นายทหารที่ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน “หน่วยฉ.ก.เฉพาะกิจพิเศษ” ของพระราชานั่นเอง
 
        และก่อนที่เราจะมารับฟังเรื่องราวของตัวเธอ หรือนายทหารหนุ่มรูปหล่อในภพชาตินั้น กันต่อไปนั้น คุณครูไม่ใหญ่ก็จะขอเล่าถึงที่มาที่ไปของหน่วยฉ.ก.เฉพาะกิจพิเศษของพระราชาให้ลูกๆ นักเรียนอนุบาลฯ ได้ฟังกันก่อน
 
หน่วยเฉพาะกิจพิเศษของพระราชาจะเป็นหน่วยสืบราชการลับขั้นเทพ
หน่วยเฉพาะกิจพิเศษของพระราชาจะเป็นหน่วยสืบราชการลับขั้นเทพ
 
        สำหรับหน่วย ฉ.ก. เฉพาะกิจพิเศษของพระราชาหน่วยนี้ จะเป็นหน่วยสืบราชการลับขั้นเทพ ที่เกิดขึ้นมาเพื่อสร้างสันติสุขอันยั่งยืนให้เกิดขึ้นกับโลกในยุคนั้น ซึ่งภารกิจหลักสำคัญของหน่วย ฉ.ก. เฉพาะกิจพิเศษหน่วยนี้ จะมีอยู่ทั้งหมด 3 ภารกิจหลักๆ ด้วยกัน โดยในแต่ละภารกิจนั้น จะอยู่ภายใต้นโยบายอันยิ่งใหญ่ ที่มีอยู่ในพระราชหฤทัยของพระราชาผู้ปกครองแคว้นนั่นเอง
 
        สำหรับภารกิจสำคัญข้อที่หนึ่ง ด้วยความที่พระองค์ทรงมีมโนปณิธาน และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า อยากที่จะให้มวลมนุษยชาติบนโลกในยุคนั้น ซึ่งเป็นยุคสมัยที่ผู้คนมีรูปร่างหน้าตา และภาษาที่คล้ายคลึงกันทั่วทั้งโลก มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และปราศจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เพราะทรงตระหนักดีว่า ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ
 
ภูมิประเทศโดยรวมของโลกในยุคนั้น ผืนแผ่นดินมากกว่าผืนแผ่นน้ำ
ภูมิประเทศโดยรวมของโลกในยุคนั้น ผืนแผ่นดินมากกว่าผืนแผ่นน้ำ
 
        ซึ่งลักษณะภูมิประเทศโดยรวมของโลกในยุคนั้น จะมีส่วนที่เป็นผืนแผ่นดินมากกว่าผืนแผ่นน้ำ อีกทั้งผืนแผ่นดินของโลกในยุคนั้น ก็จะมีขนาดที่ใหญ่โตและเชื่อมติดต่อกันมากกว่าผืนแผ่นดินของโลกในยุคปัจจุบันนี้ แต่ก็ยังไม่ถึงกับเป็นผืนเดียวกันทั้งหมด เพราะยังมีผืนแผ่นดินบางส่วน ซึ่งเป็นส่วนน้อย ถูกคั่นด้วยแม่น้ำลำธารขนาดใหญ่ นอกจากนั้น ผืนแผ่นดินโดยรวมของโลกในยุคนั้น ก็จะมีทั้งส่วนที่ราบเรียบและไม่ราบเรียบ โดยส่วนที่ไม่ราบเรียบนั้น ก็จะมีลักษณะเป็นภูเขาลูกย่อมๆ ซึ่งจะไม่สูงใหญ่เหมือนกับภูเขาเอเวอร์เรสในยุคปัจจุบันนี้
 
        ส่วนลักษณะของพรมแดนที่เป็นตัวแบ่งกั้นเขตพื้นที่ ของแต่ละแคว้นของโลกในยุคนั้น ก็จะเป็นภูเขาลูกย่อมๆ หรือแม่น้ำลำธารที่เป็นตัวแบ่งเขตตามธรรมชาติ เป็นต้น ดังนั้น เมื่อภูมิประเทศของโลกในยุคนั้นมีลักษณะดังที่ได้กล่าวไปแล้วนี้เอง จึงเป็นผลทำให้ประชาชนทั้งหลาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพวกพ่อค้าวานิช มักจะเลือกใช้ม้าและกองคาราวานเป็นหลัก ในการเดินทางไปมาหาสู่กันระหว่างแคว้น โดยพวกเขาก็จะมีการพักและเปลี่ยนม้าในระหว่างทางเป็นระยะๆ
 
พวกพ่อค้าวานิชมักจะเลือกใช้ม้าและกองคาราวานเป็นหลักในการเดินทาง
พวกพ่อค้าวานิชมักจะเลือกใช้ม้าและกองคาราวานเป็นหลักในการเดินทาง
 
        สำหรับวิธีการเปลี่ยนม้านั้น พวกเขาก็จะนำม้าตัวที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางแล้ว ไปฝากไว้กับจุดรับฝากและดูแลม้าตามเมืองต่างๆ แล้วพวกเขาก็จะนำม้าชุดใหม่เป็นพาหนะในการเดินทางต่อไปนั่นเอง ซึ่งม้าในยุคนั้นก็จะมีความแข็งแรง และมีเรี่ยวแรงกำลังที่มากกว่าม้าในยุคปัจจุบันนี้เป็นอย่างมาก
 
        แม้ว่าโลกในยุคนั้น จะมีภูมิประเทศที่เอื้ออำนวยต่อการเดินทางไปมาหาสู่กันมากกว่าในยุคปัจจุบันนี้ก็ตาม แต่ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับเรื่องยารักษาโรคต่างๆ ก็ยังไม่แพร่หลายไปทั่วถึงกัน ดังนั้นถ้าหากมีโรคชนิดเดียวกันเกิดขึ้นและแพร่ระบาดไปในแคว้นต่างๆ บางแคว้นที่โชคดีมีหมอดียาดี ก็จะสามารถรักษาและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวได้
 
ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับเรื่องยารักษาโรคต่างๆ ยังไม่แพร่หลายไปทั่วถึงกัน
ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับเรื่องยารักษาโรคต่างๆ ยังไม่แพร่หลายไปทั่วถึงกัน
 
        แต่ถ้าหากแคว้นไหนที่ขาดแคลนหมอดียาดี หรือไม่มีวิธีการในการรักษาโรคดังกล่าวแล้ว ประชาชนภายในแคว้นเหล่านั้น ก็จะต้องเจ็บป่วยและล้มตายลงไปอย่างน่าสงสารเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ เองพระองค์จึงทรงมีน้ำพระทัยอันยิ่งใหญ่ ที่จะให้ชาวโลกทั้งหลาย หายจากทุกข์ โศก โรค ภัย
 
        และเมื่อพระราชาผู้มีวิสัยทัศน์อันกว้างไกล แบบที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร ได้ทรงเล็งเห็นถึงเหตุดังที่ได้กล่าวไปแล้วนี้เอง จึงทำให้พระองค์ทรงตัดสินพระทัยจัดตั้งหน่วย ฉ.ก.เฉพาะกิจพิเศษ หรือหน่วยสืบราชการลับขั้นเทพนี้ขึ้นมา เพื่อให้ไปทำการสืบค้นและรวบรวมโอสถ หรือยารักษาโรคที่เป็นระดับแชมป์ๆ ที่มีอยู่ในแคว้นต่างๆ รวมไปถึงเทคนิคและวิธีการรักษาโรคภัยไข้เจ็บจากทั่วทุกแคว้นบนโลกในยุคนั้น มาเก็บเป็นคลังโอสถและคลังข้อมูล ที่ใช้สำหรับรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้กับมวลมนุษยชาติบนโลกในยุคนั้น
 
หน่วยสืบราชการลับทำหน้าที่สืบค้นและรวบรวมโอสถมาเก็บเป็นคลังข้อมูล
หน่วยสืบราชการลับทำหน้าที่สืบค้นและรวบรวมโอสถมาเก็บเป็นคลังข้อมูล
 
        ส่วนว่าเรื่องราวของ “ภารกิจสำคัญข้อที่สองและสาม” ของหน่วย ฉ.ก. เฉพาะกิจพิเศษ ที่พระราชาได้ทรงแต่งตั้งขึ้นมานี้ จะมีรายละเอียดเป็นอย่างไรต่อไปนั้น เราก็คงจะต้องมาติดตามรับฟังกันต่อในวันถัดไป
 
 
รับชมวิดีโอ
 
[[videodmc==45066]]
 
 
 
 
กรณีศึกษากฎแห่งกรรมจากชีวิตจริง (Case study in real life)

     บุคคลที่ปรากฏในเรื่องราวต่อไปนี้ มีตัวตนจริงในปัจจุบัน ประสบชะตากรรมขึ้นลงตามกระแสของวัฏฏะและกฎแห่งกรรม (ชมตัวอย่างบทสัมภาษณ์จากรายการชีวิตในสังสารวัฏ) ผู้อ่าน-ผู้ชมก็อย่าเพิ่งเชื่อหรือปฏิเสธในทันที ควรศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา แล้วค่อยนำไปเป็นอุทธาหรณ์ในการดำเนินชีวิตต่อไป

     "วิชชาธรรมกาย" เป็นความรู้ดั้งเดิมในพระพุทธศาสนา เมื่อปฏิบัติแล้วสามารถไปรู้ไปเห็นเรื่องราวกฎแห่งกรรม การเวียนว่ายในภพภูมิต่างๆ ตรงตามพระธรรมคำสอนในพระไตรปิฎก วิชชาธรรมกายจึงเป็นหลักฐานยืนยันการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทันสมัยตลอดกาล (อกาลิโก)
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/latest_update/20130511-คุณพ่อตายแล้วไปเป็นภุมมเทวา-ตอนที่-15_RIGHT.html
เมื่อ 1 กรกฎาคม 2567 14:10
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv