ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557
เล่าเรื่องคุณยาย
ตอน เล่าเรื่องคุณยาย ตอน คุณยายปราบยักษ์เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยากราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงครับ
ผม..อาจารย์ลือพงศ์ ลีลพนัง นายกสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยธรรมกายแคลิฟอร์เนีย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งอาจารย์ประจำวิชาปฏิปทามหาปูชนียาจารย์ อีกทั้งยังเป็นผู้ประสานงานโครงการเส้นทางมหาปูชนียาจารย์ และกรรมการมูลนิธิพุทธอุทยานนานาชาติครับอาจารย์ลือพงศ์ ลีลพนังหลวงพ่อครับ..ผมมีเรื่องเกี่ยวกับความทรงอภิญญาของคุณยายที่ผมเจอกับตัวเองจะๆ มาเล่าให้ฟังเป็นซีรีย์ยาวเลยครับ แต่วันนี้...จะขอนำเสนอตอนแรกก่อน โดยย้อนไปเมื่อ 26 ปีที่แล้ว หรือในปี พ.ศ. 2531 ในช่วงนั้นหลวงพ่อเมตตาให้ทีมงานกลุ่มหนึ่ง ไปดูแลพื้นที่วัดเก่าแก่แห่งหนึ่ง เพื่อทำการปฏิสังขรณ์ครับ ซึ่งวัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนเขาใน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และหนึ่งในทีมงานนั้น นอกจากจะมีหลวงพี่สีลวัณโณ มีผม และก็ยังมีเจ้าหน้าที่ผู้ชายคนหนึ่ง ที่ทำหน้าที่ดูแลเรื่องภัตตาหารพระ ซึ่งในช่วงบ่ายๆ หลังจากที่เจ้าหน้าที่คนนี้จัดแจงเรื่องภัตตาหารพระเสร็จ เขาก็จะชอบไปนั่งสมาธิใกล้กับเจดีย์เก่า ที่ตั้งในวัดแห่งนี้ ซึ่งถ้านั่งท่ามกลางความเงียบสงัดก็ไม่มีอะไรหรอกครับ แต่นี่..ขณะนั่งอยู่เพลินๆ จู่ๆ ก็ต้องเกิดอาการ ขนแขนสแตนอัพ เพราะได้ยินเสียงเหมือนคนตัวใหญ่ๆ เดินลงส้นเท้าหนักๆ ดังตึงๆ แต่พอลืมตาขึ้นมาดู แล้วหันควับมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นใครเลยครับ เจ้าหน้าที่คนนั้น จึงได้แต่สงสัยว่า..แล้วเสียงเดินตึงๆ มันมาจากไหน แต่เขาก็ใจสู้นะครับ... คือ ไม่ยอมลุกหนีไปไหน ยังคงหลับตาทำสมาธิต่อ เพราะคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรแต่ตอนนั้นบรรยากาศมันชักจะไม่เหมือนเดิม รู้สึกมีความเงียบเหงาวังเวงยังไงชอบกลเข้ามาแทนที่ และอยากมีคนมานั่งเป็นเพื่อน ตอนนั้นมันเหงามากๆ ประมาณว่า เหงาตัวเท่าควาย แต่ที่ไหนได้ครับ ทันใดนั้น...ก็เหมือนมีใครเดินมาเขกหัวเขาดังป๊อก !!! และด้วยความตกใจ จึงลืมตาโพลงขึ้นมาดู ก็ปรากฏว่า..ไม่เห็นมีใครอีกแล้วครับ และด้วยเหตุนี้เอง...เจ้าหน้าที่ผู้ชายคนนี้ จึงรีบมาเล่าให้ผมฟัง แต่เนื่องจากผมยังนั่งสมาธิอยู่ ไปดูให้ไม่ได้ ก็ไม่รู้จะฟันธงตอบเขาไปยังไงว่า..ใครมาเขกหัว หรือใครมาเดินตึงๆ จึงได้แต่ใช้สันนิษฐานวิทยามั่วซั่วไปเรื่อยว่า..คงเป็นเจ้าที่เจ้าทาง หรือเทวาที่ดูแลรักษาเจดีย์มาแกล้งมั้งครับ แต่ลึกๆ ผมก็อยากรู้ให้แน่ชัดนะครับว่า..ที่เจดีย์นั้นมีใครเฝ้าอยู่ และผู้เฝ้าเขาคิดอะไรยังไง เพื่อที่ผมจะได้รู้เขารู้เรา หรือวางตัวถูกยังไงครับ และด้วยความคาใจที่เก็บไว้นี้เองครับ พอผมเดินทางกลับมาถึงวัดพระธรรมกาย ขณะกำลังมากราบหลวงพี่สุวิชชาโภ ที่อาคารหินอ่อนในเขตพื้นที่ 196 ไร่อยู่ ปรากฏว่า..คุณยายท่านก็เดินผ่านมาพอดีครับ ผมจึงรีบยกมือไหว้ทันควันและทันใดนั้นเอง..คุณยายก็พูดโพลงขึ้นมา จนผมไม่ทันตั้งตัวเลยว่า.. “ยายไปดูมาแล้วนะ วัดนั้น...หลวงพ่อให้ยายไปดูมา ไอ้ที่ตรงนั้นมันมียักษ์อยู่ แต่ยายก็ไปจัดการมันมาเรียบร้อยแล้ว เพราะตั้งแต่ยายอยู่กับหลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านก็ให้ยายไปปัดลูกระเบิด ยายก็เข้าธรรมกายไปปัด ยายสู้มาตั้งแต่สมัยยุคสงคราม พอมาอยู่ศูนย์พุทธจักร ยายก็สู้กับคน สู้กับผี สู้กับอะไรต่างๆ ยายสู้มาหมด เพราะยายมีธรรมะ ถึงอยู่รอดปลอดภัยได้” หลวงพ่อครับ...พอผมฟังคุณยายพูดขึ้นมาแบบนี้ ผมตะลึงมากเลยครับ เพราะคุณยายรู้ได้ยังไง..ว่าผมเพิ่งไปวัดเก่าแก่ที่เชียงรายมา ทั้งๆ ที่ไม่มีใครบอกท่าน แถมท่านยังรู้ลึกด้วยครับว่า..ผมไปทำอะไร ที่ไหน อย่างไร และเจอคำถามคาใจอะไรกลับมา แล้วท่านก็ตอบขึ้นมา จนผมหมดสงสัยเลยครับ
หลวงพ่อครับ..ญาณทัสนะคุณยายนี่ท่านเป๊ะมากๆเลยครับ คือ ยิ่งกว่าตาเห็น แถมยังช่วยเคลียร์กับยักษ์ได้ด้วย เพราะตอนหลังเจ้าหน้าที่ผู้ชายคนนั้น ก็ไม่โดนเขกหัวจากมือลับๆ อีกเลยครับ และด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของคุณยายที่มากถึงเพียงนี้ ผมก็อยากชวนทุกท่านมาหล่อทอง เพื่อเชื่อมสายบุญกับท่าน เพราะนี่ถือเป็นโอกาสเดียว ที่เราจะได้ทำบุญใหญ่ เพราะหากหล่อทองคุณยายองค์นี้เสร็จไปแล้ว ในอนาคตต่อให้เราจะรวยสักแค่ไหน ก็หมดโอกาสที่จะได้บุญใหญ่อย่างนี้แล้วครับ เพราะเขาหล่อกันเสร็จไปแล้ว และที่สำคัญยังได้จารึกชื่อใน “แผ่นทองอยู่กับยาย” เพื่อประดิษฐานในแผ่นฌานคุณยายอีกด้วย ซึ่งถือว่า..เป็นอภิมหาความโชคดีแห่งยุคเลยครับเพราะเป็นครั้งแรกที่ชื่อของเราจะได้อยู่ในแผ่นทองที่มีชื่อของคุณยายอยู่ด้วยเราจะได้จารึกชื่อ ในแผ่นทองเดียวกับคุณยาย
และท้ายที่สุดนี้..ผมก็จะขอมาเล่าเรื่องความทรงอภิญญาของคุณยายในตอนต่อไป ซึ่งเรื่องราวจะน่าตื่นเต้น และมหัศจรรย์เกินคาดเดาขนาดไหน โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/latest_update/20140331-เล่าเรื่องคุณยาย-ตอน-คุณยายปราบยักษ์.html
เมื่อ 1 กรกฎาคม 2567 07:18
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv