เรื่องปลื้มๆ จากโครงการบรรพชาสามเณรต้นแบบสู่ AEC ศูนย์อบรมกัลยาณมิตรแก้วระนอง

ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

วันนี้นักข่าวบุญสว่าง มีเรื่องปลื้มๆ จากโครงการบรรพชาสามเณร ต้นแบบสู่ AEC ของศูนย์อบรม กัลยาณมิตรแก้วระนอง มาฝากค่ะ ซึ่งทีมงานที่จัดเดินธุดงค์ครั้งนี้ เป็นทีมเดียวกันกับที่เคยจัดเดินธุดงค์สามเณรไปที่ วัดหนองงูเหลือม จ.ปราจีนบุรี เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน รุ่นกำแพงโบสถ์สีชมพูค่ะ

ความปลื้มในครั้งนั้น ทำให้ทีมงานเกิดแรงบันดาลใจ ที่จะสรรสร้างความปลื้มไม่รู้จบต่อ ทีมงานจึงยกระดับการเดินธุดงค์ของสามเณรในครั้งนี้ ด้วยการจัดเดินธุดงค์ข้ามชาติ เชื่อมสัมพันธ์ ไทย – พม่า โดยมีสามเณรจากศูนย์อบรม กัลยาณมิตรแก้วระนอง จำนวน 80 รูป อายุระหว่าง 7 - 14 ปี ร่วมเดิน ซึ่งในนั้น 7 รูป เป็นสามเณรพี่เลี้ยงสัญชาติพม่าค่ะ

จังหวัดระนอง เป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อว่า ฝน 8 แดด 4 แต่วันแรกที่เดินธุดงค์ สามเณรเจอแต่แดดกับแดดจังๆตลอดทาง แต่ทุกรูปก็ไม่หวั่น ยังคงมุ่งมั่นเดินธุดงค์ด้วยความองอาจสง่างามไปจนถึงเป้าหมายแรก คือวัดสุวรรณคีรีวิหาร ของหลวงพ่อระณังคมุนีวงศ์ เจ้าคณะจังหวัดระนอง ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของสามเณรด้วย พอสามเณรเข้าไปกราบรับฟังโอวาทจากท่านแล้ว ทุกรูปก็ลงมือพัฒนาวัดสุวรรณคีรีวิหาร เพื่อบูชาธรรมพระอุปัชฌาย์ทันที โดยใช้หลักความดีสากล ซึ่งเป็นวิทยายุทธที่ได้ร่ำเรียนมาตลอดช่วงอบรม พอเห็นวัดสะอาดเอี่ยม มองไปทางไหนก็ปิติใจค่ะ

แล้วเวลาของการเชื่อมสัมพันธ์ด้วยความดีก็มาถึง สามเณรได้นั่งเรือข้ามไปเดินธุดงค์ยังเกาะสอง ณ แผ่นดินพม่า จุดมุ่งหมายคือ วัดปิดอเอ้ (แปลว่า ประเทศที่เย็น คำว่า ปิ - ดอ แปลว่า ประเทศ, เอ้ แปลว่า เย็น) โดยได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อเลขาเจ้าคณะเกาะสอง มารอรับสามเณรถึงท่าเรือเลยค่ะ (หลวงพ่อท่านไม่ประสงค์ออกนาม แต่ประสงค์ร่วมประกาศพระพุทธศาสนากับสามเณรค่ะ)

การเดินธุดงค์ที่เกาะสอง ประเทศพม่า ไม่เหมือนใครค่ะ เพราะคนบนเกาะไม่คุ้นกับภาพสามเณรแบกกลดสะพายย่าม อีกอย่างทางรัฐบาลก็ยังไม่เปิดกว้างให้มีการเดินในลักษณะนี้ แต่ที่นี่เขามีธรรมเนียมการตักบาตรอาหารแห้ง ซึ่งจะตักกันในเวลาบ่ายโมงถึงห้าโมงเย็น ทางทีมงานจึงปรับกลยุทธใหม่ จากแบกกลดสะพายย่าม เป็นถือบาตรและสะพายย่ามแทนค่ะ แต่ถึงแม้จำเป็นต้องปรับรูปแบบ แต่สามเณรทุกรูปยังคงทำทุกย่างก้าวให้เป็นย่างแก้ว ดังนั้นพอชาวพม่าเห็นสามเณร 80 รูป เดินบิณฑบาตด้วยความสงบเสงี่ยมสง่างาม ก็ทำให้เกิดความเลื่อมใส พากันออกมาใส่บาตรอย่างคึกคักตลอดทางเลยค่ะ

ก่อนที่สามเณรธุดงค์จะไปถึง วัดปิดอเอ้ ญาติโยมชาวพม่า ได้พร้อมใจกันมานั่งรอสามเณร ซึ่งอากาศในช่วงบ่ายวันนั้น วัดได้ 40 กว่าองศาเซลเซียสค่ะ ทำให้ช่วงแรกๆต่างคนต่างนั่งไม่ติดพื้น ดูคล้ายๆกุ้งเต้นก็ไม่ปานเพราะพื้นมันร้อนมาก แต่พอสามเณรแปรแถวเข้าสู่พิธีล้างเท้า ภาพที่งดงามนี้ส่งผลให้อุณหภูมิใจของทุกคนชุ่มเย็น ทำให้ทุกคนนั่งประกอบพิธีล้างเท้าสามเณรธุดงค์.. ได้แบบชิวๆ.. ลืมร้อนไปเลยค่ะ

ในช่วงเย็น สามเณรได้เวียนประทักษิณรอบพระมหาเจดีย์ ปิดอเอ้ ซึ่งในช่วงก่อนเวียนประทักษิณ มีเมฆดำกลุ่มใหญ่ตั้งเค้าอยู่เหนือเจดีย์ แล้วลมก็พัดแรงมาก จนชาวพม่าหวั่นใจกลัวฝนจะเทลงมา แต่พอเวียนประทักษิณไป 1 รอบ เมฆดำก็เริ่มกระจายตัว แล้วพอเวียนประทักษิณครบ 3 รอบ เมฆดำมหึมาก็หายไปอย่างไม่มีวี่แวว สร้างความอัศจรรย์ใจให้กับชาวพม่าที่มาร่วมงานเป็นอย่างยิ่ง นึกแล้วปลื้มค่ะ

พอถึงช่วงค่ำ เป็นพิธีจุดโคมลาน ปล่อยโคมลอย ถวายเป็นพุทธบูชา มีชาวพม่าบนเกาะมาร่วมงานบุญในครั้งนี้กว่า 300 คนค่ะ โดยได้รับความเมตตาจาก พระธรรมสวนะ เจ้าคณะเกาะสอง เป็นประธานสงฆ์ ท่านได้ฝากข้อความมาถึงคุณครูไม่ใหญ่ว่าท่านรู้สึกประทับใจกับการเดินธุดงค์ของสามเณรมาก แล้วที่ผ่านมาท่านได้มาร่วมงานวันคุ้มครองโลกเป็นครั้งแรกด้วย ท่านบอกว่าท่านรู้สึกแปลกใจปนปลื้มใจ ที่มีคนมาร่วมงานหลายหมื่นคน แต่ช่วงนั่งสมาธิเงียบมากเหมือนไม่มีคนอยู่เลย แล้วรถก็เยอะแต่จัดการจราจรได้ดี ท่านชมว่าวัดพระธรรมกายมีการจัดระบบที่ดี ซึ่งปีหน้าท่านก็จะมาร่วมงานอีกค่ะ

หลังจากจบโครงการแล้ว สามเณรหลายรูปบอกว่า จะไปขอให้คุณพ่อคุณแม่เลิกดื่มเหล้า บางคนก็จะไปชวนให้คนที่บ้านเลิกเล่นการพนัน แล้วถ้าปีหน้ามีจัดบวชอย่างนี้อีก ก็จะมาบวชอีก แล้วถ้ามีโครงการบวชสามเณรล้านรูปขึ้นเมื่อไหร่ ก็จะรีบมาบวชด้วยอย่างแน่นอนค่ะ