พลิกชีวิตด้วยบุญกฐิน ตอน เพราะล้านแรกแท้ๆ ถึงได้รวยขนาดนี้

หลวงพ่อครับ ผมเกิดในครอบครัวฐานะปานกลางค่อนข้างไปทางยากจนครับ เพราะที่บ้านเปิดร้านขายของชำเล็กๆ ที่ยังต้องกู้หนี้ยืมสิน เข้าโรงจำนำ เปียแชร์มาเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆเป็นกิจวัตร แต่แม้ครอบครัวผมจะไม่รวย แต่แม่ก็พาผมเข้าวัดพระธรรมกายตั้งแต่ผมอยู่ชั้น ป.5 นะครับ ทำให้ผมมีโอกาสเข้ามาเป็นอาสาสมัคร และมาบวชธรรมทายาท ณ วัดแห่งนี้ครับ ซึ่งพอผมเรียนจบก็ทำงานเป็นลูกจ้างบริษัทแห่งหนึ่งทันที เพราะต้องรีบหาเงินมาบรรเทาความจนให้ครอบครัว แต่เงินเดือนผมก็แค่ 8 พันกว่าบาทเท่านั้นครับ พอหักค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้ว ก็เหลือเงินทำบุญกระจึ๋งเดียวเท่านั้น แต่ผมก็พยายามทำบุญอย่างสุดกำลังมาตลอด คือ ทั้งทำเองและชวนคนสร้างพระได้ 100 กว่าองค์ มากไปกว่านั้นยังปิดบัญชีสร้างองค์พระบนโดมไปที่ 1 S ซึ่งถือว่ามากที่สุดในชีวิตมนุษย์เงินเดือนเท่าที่ผมจะทำได้แล้วครับ

และพอทำแล้ว ก็เกิดอานุภาพอย่างต่อเนื่อง คือ ตำแหน่งหน้าที่การงานของผมก็ก้าวหน้ามากๆ แต่แม้จะก้าวหน้ามากขนาดไหน เงินเดือนก็ยังได้แค่ระดับหนึ่ง โดยไม่เห็นลู่ทางว่าจะรวยโคตรๆได้เลยครับ จนกระทั่งปี 2545 ช่วงนั้นผมเห็นคนมาวัดเริ่มทำบุญเป็นประธานกอง M กันเยอะ ซึ่งผมก็ได้แต่มองครับ เพราะหันมาดูเงินเดือนทีไร ก็คิดว่า..ยังไงชาตินี้มนุษย์เงินเดือนอย่างผมหมดสิทธิ์เป็นประธาน M แน่นอน !!! ทั้งๆ ที่ลึกๆ ผมก็อยากเป็นประธาน M อย่างสุดขั้วหัวใจ แต่ผมก็ไม่หมดหวัง ตรงกันข้ามกลับตั้งมโนปณิธานไว้ว่า..ครั้งหนึ่งในชีวิต เราจะต้องเป็นประธาน M ให้ได้เราต้องชิตังเม

จนกระทั่งกฐินปี 2553 ซึ่งเป็นปีที่ผมอยากรื้อผังจนมากๆ ปีนั้น..ผมจึงเอาเงินที่ได้จากการลาออกจากบริษัทเดิม รวมกับเงินเดือนที่ผมได้เมื่อย้ายมาอยู่บริษัทใหม่จำนวน 6.5 S เอามาทำบุญกฐินก่อนทันที และคิดว่า..ยังขาดอีกแค่ 3.5 S ก็จะครบ M แรกในการรื้อผังจนแล้วแต่ผมก็ไม่รู้จะเอาเงินมาจากไหนแล้วครับ ด้วยเหตุนี้ผมจึงคิดว่า..งั้นเป็นไงเป็นกัน...จากนั้นก็ไปเอาบัตรเครดิตที่มี มารูดหมดทุกใบจนสามารถปิด M ได้เป็นอัศจรรย์ซึ่งพอทำแล้วผมปลื้มสุดประมาณอลังการในชีวิตเลยครับ เพราะมนุษย์เงินเดือนอย่างผมทำ M แรกในชีวิตสำเร็จแล้ว ซึ่งผมก็คิดต่อว่า..ยังไงผมคงทำ M ได้ครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น ชาตินี้..เอาครั้งเดียวก็พอแล้ว ตายไปก็ได้ชื่อว่า..เคยเป็นประธาน M สำเร็จ คือ ผมตายตาหลับแล้วครับซึ่งที่ผมคิดอย่างนี้ ก็เพราะผมหมดตัวจริงๆ แถมหลังทำบุญไปแล้วยังต้องทยอยทำงานหาเงินมาใช้หนี้บัตรเครดิตอีกและพอผมปิดกอง M เสร็จ ก็บินไปต่างประเทศ เพื่อติดต่อส่งอาหารแช่แข็งไปขายต่างประเทศให้บริษัทที่ผมเป็นลูกจ้างเขาอยู่ ซึ่งขณะนั้นผมก็ขออนุญาตเจ้าของบริษัทลองทำธุรกิจส่งออกสับปะรดกระป๋องซึ่งผมเป็นเจ้าของเองควบคู่ไปด้วย

ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องอัศจรรย์มากที่เจ้าของบริษัทเขาอนุญาต แถมไม่ว่าอะไรผมเลยและจากนั้นก็เกิดเรื่องราวเหลือเชื่ออย่างที่ผมไม่คาดฝันขึ้นจริงๆ ครับ คือ มีคนสั่งสินค้าของบริษัทจำนวนมาก และสั่งสับปะรดกระป๋องของผมเข้ามาถึง 100 ตู้คอนเทนเนอร์ จนทำให้รายได้พุ่งปรี๊ดปลดหนี้บัตรเครดิตที่ผมรูดมาทำบุญได้หมดทันควันจนผมงงว่า..มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต ภาพที่ 4และจากนั้นยอดขายสับปะรดกระป๋องของผม ก็พุ่งสูงขึ้นเป็นทวีคูณ จนมีรายได้ทะลักเข้ามาสูง แล้วยังสามารถเป็นประธานกองกฐินระดับ M ได้อีกในปี 2554และพอในปี 2555 รายได้ผมก็สูงขึ้น จนต้องขอลาออกจากงานประจำ เพื่อมาทำบริษัทของตัวเองอย่างเต็มตัว เพราะยอดขายสับปะรดพลิกล็อกสูงขึ้นไปเกือบพันเปอร์เซ็นต์ จนมีสินค้าส่งออกไปถึงอเมริกา ยุโรป และตะวันออกกลาง ทำให้ผมสามารถเป็นประธาน M ได้ทุกปี

ผมทำบุญทุกบุญอย่างเต็มที่ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับว่า..ผมพลิกชีวิตจากการที่เป็นประธานกองกฐิน M แรกจริงๆจนทำให้ผมสามารถปลดระวางจากมนุษย์เงินเดือน ที่ต้องตรากตรำทำงานมานานถึง 19 ปี ก้าวสู่เจ้าของบริษัทอย่างเหลือเชื่อ และนับจากที่ผมทำบุญ M แรก ในวันที่ไม่มีเงินวันนั้น จนถึงวันนี้ ผมทำบุญไปประมาณ 14 M แล้วครับ !!! ผมกราบขอบพระคุณหลวงพ่อมากๆนะครับ ที่ทำให้ผมมีวันนี้