สัมผัสชีวิต ในโครงการ The Middle Way ประเทศมองโกเลีย
จากสำนักข่าว DNN
 
    วันนี้ผู้สื่อข่าว DNN ขอนำภาพและเรื่องราวหลากรส ทั้งสุข ทั้งซึ้ง จากการจัดปฏิบัติธรรม The Middle Way ที่ประเทศมองโกเลีย มานำเสนอคุณครูไม่ใหญ่ และพี่น้องชาวโลกให้ได้รับฟังกันเลยนะคะ
 
    การจัดนั่งสมาธิในครั้งนี้ เราจัดแบบ Weekend Retreat หรือปฏิบัติธรรมสุดสัปดาห์ 3วัน ระหว่างวันที่ 23-25 พฤษภาคม พ.ศ.2551 โดยมีพระอาจารย์เป็นผู้นำปฏิบัติธรรม และมี ท่านลามะมุงจากัล และลูกศิษย์ของท่านช่วยแปลเป็นภาษามองโกเลียค่ะ
 
 
    คืนแรก อุณหภูมิเกือบติดลบ เนื่องจากที่นี่ไม่มีฮีตเตอร์ พระอาจารย์จึงต้องจำวัดในกระโจม แบบสุมฟืน ตอนมีฟืนก็สบายอยู่หรอกค่ะ แต่พอฟืนดับหมด ก็หนาวแบบไม่ยอมบอกกล่าว นอนหลับๆตื่นๆกันเป็นว่าเล่นเลย วันต่อมา เราจึงจัดตั้งบุญพิเศษ คือ บุญเติมไฟค่ะ ว่าเวลาดึกตอนไหน จะให้ใครจะมาต่อฟืน
 
 
    เนื่องจาก ในเวลากลางวันในห้องปฏิบัติธรรมอากาศค่อนข้างหนาว ชาวมองโกเลียที่มาปฏิบัติธรรม จึงบอกว่า ขอนั่งข้างนอกดีกว่า ลมแรงไม่ว่า ขอให้เจอแดด ปกติแล้ว คนไทยอย่างเราต้องขึ้นเชียงใหม่เพื่อหาที่เย็นๆ แต่ที่นี่ พวกเขาหาแดดร้อนๆ เพื่อนั่งสมาธิกันนะคะ
 
 
    ผู้ที่มาคราวนี้ มีสองกลุ่มหลักๆ กลุ่มแรก คือ ญาติโยมของท่านลามะมุงจากัล ซึ่งผู้ที่เป็นจุดเด่นของงานที่สุด คือ เทพบุตรหนึ่งเดียวที่มาเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ เราได้พบเทพบุตรท่านนี้ตั้งแต่ช่วงจัดงานวิสาขบูชา ท่านอยู่ช่วยงานตลอดแบบถึงไหนถึงกัน แล้วด้วยนิสัยแบบเบิร์ดๆสบายๆ พูดไทยไม่ได้ก็ร่ายรำด้วยภาษามือ ทำให้ท่านสนิทคุ้นเคยกับทีมงานของเราเป็นอย่างดี จนทำให้พวกเราเรียกท่านว่า “ป่าป๊า”
 
 
    จริงๆแล้ว ท่านสูบบุหรี่ด้วยนะคะ แต่เมื่อมาถึงที่นี่ ก็ต้องถือศีลแปด ตามเจตนารมณ์ของคุณครูไม่ใหญ่ (พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์) ป่าป๊าก็พยายามอดบุหรี่ อดไปอดมา บวกกับอานุภาพแห่งสมาธิ ปรากฏว่าตอนนี้ หน้าใสขึ้นเป็นกองเลยค่ะ
 
    ส่วนอีกกลุ่ม เป็นคนใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมงานวันวิสาขบูชา ซึ่งมากันเป็นครอบครัวเลย นำโดยคุณแม่ชื่อ อูระจึง พร้อมลูกสาวอีก 3คน ชื่อ โส่วตา, อโนแตะหรึ และ แฮลูน่า ครอบครัวนี้แท้จริงแล้ว กำลังอยู่ในภาวะที่น่าสงสารมาก เพราะสามีของคุณอูระจึง เพิ่งเสียชีวิต แล้วก็มีลูกสาวถึง 6คนที่ต้องเลี้ยงดู ฝ่ายคุณแม่ก็ได้รับคำแนะนำจาก คุณเจน เวลแฟร์ อาสาสมัครชาวต่างประเทศที่เดินทางมาจากเมืองไทย ได้แนะนำให้มานั่งสมาธิในโครงการ The Middle Way ที่นี่
 
 
    พอเธอได้มาเจอสมาธิ เจอคำสอนเรื่องกฎแห่งกรรม เรื่องทาน ศีล ภาวนา คำสอนเหล่านี้จึงเป็นประดุจ ไกด์ไลน์ของชีวิต ว่าเธอจะต้องดำเนินชีวิตอย่างไรต่อไป จะหากำลังใจได้จากที่ไหน พระอาจารย์ได้สอนเธอว่า “จริงๆแล้วทั้งหมด เป็นเรื่องของบุญกับบาปเท่านั้น ฉะนั้น เราจะต้องเอาชนะด้วยบุญ ขอให้คุณอูระจึงสอนลูกทุกคนให้นั่งสมาธิ ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ให้ดีนะ”
 
    การจัดปฏิบัติธรรมครั้งนี้ จึงมีคุณค่าสำหรับเธอเป็นอย่างมาก เสมือนได้ชุบชีวิตครอบครัวหนึ่งขึ้นมาใหม่จากความทุกข์ และสับสน ให้มาพบกับแสงสว่างของชีวิตเลยทีเดียว
 
 
    ในเรื่องของการนั่งสมาธิ แม้จะเป็นช่วงสั้น แต่ทุกคนก็นั่งกันได้ดีค่ะ มีผลการปฏิบัติธรรมเห็นองค์พระ และดวงแก้วอีกหลายคน แล้วพอทุกคนได้ฟังประวัติของมหาปูชนียาจารย์ ต่างก็ถามกันว่า มีหนังสือเกี่ยวกับท่านเหล่านี้เป็นภาษามองโกเลียหรือไม่ เพราะอยากจะศึกษาเพิ่มเติม ส่วนเรื่องกฎแห่งกรรม, ทาน ศีล ภาวนา พวกเขาก็ฟังกันอย่างกระตือรือร้น และตั้งใจจะนำไปปฏิบัติจริงในชีวิตด้วย เพราะตามวัดวาอารามส่วนใหญ่ จะเน้นเรื่องการสวดมนต์เป็นหลัก จึงไม่มีโอกาสได้ฟังเรื่องราวเหล่านี้เลย
 
 
 
    ทีมงานจึงได้ค้นพบว่า แท้จริงแล้วชาวมองโกเลีย แม้จะอยู่ต่างนิกายกับเรา แต่ก็สนใจอยากเรียนรู้พระพุทธศาสนาแบบดั้งเดิมเช่นกัน
 
 
 
 
    นอกจากนี้ เรายังได้แทรกกิจกรรมพระพุทธศาสนาแบบดั้งเดิมเข้าไปด้วย คือ การตักบาตร และยังเชิญท่านลามะมุงจากัลให้มาบิณฑบาตด้วย ชาวมองโกเลียจึงได้ถวายภัตตาหาร นั่งคุกเข่ารับพรพระกันทุกวัน พวกเขายังชอบการสวดมนต์เป็นภาษาบาลีกันอีกด้วย
 
 
 
    เนื่องจากชาวมองโกเลีย ยังไม่เคยรู้จักการประเคนของถวายพระเลย และตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยเห็นผ้ารับประเคน พอพระอาจารย์มาถึง และให้พวกเขาได้รู้จักการประเคนภัตตาหาร ฝ่ายคุณแม่อูระจึง ก็เกิดไอเดียว่า พระอาจารย์ต้องใช้ผ้ารับประเคนนี้เพื่อดำรงชีวิต เมื่อถึงวันที่พระอาจารย์ทั้งสองจะบินกลับเมืองไทย คุณแม่อูระจึง และน้องอโนแตะหรึ ก็มาหาพร้อมกับผ้าผืนเล็กๆ
 
 
    ตอนแรก พระอาจารย์ ดูภายนอก นึกว่าเป็นผ้าลายสวยๆ เอาไว้เป็นของที่ระลึก แต่คุณแม่บอกว่า ผ้าผืนนี้ ลูกคนหนึ่งเย็บฝั่งนี้ ลูกอีกคนเย็บฝั่งนี้ แล้วคุณแม่เองก็ทำลายปักตรงนี้ ผ้าผืนนี้ From everyone for monk แปลว่า ทำมาจากพวกเราทุกคนเพื่อพระคุณเจ้า และทำเสร็จภายในคืนเดียว แบบผ้าก็ดูไฮโซ สีทองเนื้อเลื่อม ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าทึ่งมาก เพราะสิ่งเหล่านี้คือ วิถีชีวิตของพระพุทธศาสนาแบบดั้งเดิม ที่กำลังหลั่งไหลสู่ใจของพวกเขาไปแล้วค่ะ
 
Scoop พิเศษ จาก มองโกเลีย
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/latest_update/Mongolia_Meditation.html
เมื่อ 29 มิถุนายน 2567 12:04
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv