จดหมายจาก พระธรรมาจารย์ไห่เทา
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อด้วยความเคารพอย่างสูง
 
    กระผม พระธรรมาจารย์ไห่เทา  อายุ 51ปี เกิดที่เมืองเกาสง ในไต้หวัน กระผมคิดว่า พระทุกรูปที่มาบวชก็เพื่อบรรลุถึงความสุขที่แท้จริง หลังจากที่พระภิกษุเหล่านั้นได้เข้าใจซาบซึ้งถึงความทุกข์ของชีวิตฆราวาสแล้ว บางคนโชคดีสามารถบวชได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่กระผมนั้น อายุ 35ปีแล้วถึงได้มาบวชครับ
 
    กระผมขออนุญาตเล่าที่มาที่ไปสักนิดนะครับ ก่อนหน้าที่กระผมจะบวช กระผมทำงานเป็นประธานบริษัททัวร์ พาคนมาเที่ยวเมืองไทย กระผมแต่งงานและมีลูกชาย 1คน ปกติคนทั่วไปต่างคิดว่า เมื่อมีเงิน  มีบ้าน  มีรถ มีภรรยา มีลูก ก็น่าจะมีความสุขมาก เพราะเป็นเป้าหมายของชีวิต แต่พอกระผมมีสิ่งเหล่านี้เพียบพร้อม กลับรู้สึกว่ายังมีความทุกข์ ไม่มีความเป็นอิสระ เมื่อตอนเป็นไกด์ พาลูกทัวร์มาเมืองไทย กระผมก็ได้แต่ไปกราบพระ ปิดทอง แต่น่าเสียดายที่กระผมไม่ได้ฟังธรรมเลย
 
    ต่อมา เมื่อกิจการเจริญใหญ่โตขึ้น มีรายได้มากขึ้น ก็มีเรื่องยุ่งยากให้ต้องเข้าไปจัดการมากขึ้น มีความทุกข์มากขึ้น ทำให้กระผมอยากรู้ว่า เรามีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร ซึ่งหลังจากที่มีลูกแล้ว ก็รู้สึกถึงความรักอันลึกซึ้งที่มีต่อลูก รู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอมาก ตอนนั้นไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงไปแสวงหาศาสนาต่างๆ ไปดูดวง ดูฮวงจุ้ย จนกระทั่งอายุ 33ปี กระผมได้เห็นนักบวชในวัดข้างบริษัทฯที่ไต้หวัน พอเห็นแล้วกระผมก็รู้สึกเลื่อมใส เพราะนักบวชที่มาอยู่ที่นั่น ล้วนมาจากต่างประเทศ เพื่อศึกษาต่อระดับปริญญาโทและปริญญาเอกที่ไต้หวัน กระผมเห็นท่านเหล่านั้นแล้วรู้สึกว่า ท่านมีความเพียรและเป็นอิสระอยู่ในตัว
 
    คราวนี้ กระผมจึงหันมาสนใจและอ่านหนังสือพระพุทธศาสนา เมื่อได้อ่านจึงทราบว่า ความหมายของการบวชนั้นคืออะไร บวชไปก็เพื่อตัดความกังวลในเรื่องครอบครัว หากสิ่งที่สละได้ยาก แต่สามารถสละได้ สิ่งที่กระทำได้ยาก แต่สามารถกระทำได้ อย่างนี้จึงจะสามารถมีความเป็นอิสระ พบกับความสุขของชีวิตที่แท้จริง
 
    ไม่เพียงเท่านั้น กระผมยังได้เข้าใจซาบซึ้งพระพุทธศาสนามากขึ้นไปอีก เนื่องจากโยมแม่ของกระผมป่วยเป็นมะเร็ง โยมพ่อของกระผมก็ไม่แข็งแรง กระผมอยากให้ท่านทั้งสองแข็งแรง แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย แม้จะมีเงินเพิ่มขึ้นมาก และเอาเงินนั้นให้กับหมอ ความทุกข์ทรมานของโยมแม่ก็ไม่อาจหายไปได้
 
    ในคัมภีร์ได้เขียนเอาไว้ว่า พระโพธิสัตว์ตี้จั้ง แสดงความกตัญญูต่อแม่ที่ละโลกไปด้วยการออกบวช แม่ของท่านจึงได้ไปเกิดบนสรวงสวรรค์ กระผมจึงได้อธิษฐานออกบวช เอาบุญจากการบวชนี้ ให้โยมแม่มีสุขภาพแข็งแรง พอบวชแล้ว ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆครับ โยมแม่แข็งแรงขึ้น ทำให้กระผมมั่นใจในบุญมาก ตัดสินใจอยู่เป็นพระต่อ แต่ระหว่างนั้น ต้องเผชิญต่ออุปสรรคมากมาย ไม่เหมือนในเมืองไทยนะครับ ที่เมื่อมีใครบวช ทุกคนล้วนปีติยินดี แต่สำหรับกระผมเหมือนต้องมาผจญภัย อย่างกับมีคนมาไล่จับ เพราะกระผมยังมีหน้าที่การงาน มีภรรยา มีลูก ถ้าจะเป็นพระต่อ ใครต่อใครก็ไม่เห็นด้วย แต่เพราะโยมแม่หายป่วย ทำให้ใจของกระผมเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนามาก จนไม่คิดหวนกลับไปครองเรือนอีก
 
    เจตนารมณ์ในการบวชของกระผมนั้น พูดง่ายๆก็คือ กระผมไม่ต้องการใช้ชีวิตที่เห็นแก่ประโยชน์เฉพาะตัว แม้จะเรียนหนังสือเก่ง มีครอบครัวดี มีเงินมาก แต่ทุกสิ่งก็เพื่อตัวเอง ดังนั้นการปฏิบัติที่แท้จริง คือ การลดตัวลง ทำตัวเองให้บริสุทธิ์ และช่วยเหลือผู้อื่น
 
    กระผมรู้ซึ้งถึงคุณค่าของพระธรรมมาก เพราะตั้งแต่ก่อนบวช เวลาที่กระผมอ่านหนังสือธรรมบท ภาษาบาลี คัมภีร์มหายาน คัมภีร์เถรวาท คัมภีร์ทิเบต กระผมใช้เวลาไม่นานก็สามารถท่องจำได้ วันหนึ่งๆ กระผมใช้เวลา 18ชั่วโมง กับการอ่านหนังสือได้ตลอดเลยครับ
 
    นอกจากนี้ สมัยก่อนจะมีพระมาเทศน์ทางทีวี ท่านสละเงินจำนวนมาก เพื่อซื้อเวลาออกอากาศทางทีวี ในเวลาเที่ยงคืน ตีหนึ่ง ตีสอง ขณะนั้นกระผมยังไม่นอนจึงได้ดู ก็รู้สึกว่า พระท่านเทศน์ได้ดีมาก ก็คิดว่า ถ้าทุกคนอยู่ในบ้านแล้วสามารถฟังธรรม ก็มีโอกาสหลุดพ้นจากความทุกข์ได้ ไม่อย่างนั้นก็ต้องรอให้แก่ สามสิบ สี่สิบปีหรือ ถึงจะมีโอกาสฟังธรรม อย่างนี้ก็จะลำบาก ยิ่งไปกว่านั้น กระผมอยากที่จะให้ทุกคนได้เรียนรู้ธรรมะโดยไม่แบ่งเชื้อชาติ
 
    ดังนั้น พอกระผมได้บวช จึงได้เข้าร่วมทำงานกับรายการทีวีพระพุทธศาสนาในไต้หวันอยู่หลายที่ และปัจจุบันได้มีสถานีโทรทัศน์พระพุทธศาสนาเป็นของตัวเอง ชื่อภาษาจีนว่า “เซิงมิ่ง” หรือ Life TV อีกทั้งได้ทำดีวีดี วีซีดี หนังสือการ์ตูน ออกมามากมาย เพื่อความคิดเดียวที่ว่า จะเผยแผ่ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ
 
 
    กระผมและคณะ เดินทางมาวัดพระธรรมกาย เมื่องานมาฆบูชาที่ผ่านมา กระผมประทับใจมากครับ เพราะภาพที่เห็นตลอดเวลาที่อยู่ในวัดนั้น คือ เหล่าภิกษุที่มีแต่ความสง่างาม ปลงผมเรียบร้อย นุ่งห่มเรียบร้อย ญาติโยมก็พากันใส่ชุดขาวเป็นระเบียบสวยงาม ก้มลงกราบพระที่พื้นและนั่งคุกเข่าพนมมือเวลาคุยกับพระด้วย
 
 
    อีกทั้งในช่วงพิธีกรรม โคมนับแสนถูกจุดขึ้น ญาติโยมร่วมสองแสนอยู่ด้วยความเป็นระเบียบ ต่างมีใจดวงเดียวกันที่จะอธิษฐานให้โลกใบนี้เกิดสันติสุข โดยมีพระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นประธาน ห้อมล้อมด้วยพระนับพันบนเจดีย์ กระผมคิดว่า นี่เป็นประดุจภาพในสมัยพุทธกาล ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับนั่งอยู่ท่ามกลางหมู่สงฆ์ นี่แหละคือบุญใหญ่ ทำให้กระผมคิดว่า จะทำอย่างไรที่จะให้ชาวพุทธทั่วโลกได้เห็นภาพเช่นนี้
 
   กระผมดีใจมากครับ ที่ทราบว่า วัดพระธรรมกายจะจัดงานถวายสังฆทาน 20,000วัด ในวันคุ้มครองโลก 22 เมษายนปีนี้ กระผมปรารถนาอยากชวนญาติโยมให้มาร่วมงานบุญที่วัดพระธรรมกาย จึงได้ช่วยกระจายข่าวนี้ เชิญชวนให้คนมาร่วมงานวันคุ้มครองโลก และร่วมบุญ 4Big Boon กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อด้วยครับ
 
 
    ที่ไต้หวัน ก็มีการจัดมหาสังฆทานทุกปี มีพระร่วมงานประมาณ 5,000รูป ซึ่งทางสถานีโทรทัศน์ Life TV ก็เข้าร่วมถ่ายทอดทุกครั้ง ดังนั้น ในปีนี้กระผมจะขออนุญาตพระเดชพระคุณหลวงพ่อ พาภิกษุ-สามเณร-ภิกษุณี และญาติโยม จำนวน 100ท่าน รวมทั้งทีมงานเจ้าหน้าที่ มาบันทึกภาพงานวันคุ้มครองโลก ที่วัดพระธรรมกาย เพื่อไปออกอากาศเผยแพร่ที่ไต้หวันด้วยนะครับ
 

Scoop พิเศษ พระธรรมาจารย์ไห่เทา แสงสว่างแห่งไต้หวัน ตอนคหบดีผู้สละเรือนออกบวช
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/latest_update/Taiwan_Buddhism2.html
เมื่อ 17 กรกฎาคม 2567 23:29
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv