โครงการ บอกโทษเกินร้อย ชิงทุนเกินล้าน
โรงเรียนราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
 
    หลังจากที่เหล่าเด็กดี V-Star…กว่า 5แสนคน ได้มารวมพลังแห่งความดี ร่วมประเมินมาตรฐานวัฒนธรรมชาวพุทธ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ในวันรวมพลังเด็กดี V-Star…เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ.2551...ที่ผ่านมา วันนี้เหล่าเด็กดี V-Star…ได้กลับไปที่โรงเรียน พร้อมกับภารกิจพิเศษที่เด็กดี V-Star…กว่า 5แสนคนได้ปฏิญาณตนไว้ว่า “พวกเราเด็กดี V-Star…ทุกคน จะทำหน้าที่เป็นผู้นำฟื้นฟูศีลธรรมโลก เพื่อให้โลกใบนี้งดงามด้วยศีลธรรม”
 
    ในวันนั้น ทุกโรงเรียนได้รับทราบข่าวพิเศษสุดจากคุณครูไม่ใหญ่ (พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์) คือ โครงการ บอกโทษเกินร้อย ชิงทุนเกินล้าน ที่เหล่าเด็กดี V-Star…ที่เข้าร่วมโครงการ จะไปเป็นผู้นำในการก่อการดี ไปสอบถามและรวบรวมโทษของเหล้า เบียร์ บุหรี่ ยาเสพติด จากคนรอบข้าง ทั้งบ้าน วัด โรงเรียน ชุมชน นำมารวบรวมให้ได้มากที่สุด หลายๆโรงเรียนได้แจ้งมาว่า “ขณะนี้เด็กๆรวบรวมได้หลายร้อยข้อแล้ว คาดว่าโรงเรียนของเรามีสิทธิ์ลุ้นรางวัลที่หนึ่ง ทุนการศึกษาสูงสุด หนึ่งล้านบาทอย่างแน่นอน”
 
    คุณครูธนพจน์ สุขสถาพรสกุล คุณครูผู้ประสานงานโครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก โรงเรียนราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โรงเรียนแกนนำของโครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก ซึ่งได้เข้าร่วมกิจกรรมกับชมรมพุทธศาสตร์สากลฯ มาตั้งแต่การจัดสอบตอบปัญหาธรรมะ ทางก้าวหน้า ครั้งที่2 ที่ศาลาพระเกี้ยว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนถึงปัจจุบัน ก็ได้พาเด็กนักเรียนเข้าร่วมโครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก V-Star
 
    ท่านได้เล่าถึงปฏิบัติการก่อการดี ที่เหล่าเด็กดี V-Star ของโรงเรียนได้ไปทำในช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า…
 
    โครงการ บอกโทษเกินร้อย ชิงทุนเกินล้าน เป็นโครงการที่ดีมากครับ เพราะเป็นโครงการที่เชื่อมโยงเอาบ้าน วัด โรงเรียน ชุมชน ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาเรื่องเหล้า เบียร์ บุหรี่ ยาเสพติด ที่สำคัญเป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์มากๆ ซึ่งได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากท่านผู้อำนวยการ สุเทพ โพธิ์เมือง...ท่านบอกว่าเต็มที่เลยโครงการนี้ เพราะเป็นสิ่งที่ดี ช่วยทั้งเยาวชน ช่วยทั้งสังคมและช่วยทั้งชุมชน ตลอดจนประเทศชาติ
 
    เพราะฉะนั้นโรงเรียนของเรา สนับสนุนโครงการนี้เต็มที่ครับ หลังจากที่กลับมาจากงานในวันที่ 13 ธันวาคม เด็กดี V-Star…ของเราก็เต็มที่ครับ ออกทำหน้าที่ สอบถามผู้ปกครอง วัด ชุมชน ถึงโทษภัยของเหล้า เบียร์ บุหรี่ ยาเสพติด เจอใครเด็กๆก็ถามหมด แรกๆเด็กก็ไปสัมภาษณ์เลย ไม่ได้มีแบบฟอร์มอะไร ต้องบอกว่าเด็กๆตื่นตัวกันมากๆครับ
 
    ยิ่งตอนหลัง เราเห็นเขาทำกันด้วยความตั้งใจมากๆ ก็เลยจัดทำเป็นแบบฟอร์มให้ เขาจะได้สะดวกในการสัมภาษณ์ ในแบบฟอร์มก็มีตั้งแต่โทษภัย แนวทางแก้ไข นอกจากนี้ก็ยังมีแบบฟอร์มให้ผู้ใหญ่กรอก แล้วลงลายเซ็นมาเป็นหลักฐาน ตอนนี้เรานำมารวบรวมกันได้หลายร้อยข้อแล้วครับ กำลังอยู่ในระหว่างการคัดไม่ให้ซ้ำกัน
 
 
    การไปสัมภาษณ์ผู้ใหญ่ ทำให้เด็กๆกระตือรือร้นกันมาก ผมก็เลยเสนอท่านผู้อำนวยการว่า ส่วนราชการยังรณรงค์ว่า การให้เหล้าเท่ากับแช่ง และช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ถือว่าเป็นช่วง 7วันอันตราย ที่แต่ละปีมักจะมีอุบัติเหตุจากการดื่มเหล้า-เบียร์ จึงคิดว่าเราควรทำสื่อไปเดินรณรงค์ตามชุมชน จะได้เกิดเป็นกระแสไปยังชุมชนโดยรอบ ไม่ใช่แต่เฉพาะภายในโรงเรียนของเราเท่านั้น
 
 
 
    มีตั้งแต่เทศบาล อนามัย สถานีตำรวจ และยังไปชวนโรงเรียนอนุบาลสุขสวัสดิ์ โรงเรียนข้างเคียง ให้มาร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์ให้เลิกและงดเหล้า เบียร์ บุหรี่ ยาเสพติด เดินรณรงค์กันเป็นระยะทางกว่า 4กิโลเมตร มีวงดุริยางค์นำหน้า เราจัดงานกันเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม ที่ผ่านมา ระหว่างทางเราก็จะให้เด็กๆไปแจกโบรชัวร์ ใบปลิว เรื่องโทษภัยของเหล้า เบียร์ บุหรี่ ยาเสพติด และให้เขาไปสอบถามถึงโทษภัยจากร้านค้า ไม่เว้นครับ เจอใครแจกหมด
 
 
 
 
 
    ผมว่าคำถามของเด็ก เป็นการสร้างจิตสำนึกให้กับผู้ใหญ่ครับ แม้การจราจรจะติดขัดบ้างแต่ก็ไม่มีเสียงต่อว่า มีแต่เสียงชื่นชมว่า “เด็กๆราชประชาสมาสัยฯ เขาคิดได้ เข้าใจทำกิจกรรมสร้างสรรค์สังคม” นอกจากนี้เวลาที่เด็กๆเข้าไปร้านไหน ก็จะได้ขนมได้น้ำดื่มจากแม่ค้า ที่ให้เป็นรางวัลในการทำความดีด้วยครับ
 
 
    ด.ญ.ปวีณา สุวรรณเนตร อายุ 11ปี ชั้น ป.5 ไปถามพ่อแม่ว่า เหล้า เบียร์ ไม่ดีอย่างไร แม่ก็ตอบว่า “กินแล้วไม่ดี ทำให้ปากเหม็นมีกลิ่นปาก ทำให้ทะเลาะวิวาท” เด็กก็ถามด้วยความสงสัยว่า “อ้าว...แม่ ในเมื่อเหล้าไม่ดี ทำไมพ่อถึงดื่มล่ะ” พอเด็กๆถามหลายคน...มากเข้า ผมคิดว่าผลสะท้อนนี้ มันกลับไปที่ผู้ใหญ่นะ ทำให้ผู้ใหญ่ได้คิด เพราะเด็กหลายๆคนก็ถามผมว่า “คุณครูคะ แล้วหนูจะเริ่มต้นถามคุณพ่อของหนูอย่างไรดีคะ”
 
    ผมก็แนะนำว่า “ครูเองก็จะมีสโลแกนนะว่า เหล้าทุกหยด คือ อนาคตของลูก หนูก็ใช้ได้นะลูก การที่พ่อเอาเงินไปซื้อเหล้า สู้เอาเงินไปซื้อหนังสือ สมุด ปากกา ให้หนูดีกว่า” ตอนแรกเด็กก็ไม่กล้าพูด อย่างรายของ ด.ญ.ธนัชชา ยินสูตร อายุ 11ปี ชั้น ป.5 เธอบอกว่า “หนูไม่กล้าหรอกค่ะ พ่อหนูเป็นตำรวจ พ่อหนูดุ ยิ่งเมาก็ยิ่งดุ”
 
    ผมก็เลยแนะนำว่า “ก็ไปคุยตอนที่พ่อไม่เมาสิลูก” เธอก็หายไป แล้วก็กลับมาใหม่ เธอเล่าว่า “หนูไปถามพ่อแล้ว พ่อก็ช่วยเซ็นชื่อและช่วยหนูตอบด้วยว่าเหล้าไม่ดีอย่างไร แล้วหนูก็ขอของขวัญปีใหม่จากพ่อว่า...พ่อคะ ปีใหม่นี้พ่อเลิกเหล้าเป็นของขวัญให้หนูได้ไหมคะ พ่อก็ยิ้มแล้วก็บอกว่า พ่อจะพยายามนะลูกนะ” ซึ่งตอนนี้คุณพ่อของเธอก็ดื่มเหล้าน้อยลงเรื่อยๆแล้วครับ
 
    ผมคิดว่า ถ้าโครงการนี้ทำอย่างต่อเนื่องจะช่วยได้มากเลยครับ เพราะผมคิดว่าเรื่องนี้ลดไม่ได้ครับ มันต้องเลิก เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเรา เพราะถ้าเราไม่ช่วยกันตั้งแต่วันนี้ วันข้างหน้าคนที่ติดเหล้า ติดสิ่งเสพติดเหล่านี้ อาจจะเป็นลูกหลานของเราก็ได้
 
    ถ้าหากว่ารณรงค์แล้ว ก็สร้างจิตสำนึกให้ทุกคนเลิกสิ่งเหล่านี้ได้ มันเป็นการแก้ปัญหาสังคมที่ต้นเหตุ จะแก้ได้ดีกว่านโยบายอื่นๆด้วยซ้ำไป เราไม่ต้องไปสร้างคุก สร้างตะราง...จับคน แต่เราแก้ปัญหาให้ถูกที่ ไม่ใช่ว่ามีนโยบายรณรงค์ ให้เมาไม่ขับ แต่ก็อนุญาตให้สร้างโรงงานผลิต นั่นไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง มันเป็นปลายเหตุครับ ที่สำคัญผู้ใหญ่ต้องเป็นต้นแบบ ไม่ใช่ว่ามีงานสังสรรค์ ก็ยกเหล้าขึ้นชู ให้เด็กเห็นว่าเป็นสิ่งเท่ ถ้าจะแก้เรื่องนี้จริงๆ ต้องแก้ตรงที่ไม่ให้มีการผลิตครับ
 
***************
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/latest_update/Thailand_V_Star_Rachpracha.html
เมื่อ 3 กรกฎาคม 2567 18:32
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv