ก้าวแรก Peace Revolution ในเยอรมัน แดนคนจริง
 
จากวารสารอยู่ในบุญฉบับเดือนกันนายน พ.ศ.2557
 
ขอขอบคุณ ภาพจาก www.lightaudiodesign.com

      มีเรื่องเล่าต่อ ๆ กันมาว่า สมัยที่พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านเคยปรารภว่า ในอนาคตอยากนำวิชชาธรรมกายไปเผยแผ่ที่ประเทศเยอรมนี เพราะท่านเล็งเห็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่ที่จะเกิดแก่พระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกายอย่างไรก็ตาม ความปรารถนาของท่านเพิ่งมาสำเร็จในยุคหลังนี้ เมื่อคณะศิษยานุศิษย์ของท่านไปสร้างวัดและศูนย์สาขาหลายแห่งที่สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
 

     ต่อมาในเดือนเมษายน พ.ศ. 2554 ทีมงานพีซเรฟโวลูชัน (Peace Revolution) ก็มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการทำความปรารถนาของพระเดชพระคุณหลวงปู่ให้สำเร็จ ด้วยการไปจัดปฏิบัติธรรมในประเทศเยอรมนีเป็นครั้งแรกที่กรุงเบอร์ลิน ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศ และที่รัฐนอร์ดไรน์-เวสท์ฟาเลนในการเดินทางไปครั้งนี้ ทีมงานพีซเรฟโวลูชันค้นพบว่า การปักหลักจัดปฏิบัติธรรมในเมืองใหญ่ ๆ ทำให้มีโอกาสพบปะผู้คนจากประเทศต่าง ๆ ทั่วยุโรปได้ง่ายขึ้น เพราะปัจจุบันชาวยุโรปสามารถย้ายถิ่นฐานการทำงานได้อย่างอิสระ ในกรณีของกรุงเบอร์ลินถือว่าเจอชาวต่างชาติ (ที่ไม่ใช่ชาวเยอรมัน) ครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว ทีมงานจึงเข้าถึงผู้คนหลากเชื้อชาติได้ง่ายขึ้น และได้พีซเอเจนต์ (Peace Agent) ง่ายขึ้น ซึ่งถือเป็นลู่ทางที่จะขยายวิชชาธรรมกายให้กว้างไกลออกไปทั่วยุโรปได้สะดวกขึ้น
 
พีซเอเจนต์ซานโตส กิริ พีซเอเจนต์อังคา โยกูเลสคู (ลิตเติลอังคา) พีซเอเจนต์อังคา กลิกา (อังคา)

     การปฏิบัติธรรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 - 20 เมษายน พ.ศ. 2557 โดยแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกจัดที่กรุงเบอร์ลิน โดยมีพีซเอเจนต์อังคาโยกูเลสคู (ลิตเติลอังคา) ชาวโรมาเนีย เป็นผู้ประสานงาน ช่วงที่สองจัดขึ้นที่รัฐนอร์ดไรน์เวสท์ฟาเลน มีพีซเอเจนต์ซานโตส กิริ ชาวเนปาล เป็นผู้ประสานงาน ส่วนผู้ควบคุมคุณภาพ (QC) ในการจัดงานครั้งนี้ คือ พีซเอเจนต์อังคากลิกา ชาวโรมาเนีย ผู้ประสานงานภาคพื้นยุโรป
 

     การปฏิบัติธรรมรอบแรกจัดที่กรุงเบอร์ลินซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวด้านประวัติศาสตร์ และเป็นที่ตั้งของกำแพงเบอร์ลินซึ่งแบ่งเยอรมนีออกเป็น 2 ประเทศ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2

     ปัจจุบันกรุงเบอร์ลินมีประชากร 3.4 ล้านคน (มีคนไทยประมาณ 6,000 คน) ประชากรราว ๆ 60 เปอร์เซ็นต์ ประกาศตนว่าไม่มีศาสนา อีก 23 เปอร์เซ็นต์ เป็นกลุ่มโปรเตสแตนต์ 9 เปอร์เซ็นต์ เป็นโรมันคาทอลิก และอีก 6 เปอร์เซ็นต์ เป็นมุสลิม

     การเดินทางไปกรุงเบอร์ลินครั้งนี้ ทีมงานพีซเรฟโวลูชันไปพักที่วัดพระธรรมกายเบอร์ลินโดยมีพระอาจารย์และเจ้าภาพให้การดูแลเป็นอย่างดี

     ทีมงานจัดปฏิบัติธรรมที่กรุงเบอร์ลินทั้งหมด ๗ รอบ โดยมีลิตเติลอังคาเดินทางมารับทีมงานไปนั่งรถไฟใต้ดินเข้าไปทำกิจกรรมในเมืองทุกวัน

     รอบที่ 1 จัดปฏิบัติธรรมที่บอยส์คลับ (Boys Club) บอยส์คลับจัดตั้งโดยกลุ่มนักศึกษาต่างชาติ พวกเขาเปิดพื้นที่ในตึกสำหรับเยาวชนต่างชาติให้มาทำกิจกรรมต่าง ๆ

     ความประทับใจอย่างแรกของทีมงานในการจัดปฏิบัติธรรมรอบนี้ ก็คือ ผู้ร่วมกิจกรรมต่างเดินทางมาก่อนเวลา ทำให้การปฏิบัติธรรมเริ่มได้ตรงเวลา ซึ่งถือเป็นเรื่องยากในหลาย ๆประเทศ
 

     รอบนี้ นอกจากชาวเยอรมันแล้ว ผู้ร่วมกิจกรรมกว่าครึ่งมาจากประเทศอื่น ๆ เช่น ประเทศอาร์เจนตินา สเปน โคลอมเบีย อเมริกาฝรั่งเศส ฯลฯ

    หลังจากพระอาจารย์นำนั่งสมาธิไปเกือบ 40 นาที เมื่อบอกให้ทุกคนลืมตา ปรากฏว่าเกือบทุกคนรู้สึกผ่อนคลายมาก บางคนรู้สึกเหมือนตัวหาย ตัวลอย บางคนเห็นแสงสว่างส่องขึ้นมาบางคนรู้สึกเหมือนตัวโยกไปมา

     เมื่อต่างได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการนั่งสมาธิ พวกเขาก็เริ่มสนใจในสิ่งที่พระอาจารย์แบ่งปัน แต่ชาวยุโรปตะวันตกโดยเฉพาะคนเยอรมันยังเก็บอาการ ไม่แสดงออกทางสีหน้าแต่เห็นหน้านิ่ง ๆ แบบนี้ มีตั้ง 10 กว่าคน ตามพระอาจารย์ไปนั่งสมาธิต่อในรอบอื่น ๆ

     รอบที่ 2 จัดปฏิบัติธรรมที่ซูเปอร์มักต์ (Super Makt) ซึ่งเป็น Co-working Space หรือพื้นที่ที่เปิดให้คนมาเช่าทำงานเป็นรายชั่วโมง ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในสังคมตะวันตกและเนื่องจากลิตเติลอังคาใช้บริการนี้เป็นประจำ เธอจึงมีเครือข่ายคนรู้จักในกรุงเบอร์ลินมากมาย

    การจัดปฏิบัติธรรมรอบที่ 2 นี้ เริ่มขึ้นหลังจากรอบแรก 1 ชั่วโมง ทีมงานเดินทางไปด้วยรถไฟใต้ดิน รอบนี้มีหลายคนจากรอบที่แล้วตามมาด้วย เมื่อไปถึงซูเปอร์มักต์ก็พบว่ามีคน 40 กว่าคนนั่งรออยู่แล้ว ทำให้เริ่มนั่งสมาธิได้ตรงเวลา
 

    บรรยากาศขณะปฏิบัติธรรมเงียบสงบดีไม่มีแม้เสียงกระแอม ไอ หรือจาม หลาย ๆ คนรู้สึกสบายมาก บางคนก็ตัวหาย ตัวขยาย บอกว่านั่งแล้วรู้สึกดี มีความสุขมาก แต่หลาย ๆ คนไม่ค่อยเล่าประสบการณ์ โดยเฉพาะคนเยอรมันซึ่งไม่ชอบแสดงออก

    ในการจัดปฏิบัติธรรมรอบที่ 3, 4, 5 นั้น เนื่องจากลิตเติลอังคากว้างขวางใน Co-working Space หลายแห่ง เธอจึงสามารถขอใช้สถานที่ชื่อเบตาเฮาส์ (Beta Haus) ได้ฟรี ๆ ทั้ง 3 รอบ
 

    การปฏิบัติธรรม 3 รอบนี้ ลิตเติลอังคาใช้เฟซบุ๊กประชาสัมพันธ์กิจกรรม ประกอบกับผู้ที่มาปฏิบัติธรรมตั้งแต่รอบแรกมีผลการปฏิบัติธรรมที่ดี และพระอาจารย์ก็อธิบายเรื่องสมาธิเชื่อมโยงกับเนื้อหาที่แตกต่างกันในแต่ละรอบหลายคนจึงสนใจตามมาร่วมกิจกรรมอีก ทำให้มีคนมานั่งสมาธิเกือบเต็มห้องทั้ง 3 รอบสมาชิกของเว็บไซต์พีซเรฟโวลูชันชาวสเปนคนหนึ่ง ซื้อตั๋วเครื่องบินมานั่งสมาธิตั้งแต่รอบแรก และเข้าร่วมกิจกรรมทุกวัน เขาบอกว่า “ฉันมีความสุขมากๆ ตัวฉันขยายออกไปทุกทิศทาง” อีกคนหนึ่งมาจากตุรกี เขาบอกว่า “ฉันทำสมาธิกับพีซเรฟโวลูชันอยู่แล้ว วันนี้นั่งแล้วมีความสุขมาก ฉันจะทำบันทึกความดีออนไลน์ให้จบ เพื่อที่จะไปร่วมการอบรมที่เมืองไทยให้ได้” ส่วนบางคนนั่งสมาธิแล้วเห็นแสงสว่าง บางคนบอกว่า ตอนแรกนึกนิมิตเป็นพระจันทร์ ต่อมาพระจันทร์กลายเป็นพระอาทิตย์ส่องสว่าง

     ในแต่ละรอบเมื่อพระอาจารย์ถามว่านั่งกันเป็นอย่างไรบ้าง คนที่ตอบมักไม่ใช่ชาวเยอรมัน มีชาวเยอรมันคนหนึ่งเป็นเพื่อนของลิตเติลอังคา เขาทำหน้าเฉย ๆ ตั้งแต่ก่อนนั่ง กำลังนั่ง และหลังจากนั่งแล้ว ตอนหลังเขามาบอกลิตเติลอังคาว่า “รู้สึกประทับใจมากพระอาจารย์อธิบายดีมาก ไม่เคยคิดว่าสมาธิจะดีอย่างนี้ ครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่รู้สึกว่าสุดยอดมาก นั่งไปก็เห็นเป็นดวงลอยอยู่ตรงหน้า กลมใสสว่างมาก” ทีมงานฟังแล้วก็คิดว่า คนแบบนี้น่าจะเป็นประเภท “รักนะแต่ไม่แสดงออก”

     หลังจากเสร็จสิ้นรอบการปฏิบัติธรรมพวกเขาปรบมือให้พระอาจารย์และทีมงาน แล้วเดินมาขอบคุณ เหมือนจะบอกให้ชื่นใจว่า “ชอบนะ แต่ขอแสดงออกแค่นี้แหละ”
 

     รอบที่ 6 ปฏิบัติธรรมที่เรนเมคกิงลอฟต์บูตแคมป์ (Rainmaking Loft Boot Camp) ซึ่งเป็นศูนย์รวมของบริษัทขนาดเล็กที่เปิดใหม่หรือ Start-up Company

     ภาพที่พระภิกษุไปสอนสมาธิในกลุ่ม Start-up คงไม่ชินตา ทำให้มีพนักงานที่นั่นขอมานั่งสมาธิด้วย และเนื่องจากคนส่วนใหญ่ทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พระอาจารย์จึงอธิบายเปรียบเทียบคอมพิวเตอร์กับใจว่าร่างกายของคนเราประกอบด้วยใจ เหมือนกับคอมพิวเตอร์ที่ประกอบด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ถ้าซอฟต์แวร์ติดไวรัสก็ยากที่จะรีดประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ออกมาได้สูงสุดใจของคนเราก็เช่นกัน จะต้องทำความสะอาดให้ปราศจากไวรัส คือ ความโลภ โกรธ หลงจึงจะทำให้ใจมีพลัง ซึ่งดูเหมือนว่า การเปรียบเทียบอย่างนี้ช่วยดึงดูดความสนใจของมนุษย์คอมพิวเตอร์พวกนี้ได้เป็นอย่างดี

     รอบนี้ พระอาจารย์นำนั่งสมาธิ 40 นาทีแต่ทุกคนรู้สึกเหมือน 20 นาทีเท่านั้น หลาย ๆ คนบอกว่า ความเครียดที่มีมาเมื่อสักครู่หายไปจนหมดสิ้น บางคนเห็นแสงสว่าง บางคนตกศูนย์และรู้สึกตกใจ มาถามว่าเกิดอะไรขึ้น นอกจากนี้ หลาย ๆ คนยังสนใจการนั่งสมาธิออนไลน์และบอกลิตเติลอังคาว่า คงจะวิเศษไม่น้อยถ้าจะมีการนั่งสมาธิออนไลน์กันที่นี่เป็นประจำ

     รอบที่ 7 จัดปฏิบัติธรรมกับกลุ่มทุดกูด (Tut gut) รอบนี้เป็นรอบสุดท้ายในกรุงเบอร์ลินกลุ่มคนเหล่านี้มีความสนใจด้านสุขภาพและจิตวิญญาณเป็นพิเศษ

     รอบนี้มีผู้ร่วมปฏิบัติธรรมกว่า 30 คน ซึ่งล้วนมีผลการปฏิบัติธรรมที่ดี คนหนึ่งกล่าวว่า รู้สึกง่วงในตอนแรก แต่เมื่อนั่งไป ๆ ตัวก็เบาเหมือนลอยได้ จนกระทั่งตัวหายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับบรรยากาศ อีกคนหนึ่งบอกว่า เขาไม่เข้าใจว่าศูนย์กลางกายอยู่ตรงไหน แต่เมื่อใจนิ่ง ภาพแอปเปิลที่เขานึกอยู่ก็เปลี่ยนเป็นสิ่งกลม ๆ ที่ส่องสว่าง และเป็นประกายมันวาวคล้าย ๆ กระจกส่องหน้า (เขาใช้คำว่า Metal Ball) แล้วศูนย์กลางกายก็ปรากฏขึ้นเองอย่างชัดเจน ทำให้รู้สึกสงบและปราศจากความกังวลอีกคนเดินมาขอบคุณพระอาจารย์ บอกว่านั่งสมาธิมาเกือบ 20 ปีแล้ว ไม่เคยรู้สึกดีอย่างนี้มาก่อนเลย
 

     เมื่อเสร็จภารกิจที่กรุงเบอร์ลินแล้ว ทีมงานไปจัดปฏิบัติธรรมต่อที่รัฐนอร์ดไรน์-เวสท์ฟาเลนพักค้างที่วัดพุทธนอร์ดไรน์-เวสท์ฟาเลน และได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากพระอาจารย์และโยมอุปัฏฐาก

      การจัดปฏิบัติธรรมที่นี่มีพีซเอเจนต์ซานโตส กิริ นักศึกษามหาวิทยาลัย Rhein-Waal, Nordrhein-Westfalen เป็นผู้ประสานงานซานโตสทำประชาสัมพันธ์ในมหาวิทยาลัยที่เขาเรียนอยู่ ทำให้มีผู้มาร่วมปฏิบัติธรรมกว่า 20 คน รอบนี้นักศึกษาหญิงชาวเยอรมันคนหนึ่งบอกว่า เธอไม่เคยเชื่อมาก่อนว่า เธอจะสามารถหยุดความคิดได้ หลังจากนั่งสมาธิแล้ว เธอกลับประหลาดใจว่า เมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้น ตัวเธอหายไปไหน สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะไปร่วมปฏิบัติธรรมสุดสัปดาห์ 3 วันด้วยเพื่อนของซานโตสคนหนึ่งรู้สึกประทับใจที่ซานโตสมีความสุขในการแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับสันติสุขภายในให้ผู้อื่น ซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขาสนใจเรื่องสมาธิและมาช่วยจัดกิจกรรม เมื่อเขาลองนั่งสมาธิดู เขาบอกว่า ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นยากจะอธิบาย เขารู้สึกว่ามีพลังบางอย่างแผ่ขยายออกมาจากบริเวณหน้าผาก (พระอาจารย์แนะนำว่าสบายตรงไหนให้วางใจตรงนั้นไปก่อน) จนกระทั่งความรู้สึกแผ่ซ่านครอบคลุมหลอมร่างกายให้หายไป ทุกสิ่งทุกอย่างดูโล่งไปหมด และความรู้สึกนี้ค่อย ๆเคลื่อนลงสู่บริเวณกลางท้อง ทำให้รู้สึกสบายผ่อนคลาย และหายเครียด
 

     หลังจากนี้ ทีมงานไปจัดปฏิบัติธรรมสุดสัปดาห์ 3 วัน ที่เมืองเคฟเวลาห์ในรัฐนอร์ดไรน์-เวสท์ฟาเลน สถานที่จัดปฏิบัติธรรมครั้งนี้ชื่อ World House

     เนื่องจากช่วงที่จัดปฏิบัติธรรมเป็นช่วงที่ตรงกับเทศกาลอีสเตอร์ ทำให้นักศึกษาหลายคนต้องกลับบ้าน มาร่วมกิจกรรมไม่ได้ ซานโตสจึงต้องทำงานหนัก ทั้งทำโปสเตอร์ ติดต่อโฆษณาในหนังสือพิมพ์ แต่ก็มีผู้ลงทะเบียนมาเพียง 16 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยในครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมต้องรับผิดชอบเรื่องค่าที่พักและอาหารเอง แต่นักศึกษาจากมหาวิทยาลัย Rhein-Waal สามารถเบิกงบสวัสดิการจากมหาวิทยาลัยได้ ซึ่งถือว่าซานโตสไม่ธรรมดาเลยที่สามารถดึงมหาวิทยาลัยให้มาร่วมด้วยช่วยกันได้

     ในรอบนี้ ผู้เข้าร่วมปฏิบัติธรรมต่างบอกว่าไม่เคยคิดว่าสมาธิจะเป็นเรื่องง่าย และไม่เคยนั่งสมาธิมากขนาดนี้มาก่อน นอกจากนี้ยังไม่ได้คาดหวังว่าจะมีผลการปฏิบัติธรรมดีขนาดนี้ ยิ่งนั่งก็ยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ บางคนบอกว่า เมื่อสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก็รู้สึกเหมือนลมหายใจช้าลง หัวใจก็เต้นช้าลง บางคนบอกว่าเหมือนฝันไป เห็นภาพนิมิตค่อนข้างชัด บางครั้งมีความสุขมาก ไม่อยากจะลืมตาเลย แต่ที่ทีมงานสังเกตเห็นก็คือ หลายคนดูยิ้มง่ายและมีความสุขมากขึ้นนอกจากสมาธิ สิ่งที่ทุกคนสนใจมากก็คือหลักอริยมรรคมีองค์ 8 ซึ่งเมื่ออธิบายควบคู่กับสมาธิ และหลักในการสร้างนิสัยดี ๆ ผ่านบทฝึก 5 ห้องชีวิต เนรมิตนิสัย และความดีสากลของพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโวแล้ว หลายคนถึงกับพูดว่า สิ่งนี้เหมือนจะเป็นกุญแจที่ไขความลี้ลับแห่งการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนเลยทีเดียว
 

     ตราบจนถึงวันนี้ หลายคนก็คงยังไม่ทราบว่า พระเดชพระคุณหลวงปู่เล็งเห็นอะไรเกี่ยวกับคนเยอรมันหรือประเทศเยอรมนี แต่ที่แน่ ๆ ปัจจุบันเยอรมนีมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก 4 ปีซ้อน (จากนิตยสาร Forbes) และที่สำคัญคนเยอรมันมีคุณสมบัติพิเศษอย่างหนึ่งที่ห่างไกลจากคำว่า “ไอ้ขี้ไต้” (คำที่หลวงปู่ใช้เรียกคนที่ไม่มีความตั้งใจจริงและไม่มีความสม่ำเสมอในการปฏิบัติธรรม) เพราะคนเยอรมันเป็นคนทำอะไรทำจริง และมีระบบระเบียบในชีวิตมาก หากสนใจการปฏิบัติธรรมก็จะทำจริงและสม่ำเสมอ ดังจะเห็นได้จากเว็บไซต์พีซเรฟโวลูชันที่มีสมาชิกชาวเยอรมันมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่า อีกไม่นานแสงแห่งธรรมจะส่องสว่างกลางใจชาวดอยช์ (Deutsch) อย่างแน่นอน
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/scoop/ก้าวแรก-Peace-Revolution-ในเยอรมันแดนคนจริง.html
เมื่อ 1 กรกฎาคม 2567 19:16
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv