ไม่เสียใจหากน้ำจะท่วม...เพราะเราได้พยายามแล้ว
 
ข่าวน้ำท่วม
 
 
 
 
 
 
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก kapook.com และ คุณ chawakit 
 
           อุทกภัยครั้งนี้ ทำให้เราได้เห็นน้ำใจของเหล่าอาสาสมัครคนรุ่นใหม่ไฟแรงทั้งหลาย เพราะเมื่อใดที่มีการประกาศขออาสาสมัครช่วยแพคของ ช่วยบรรจุถุงทราย ก็จะมีคนจำนวนไม่น้อยเดินทางไปยังจุดนั้น เพื่อช่วยเหลือกันคนละไม้คนละมือที่ดูแล้วเป็นภาพที่น่าประทับใจเอามาก ๆ
 
           และครั้งนี้  ขอติดตามภารกิจของ คุณ chawakit ที่ได้บันทึกภาพแห่งความร่วมแรงร่วมใจของคนจำนวนมาก ที่เดินทางมาช่วยกันบรรจุกระสอบทรายที่คลองหก เพื่อปกป้องเมืองหลวงของเรา และได้นำมาโพสต์ในเว็บไซต์ pantip ให้พวกเราได้ชมกัน เมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา ...พร้อมแล้วก็ไปตามติดภารกิจรวมพลังช่วยชาติครั้งนี้กันเลยค่ะ
 
           "ไม่มีภัยธรรมชาติใดครั้งใดที่จะกลืนกินหรือทำลายชาติไทยเราได้ หากบ้านเมืองเราจะถูกทำลาย นั่นก็เพราะคนในชาติเอารัดเอาเปรียบกันเองดูดายในความเดือดร้อนของพี่น้องของเราเอง"
 
           ผมเชื่อมั่นในถ้อยคำเหล่านี้เสมอ ติดตามข่าวสารมาตลอดแต่ยังไม่ได้ลงมือช่วยทำอะไรเป็นกิจจะลักษณะ จนเริ่มไม่ไหวแล้ว ต้องหาอะไรทำซักอย่าง จนได้รับข่าวจากทาง SiamArsa (facebook/SiamArsa) ว่าต้องการแรงงานในหลาย ๆ จุด แต่มีอยู่ที่หนึ่งทำให้ผมรีบจัดของ รีบนอนแต่หัวค่ำ เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการใช้แรงงานในวันรุ่งขึ้น "อาสาบรรจุทราย คลองหก"
ผมเดินทางจากบางคอแหลมมาขึ้นรถเมล์เฉพาะกิจที่อนุสาวรีย์ในตอนสาย ๆ รถจะออกทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง...ป่ะ แพคกระเป๋าตามผมมาเลยครับ
 
 
เดินทางจากอนุสาวรีย์ด้วยรถเมล์ปรับอากาศจนมาถึง ศปภ ที่ดอนเมืองเพื่อต่อรถไปยังคลองหก เดินสำรวจภายในคร่าว ๆ เจอข้าวของที่เข้าใจว่ามาจากการรับบริจาคมากมายทีเดียว
 
 
 
ระหว่างที่ยืนรอรถเมล์เพื่อเดินทางต่อไปยังคลองหก ก็ได้ยินเสียประกาศอยู่ตลอดว่าต้องการแรงงานตรงนั้นตรงนี้ แต่เสียงหนึ่งที่ฟังแล่วทะ:-) ๆ คือ "คลองหกไม่มีใครเค้าไปกันแล้วน้อง ไปนี่ดีกว่า !@#$%^&* เอาล่ะสิ ผมเลยปรึกษากับน้อง ๆ ที่เราเพิ่งรู้จักกันบนรถว่าเอาไง ได้รับคำยืนยันว่า "เราตั้งใจมาแล้วพี่ ยังไงก็ต้องไปให้ถึง" ...แหม่ มันชื่นใจจริงน้องเอ้ย
 
ใช้เวลาในการเดินทางถ้านับจากอนุสาวรีย์ นั่งรถสองต่อ รวม ๆ แล้วเกือบสองชั่วโมงเลยทีเดียวทั้งไกลและรถติด สองข้างทางเต็มไปด้วยรถราของประชาชนนำมาจอดหนีน้ำ ทำให้การสัญจรไม่สะดวกนัก แต่ก็เอาล่ะครับ ชั่วโมงนี้อย่ามาตัดพ้อกันเองเลย
 
 
ถึงละเป้าหมายของอาสาสมัครในวันนี้ "วิทยาลัยการปกครอง"
 

 
พอลงจากรถ เสียงแรกที่ผมได้ยินคือเสียงประกาศจากศูนย์อำนวยการ "ยินดีต้อนรับอาสาสมัครที่เพิ่งมา ถึงทุกท่าน หนุ่ม ๆ ทั้งหลายไปช่วยรับน้ำจากน้อง ๆ หน่อยครับ เค้าอุตส่าห์เดินทางมาไกล ให้สาว ๆ แบกน้ำแบกข้าวอยู่ได้ยังไงครับ ช่วยกันหน่อย"
ประโยคที่เรียบง่าย แต่ตื้นตันครับ...เราเพิ่งมาถึงยัน ยังไม่ได้ทำอะไรกันเลย แต่ดูเหมือนทุกคนที่นี่ ดีใจที่เรามา
 
 
หากใครยังไม่ทราบนะครับ ที่นี่คือ จุดบรรจุทรายลงกระสอบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ณ ขณะนี้ เท่าที่ผมกวาดสายตาดูคร่าว ๆ ... มัน ใหญ่ มากกกกกก
 

 
หากใครคิดว่างานเรียงถุง สบาย ขอบอกว่าไม่ใช่ซะทีเดียวครับ อาจจะไม่ร้อนเท่าขุดทรายน่ะใช่
 
 
แต่ .... ยังมีอีกเยอะมากกกกกก

 
พี่ทหารบอกว่า "ถ้าไม่มีอาสาสมัคร พวกผมตายแน่ครับ"
 
 
แต่ทุกคนก็ยังไหว หากทรายทุดเม็ดที่เราบรรจุลงถุงจะช่วยเมืองหลวงของเราให้พ้นวิกฤติครั้งนี้ได้
 

 
แรงงานที่อยู่กลางแดด ไม่ต้องแปลกใจนะครับว่าทำไมถึงสาว ๆ พอ ๆ กับหนุ่ม ๆ ทั้ง ๆ ที่ควรจะมีแรงงานชายมากกว่า คำตอบเรียบง่ายมากครับ ในช่วงแรก อาสาสมัครที่สาช่วยขุดทราย จะเป็นแรงงานชายมากกว่า และคนที่คอยมัดถุงจะเป็นแรงงานสาว ๆ แต่งานที่ต้องลำเลียงถุงทรายขึ้นรถ ขุดทราย  เป็นงานที่ต้องใช้แรงเยอะมากครับ จนเวลาผ่านไปหลายวัน ทั้งแรงงานทหารและอาสาสมัครชายเริ่มจะไม่ไหวกัน จึงเป็นสาเหตุที่น้อง ๆ สาว ๆ ต้องออกมาช่วยกันครับ
 
รถบรรทุกที่บรรจุกระสอบทรายออกไปช่วยเหลือตามพื้นที่กรุงเทพด้านเหนือ และบริเวณรอบ ๆ กว่าสองล้านกระสอบออกเดินทางจากที่นี่แหละครับ
 
 
 
ไม่ใช่เฉพาะพี่น้องชาวไทยที่มาร่วมแรงร่วมใจกันในวันนี้ ชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยก็มาร่วมแสดงพลังเช่นเดียวกัน
 


กำลังเสริมระลอกใหม่มาถึงอีกแล้ว ดีจัง
 

 
สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจและประทับใจได้อีกครั้ง
 

 
เราจะต้องผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้
 
 
ในที่สุด ผมก็ได้ทำหน้าที่ของผมเสร็จสมบูรณ์สำหรับภาระกิจคลองหก วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ที่ที่คน (หน้าตา) ดี ๆ เค้ามากัน
 
           ผมขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม ติดตามให้กำลังใจ แบ่งปันกระทู้นี้ให้กับเพื่อน ๆ พี่ ๆ หรือคนรอบข้างเพื่อสร้างจิตอาสาอันเข้มแข็งในการกอบกู้และฟื้นฟูประเทศของเรา สิ่งที่เราได้ทำหรือสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ใช่สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก แค่มันคือสิ่งที่เรียกว่าความสามัคคี การที่เราออกมาช่วยเพื่อนบ้าน นั่นก็คือการที่เราออกมาช่วยตัวเราเอง ช่วยครอบครัวของเราเอง
 
            ภาวะวิกฤติน้ำท่วมครั้งนี้ ยังไม่มีใครบอกได้ว่าจะจบลงเมื่อไหร่
           "สองมือ" ของทุกคนเท่านั้น คือคำตอบ
 
           จนกว่าจะพบกันใหม่ในโอกาส "เฉพาะกิจ" ต่อไป ขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่อยู่ด้วยกันจนจบภาระกิจ หัวใจนายหล่อ/สวยมาก

           ชวกิจ  สังข์จรูญ
           24 ตุลาคม 2554 เวลา 04:40 น.
 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/scoop/น้ำท่วมทั่วไทย-น้ำท่วม-ภาพน้ำท่วม.html
เมื่อ 4 กรกฎาคม 2567 04:15
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv