บวชเถิดชายไทย
อย่ามัวหลับใหลลุ่มหลง

สร้างคนให้เป็นคนดี
เรื่อง : พ.สนิทวงศ์

จากวารสารอยู่ในบุญฉบับเดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๘

“ฆราวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี ส่วนบรรพชาเป็นโอกาสแสงสว่าง
ผู้อยู่ครองเรือนจะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยส่วนเดียว
เหมือนสังข์ที่เขาขัดดีแล้วโดยง่ายนั้นไม่ได้ ถ้าไฉนเราพึงปลงผมและหนวด
ครองผ้าย้อมน้ำฝาดออกจากเรือน บวชเป็นผู้ไม่มีประโยชน์เกี่ยวข้องด้วยเรือนเถิด”
(ม.ม. ๑๓/๖๖๙/๗๓๘ )
 
 

     นี้คือ คำปรารภของเจ้าชายสิทธัตถะ หลังจากได้ทรงเห็นเทวทูตทั้ง ๔ ได้แก่ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณะ ทำให้กระตุกความคิดของเจ้าชายให้ตื่นจากการหลับใหลด้วยอวิชชา ที่เคยคิดว่าชีวิตมีความสุขและเป็นนิรันดร์ ก่อนตัดสินใจออกบวชเพื่อแสวงหาโมกขธรรม เป็นหนทางแห่งการหลุดพ้นจากการเวียนเกิดเวียนตายในสังสารวัฏ

ส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัย

    การบรรพชาอุปสมบท หรือเรียกสั้น ๆ ว่าการบวช คือ การยกฐานะจากผู้นับถือพระรัตนตรัยขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัย เป็นหนทางสู่พระนิพพาน เป็นสิ่งที่กระทำได้ยาก กว่าจะมีการบวชต้องถึงพร้อมด้วยองค์ประกอบหลายประการ ผู้บวชจะต้องเป็นสัมมาทิฐิ ต้องเป็นมนุษย์ที่ไม่พิการและเป็นชายเท่านั้น การบวชนั้นมีอานิสงส์มาก บุคคลใดได้บวชในบวรพระพุทธศาสนาด้วยศรัทธาเลื่อมใสจะได้อานิสงส์ ๖๔ กัป บิดามารดาได้อานิสงส์ ๓๒ กัปบุคคลใดได้บวชบุตรของตนก็ดี บุตรของผู้อื่นก็ดีก็จะไม่ไปสู่อบายภูมิ
 


บวชแล้วเป็นคนสุกและสุข

      โบราณเรียกคนที่บวชแล้วว่า ทิด (มาจากคำว่า บัณฑิต แปลว่า ผู้ศึกษาแล้ว)
หมายถึง คนสุกคือ กิเลสในตัวมันสุก ยังไม่ถึงกับหมดไป แต่อาศัยการบำเพ็ญตบะในเพศสมณะย่างกิเลสทั้งโลภ โกรธหลง จนมันสุก คือมันไม่ดิบแล้ว ฤทธิ์มันอ่อนลงไปมากแล้ว ในสมัยโบราณถ้าใครยังไม่บวชแล้วไปขอลูกสาวใครเขา เขาจะไม่ยกให้ เพราะเขายังไม่ไว้ใจว่าจะพาลูกสาวเขาไปดีได้หรือไม่ ต้องเคยบวชเรียนมาก่อนจนเป็นทิดเขาถึงจะยกให้ ฉะนั้นการบวชเรียนอย่างนี้ถูกต้องที่สุดและเป็นประโยชน์ที่สุด เป็นธรรมเนียมไทยแต่โบราณมา ให้ช่วยกันรักษาต่อไปเพื่อตัวของเราเป็นสุข เพื่อสังคมประเทศชาติ และเพื่อการจรรโลงพระพุทธศาสนาด้วย
 


เป็นพระไม่ใช่ง่าย

     เป็นพระไม่มีอะไรง่าย ฉันอาหาร ๒ มื้อนั่งสมาธิ สวดมนต์ ทำกิจวัตร กิจกรรม แต่ก็สบายใจ เป็นความสุขที่ไม่ได้อิงวัตถุ แต่เกิดจากความสงบใจ ซึ่งเป็นสุขที่ประณีตกว่าความสุขที่อิงวัตถุ บวชแล้วทำให้ใจไม่ยึดเกาะไม่ติดวัตถุมากเกินไป เพราะเคยสัมผัสแล้วว่าความสุขจริง ๆ นั้นเหนือกว่าสุขจากวัตถุมากแล้วเราจะแยกออกด้วยว่า ระหว่างคำว่า“ความจำเป็น” กับ “ความต้องการ” ต่างกันอย่างไร แต่กว่าจะถึงขั้นนั้นได้ ต้องใช้เวลาฝึกตนอย่างน้อย ๓ เดือน จึงจะลึกซึ้ง
 


บวช ๑๕ วัน กับบวช ๓ เดือน แตกต่างกัน

     บางคนบอกว่าไม่มีเวลา ขอบวชระยะสั้น ๆ ได้ไหม แค่ ๗ วัน ๑๕ วัน ต้องคิดใหม่อย่างนี้ว่า เวลาเราไปเรียนหนังสือ ๑๕ วัน กับเรียน ๓ เดือน ย่อมมีความแตกต่างกัน ถ้าได้บวช ๓ เดือน ก็จะได้ผลแห่งการบวชเต็มที่มากกว่าถ้าจะให้ดีควรจะบวช ๔ เดือนด้วย คือ ไปอยู่เตรียมตัวก่อนเข้าพรรษาสัก ๑๕-๒๐ วัน แล้วบวชเข้าพรรษา ๓ เดือน ออกพรรษาแล้วอยู่รับกฐินก่อน และถ้าได้เดินธุดงค์ก่อนยิ่งดีรวมแล้วทั้งหมดเป็น ๔ เดือน ครบหลักสูตรอย่างนี้ดีที่สุด ได้ผลมากที่สุด
 

       ถ้าทางบริษัทให้ลาได้แค่ ๑๕ วัน ก็ลองคุยกับหัวหน้าว่า ขอเอาวันพักร้อน วันลาอะไรต่าง ๆ บวกเข้าไปด้วย อย่างน้อยขอให้ได้สักเดือนหนึ่งก็ยังดี เพราะ ๑๕ วันสั้นเกินไป ยังไม่ทันได้อะไร แค่เพิ่งซ้อมบวช พอบวชได้ไม่กี่วันก็ต้องสึกแล้ว เวลาเรียนธรรมะสั้นเกินไป ถ้าระยะสั้นจริง ๆ ต้องอย่างน้อย ๑ เดือนขึ้นไปและระหว่างบวชให้ตั้งใจฝึกอย่างเต็มที่ ให้รู้ว่าเรามีเวลาน้อย จึงต้องฝึกอย่างเข้มข้นจริง ๆ แล้วขอให้เลือกบวชที่วัดที่มีการอบรมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน มีการอบรมอย่างเป็นระบบด้วยอย่างนี้เวลาของเราในแต่ละวันจะได้รับการฝึกฝนเรียนรู้พระพุทธศาสนาทั้งปริยัติ ปฏิบัติอย่างเต็มที่
 
 

๖๔ กัปบุญใหญ่แห่งการบวช


       การบวชนั้น ผู้บวชได้อานิสงส์ ๖๔ กัปท่านเปรียบว่า มีภูเขาหินลูกบาศก์แท่งทึบกว้าง ๑๖ กิโลเมตร ยาว ๑๖ กิโลเมตร สูง ๑๖ กิโลเมตร ทุก ๆ ๑๐๐ ปี เทวดาเอาผ้าทิพย์บางเบาเหมือนควันไฟมาลูบ ๑ ครั้ง ภูเขาก็สึกไปนิดหนึ่ง ทุก ๆ ๑๐๐ ปี มาลูบครั้งหนึ่ง ลูบจนภูเขาค่อย ๆ สึกลงจนกระทั่งราบเสมอพื้นดินแบบนี้ถือว่านานมาก แต่กัปหนึ่งนานกว่านั้นบวชครั้งเดียวได้บุญตั้ง ๖๔ กัป คือหมายถึงตลอดทั้ง ๖๔ กัป บุญจากการบวชจะคุ้มครองตัวเรา จะทำอะไรก็เหมือนมีพลังอะไรบางอย่างมาคอยหนุนให้สำเร็จ หรือถ้าจะไปเผลอทำอะไรไม่ดีเข้าเพราะกิเลสเรายังไม่หมด บุญจะมาเตือนให้สำนึกว่าไม่ดี ให้เลิกเสีย หรือเตือนให้เรารู้สึกไม่อยากทำ เราคงเคยเห็นบางคนที่เกเร แต่สักพักเดียวก็เลิก เพราะสำนึกว่าไม่เอาดีกว่า นี้คือบุญบวชเก่ามาเตือน กระตุ้นจิตสำนึกให้กู่กลับ แต่บางคนไปแล้วกู่ไม่กลับก็มี เพราะขาดบุญจากการบวชนั่นเอง ฉะนั้น ถ้าเราบวชแล้วบุญรักษาคุ้มครองตัวเราไปได้ถึง ๖๔ กัปนั้นก็สุดคุ้ม เป็นบุญที่บุญอย่างอื่นเปรียบไม่ได้เลย ไปทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้พ่อแม่ก็สู้บวชไม่ได้ แต่ก็ต้องทำบุญอื่นไปด้วย และการบวชก็ไม่ควรเว้นเกิดเป็นชายมีโอกาสอย่างนี้แล้วให้รีบบวชฝึกตัวเอง เอาบุญให้พ่อแม่หมู่ญาติทั้งหลาย
 
 
 


บวชแล้วได้อะไรบ้าง?

     ๑. ได้บุญ การบวชเป็นพระแท้เป็นทางมาแห่งบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่ ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “ถึงแม้จะมีผู้วิเศษเก็บดอกไม้จนหมดป่าหิมพานต์ แล้วนำมาบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึง ๑,๐๐๐ พระองค์ กระทำดังนี้ทุกวัน ผลบุญจากการบูชานั้นก็ไม่เท่าผลบุญจากการบวชเป็นพุทธบูชาในพระพุทธศาสนา”* บุญบวชเป็นพระแท้จึงเป็นสุดยอดแห่งบุญที่มีอานุภาพมหาศาลสามารถตัดรอนวิบากกรรมและดึงดูดความสุขความเจริญเข้ามาได้เป็นอัศจรรย์ บุญนี้จะช่วยปิดอบาย เปิดสวรรค์ ช่วยให้ผู้บวชมีความเห็นถูกต้อง และได้เกิดในบวรพระพุทธศาสนาเป็นเวลานานถึง ๖๔ กัป

     ๒. ได้ฝึกสมาธิอย่างถูกวิธี การฝึกสมาธิเป็นการพัฒนาจิตให้สงบ ก่อให้เกิดพลังแห่งความบริสุทธิ์ ซึ่งจะมีอานุภาพดึงดูดสิ่งที่ดีงามเข้ามาในชีวิต ทั้งคนดี ๆ ของดี ๆ และโอกาสดี ๆ

     ๓. ได้ความสุข ความอิ่มเอิบเบิกบานผ่องใส เหมือนได้ผลัดชีวิตใหม่ ความสุขชนิดนี้เป็นความสุขจากความปลอดกังวลที่เกิดจากจิตที่ผ่องใส เพราะได้นั่งสมาธิปฏิบัติธรรมทุกวันและเป็นความสุขที่เงินซื้อไม่ได้ แต่ได้ฟรี ๆ จากการบวช

     ๔. ได้ศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อนำไปเป็นหลักในการดำเนินชีวิต และได้รู้ว่า "เราเกิดมาทำไม?" "อะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต?" ทำให้การมาเกิดของเราในชาตินี้ไม่สูญเปล่า

     ๕. ได้โอกาสทองในการแก้ไขนิสัยและได้สร้างภูมิคุ้มกันจากสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย รวมทั้งได้หักดิบเลิกอบายมุขต่าง ๆ

     ๖. ได้เพื่อนกัลยาณมิตรใหม่ ๆ ที่จะคอยให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลกันต่อไปในอนาคต

     ๗. ได้ความภาคภูมิใจ ที่ได้เป็นหนึ่งในบุคคลประวัติศาสตร์แห่งการฟื้นฟูศีลธรรมครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งจะมีผลต่อความสงบร่มเย็นของประเทศชาติและโลกของเรา
*การบวชในพระพุทธศาสนา พระนิพนธ์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
 
 
 


*********************
 
 
โครงการบวชแสน : ศาสนา สังคมและประเทศชาติ ได้ประโยชน์อะไร?
 

     การบวชพระนับแสนรูปย่อมสร้างกระแสความตื่นตัวในการฟื้นฟูประเพณีการบวชกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง และจะทำให้ปัญหาวัดร้างลดลงจนกระทั่งหมดสิ้นไป กลับกลายมาเป็นวัดรุ่งทั้งแผ่นดิน ซึ่งจะมีผลให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง มั่นคงเป็นปึกแผ่น และสามารถแผ่ขยายไปดับทุกข์ในใจของผู้คนได้มากขึ้น

     นอกจากนี้ การบวชครั้งละมาก ๆ จะช่วยสร้างครูสอนศีลธรรมขึ้นมาได้อีกเป็นจำนวนมากเพื่อมาฟื้นฟูศีลธรรมในใจของผู้คนที่กำลังเสื่อมลงทุกขณะให้หวนกลับมาอีกครั้งหนึ่งซึ่งจะมีผลให้ปัญหาสังคมที่เกิดจากความเสื่อมโทรมของศีลธรรมลดน้อยลง นอกจากนี้มหากุศลจากการอุปสมบทหมู่จะช่วยนำพาประเทศไทยให้ผ่านพ้นปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ในที่สุด ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และจะเกิดความเจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างเป็นอัศจรรย์
 


ตื่นเถิด แล้วมาบวชกัน

    การบวชมีคุณประโยชน์ทั้งต่อตนเอง พ่อแม่ ครอบครัว พระพุทธศาสนา สังคม และประเทศชาติ ดังนั้นตื่นเถิดท่านชายทั้งหลาย ทั้งชายไทยและชายชาวต่างชาติ สละเวลาอันมีค่าจัดสรรเวลาแห่งชีวิต มาหาคุณค่าของชีวิตด้วยการบวชเข้าพรรษากัน
 


 
หน้าหลัก >> โครงการบวชพระเข้าพรรษา ปี 2558
***  ดาวน์โหลดใบสมัครบวชเข้าพรรษา 2558 ที่นี่  ***
 
คำขอบวชแบบเอสาหัง  คำขอบวชแบบอุกาสะ
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/top_of_week/บวชเถิดชายไทยอย่ามัวหลับใหลลุ่มหลง.html
เมื่อ 3 กรกฎาคม 2567 17:23
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv