ศีล 5

ศีล..สะพานข้ามสู่เทวโลก

เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ. ๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี ป.ธ. ๙
ภาพประกอบ : กองพุทธศิลป์

“สีลํ เสตุ มเหสกฺโข สีลํ คนฺโธ อนุตฺตโร
สีลํ วิเลปนํ เสฏฺฐํ เยน วาติ ทิโส ทิสํ

ศีลเป็นสะพานข้ามฟากอันมีพลังมาก ศีลมีกลิ่นหอมอันยอดเยี่ยม
ศีลเป็นเครื่องลูบไล้อันประเสริฐ
บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยศีล ย่อมหอมฟุ้งไปทั่วสารทิศ” (ขุ.เถร.)

 

      ศีลเป็นสะพานข้ามฟากที่มีพลังมากสามารถพาข้ามไปสู่เทวโลกและพรหมโลกหรือแม้กระทั่งไปสู่พระนิพพานบุคคลใดรักษาศีลเป็นปกติ ศีลก็จะรักษาบุคคลนั้นให้อยู่ในสุคติภูมิเพียงอย่างเดียว ไม่พลัดไปเกิดในอบายภูมิ ศีลเป็นคุณธรรมที่จะระงับโทสะควบคุมกายและวาจาไม่ให้ไปกระทบกระทั่งใคร เหมือนเราควบคุมไฟให้ติดอยู่เฉพาะในเตาไม่ให้ลามออกไปข้างนอก

      ผู้ที่รักษาศีลจะแกล้วกล้าอาจหาญในท่ามกลางชุมชน เกียรติคุณย่อมฟุ้งขจรไปว่าเป็นคนดี เพราะกลิ่นศีลหอมทวนลมได้ฟุ้งปกคลุมไปทั่วทุกทิศ โดยเฉพาะการรักษาอุโบสถศีล ถือเป็นการฝึกหัดขัดเกลากาย วาจา ใจ ให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น บัณฑิตนักปราชญ์ในสมัยก่อน นอกจากรักษาศีล 5 ท่านยังนิยมรักษาอุโบสถศีลในวันพระ 15 ค่ำทั้งข้างขึ้นข้างแรม ทั้งวันรับวันส่ง เพราะรู้ว่าเป็นบุญพิเศษอันจะเป็นเหตุให้ถึงพร้อมด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติและคุณสมบัติติดตัวไปข้ามชาติ

อานุภาพอุโบสถศีล

     ในสมัยพุทธกาล พระมหาโมคคัลลานะเหาะขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อตรวจดูวิมานและทิพยสมบัติของเทพบุตรเทพธิดาแล้วมักจะนำมาบอกเล่าให้สาธุชนฟังและอนุโมทนาสาธุการ เพื่อจะได้มีกำลังใจในการสั่งสมบุญให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป วันหนึ่ง ท่านไปเยี่ยมเทพธิดาผู้มีบุญท่านหนึ่ง พลางไต่ถามบุพกรรมว่า “แม่เทพธิดา เธอทำบุญอะไรไว้ จึงมีวรรณะสว่างไสวเช่นนี้ และรัศมีของเธอก็สว่างไสวไปทุกทิศ”

     เทพธิดาตอบว่า “ชาวเมืองเรียกดิฉันว่าสุทินนา ดิฉันเป็นอุบาสิกาอยู่ในกรุงราชคฤห์เป็นผู้มีศรัทธา สำรวมในศีล งดเว้นจากปาณาติบาต เว้นห่างไกลจากอทินนาทาน เว้นจากการประพฤติผิดในกาม เว้นมุสาวาทและสำรวมจากการดื่มน้ำเมา ดิฉันเป็นผู้ยินดีในการรักษาศีล 5 ยินดีในการรักษาอุโบสถศีลและรักษาศีล 8 ในวันพระ 15 ค่ำ ทั้งข้างขึ้น
ข้างแรม ทั้งวันรับวันส่ง เพราะบุญนั้นดิฉันจึงมีวรรณะเช่นนี้ สมบัติทุกอย่างที่น่าปลื้มใเกิดขึ้นแก่ดิฉัน เพราะบุญที่ดิฉันทำไว้ดีแล้วตั้งแต่ครั้งเป็นมนุษย์ ซึ่งเมื่อครั้งเกิดเป็นมนุษย์นั้น ดิฉันตั้งใจรักษาอุโบสถศีล เพราะบุญนั้น ดิฉันจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และรัศมีของดิฉันก็สว่างไสวไปทุกทิศ

     ยิ่งไปกว่านั้น ศีลเป็นคุณธรรมอันจะนำไปสู่กุศลธรรมเบื้องสูง คือ อธิจิตและอธิปัญญา ดังที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า “ภิกษุทั้งหลายพืชที่ถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์เพราะตั้งอยู่บนแผ่นดิน ฉันใด ภิกษุอาศัยศีล ตั้งอยู่ในศีลย่อมถึงความไพบูลย์ในธรรมทั้งหลายได้ฉันนั้น”
 

ความยากของการถือศีล

      ในสมัยพุทธกาล พราหมณ์คนหนึ่งถามพระสารีบุตรว่า ในชีวิตของท่านตั้งแต่เกิดมามีอะไรที่ทำได้ยากบ้าง พระเถระตอบว่า

     “การบวชเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เพราะต้องอาศัยความศรัทธา กล้าตัดสินใจที่จะสละความสุขทางโลก แล้วมาประพฤติพรหมจรรย์ ฝึกหัดขัดเกลาตนเองให้หลุดพ้นจากอาสวกิเลสซึ่งเป็นการกระทำที่สวนกระแสโลก”

      พราหมณ์ถามต่อไปว่า “แล้วมีอะไรที่ยากกว่านั้นอีกหรือไม่” ท่านตอบว่า “มี คือการบวชตลอดชีวิต บวชระยะสั้นเพียงไม่กี่เดือนแม้มีความลำบากในการดำเนินชีวิต แต่ก็เป็นช่วงสั้น ๆ ส่วนการบวชตลอดชีวิต ต้องอาศัยกำลังใจที่สูงส่ง ต้องมีความอดทนมาก”

     พราหมณ์ฟังแล้วรู้สึกฉงน จึงซักถาม ต่อไปว่า “แล้วยังมีอะไรที่ท่านคิดว่ายากกว่านี้อีกไหม” พระเถระ “มีสิ การรักษาศีลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ตลอดชีวิตความเป็นสมณะ เป็นเรื่องที่ทำได้ยากยิ่ง เพราะตราบใดที่พระภิกษุยังเป็นปุถุชนอยู่ โอกาสประพฤติผิดพลาดมีอยู่ตลอดเวลา บางท่านแม้บวชได้ตลอดชีวิต แต่ภายในยังรกไปด้วยกิเลสเครื่องเศร้าหมองก็มีไม่ได้มีธรรมที่เป็นคุณของความเป็นสมณะ แต่บอกชาวโลกว่าเป็นสมณะ เมื่อละโลกก็ไปบังเกิดในอบาย ส่วนผู้ที่รักษาศีลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์จนก่อเกิดเป็นสมาธิที่ตั้งมั่นภายในสามารถทำตนให้หลุดพ้นจากอาสวกิเลสไปสู่พระนิพพาน นับเป็นบุคคลผู้หาได้ยากยิ่ง” นี่คือลำดับขั้นของพัฒนาการในการรักษาศีลหากทำได้สมบูรณ์ การบรรลุมรรคผล นิพพานก็จะตามมา
 


      ผู้รักษาศีลชื่อว่า ผู้ให้ทานการรักษาศีลได้ชื่อว่า ให้ความปลอดภัยสบายใจแก่สรรพสัตว์ บางท่านอาจคิดว่าการทำทาน คือ การให้สิ่งของ ไม่เกี่ยวกับการรักษา ศีล แต่ความเป็นจริง การให้ความปลอดภัยให้ชีวิต ก็เป็นทานอย่างหนึ่ง ซึ่งท่านผู้รู้กล่าวว่าเป็นมหาทานทีเดียว เพราะการรักษาศีลด้วยชีวิตหรือให้ชีวิตเป็นทานจัดเป็นปรมัตถบารมีหากทุกคนตั้งใจรักษาศีล ทุกชีวิตจะได้รับความปลอดภัยทันที อีกทั้งไม่เฉพาะผู้รักษาศีลเท่านั้นที่จะได้บุญ ยังมีคนรอบข้างอีกมากมายที่เกิดความอบอุ่นใจตามไปด้วย เช่น

     ศีลข้อ 1 ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่เบียดเบียนสัตว์และมนุษย์ ได้ชื่อว่าเราให้ชีวิตแก่สรรพสัตว์เป็นการให้สิ่งที่สูงค่ายิ่งกว่าทรัพย์ใด ๆ เพราะชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในบรรดาทรัพย์สมบัติภายนอกทั้งหมด

     ศีลข้อ 2 ไม่ลักทรัพย์ ได้ชื่อว่าให้ความปลอดภัยแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น เป็นการให้ฐานะความเป็นอยู่อันมั่นคง ไม่ต้องระแวดระวังภัย

     ศีลข้อ 3 ไม่ประพฤติผิดในกาม ได้ชื่อว่าให้ความสุข ให้ความไว้วางใจแก่บุตรธิดาภรรยา สามีของผู้อื่น เป็นการให้ความคุ้มครองแก่สถาบันครอบครัวอย่างดีที่สุด

     ศีลข้อ 4 ไม่กล่าวเท็จ ได้ชื่อว่าให้ความจริงแก่ทุกคน ทำให้เกิดความมั่นใจในการดำเนินชีวิต โดยไม่ต้องระแวงซึ่งกันและกัน

     ศีลข้อ 5 ไม่ดื่มสุราเมรัย ได้ชื่อว่าให้ความอบอุ่นใจ ให้ความปลอดภัยกับทุกชีวิตเพราะคนที่ประมาท ขาดสติ สามารถทำความชั่วได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ประพฤติผิดในกาม หรือพูดเท็จก็ทำได้

     ดังนั้นการรักษาศีลข้อที่ 5 จึงเป็นสิ่งที่เราต้องตระหนักให้มากที่สุด
 

     จะเห็นได้ว่า การรักษาศีลเป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ เพราะให้ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนอื่น การรักษาศีลจึงเป็นบุญที่พิเศษอย่างยิ่ง หากรักษาศีลให้สูงยิ่งขึ้นไป

     เช่น ศีล 8 หรืออุโบสถศีล ศีล 10 ของสามเณรและศีล 227 ของพระภิกษุ ย่อมจะเป็นมหาทานอันยิ่งใหญ่ ทวยเทพได้ยินชื่อของบุคคลใดว่าเป็นผู้มีศีลมีธรรม ก็จะแซ่ซ้องอนุโมทนา และตามคุ้มครองรักษาผู้นั้น ดังนั้น เราควรหมั่นตามรักษาศีลให้สะอาดบริสุทธิ์นึกถึงทีไรจะได้มีความปลื้มปีติใจเป็นรางวัลความปีติใจจะทำให้มีผลการปฏิบัติธรรมที่ก้าวหน้า ได้เข้าถึงธรรมะภายในอย่างสะดวกสบาย

“กลิ่นดอกไม้ไม่อาจฟุ้งทวนลมได้
แต่กลิ่นผ้ทู รงศีลฟ้งุ ทวนลม กลิ่นจันทน์ กฤษณา
อุบล มะลิ แม้จะมีกลิ่นหอม แต่กลิ่นศีล
ยอดเยี่ยมกว่า กลิ่นกฤษณาและแก่นจันทน์
มีความหอมเล็กน้อย ส่วนกลิ่นของผู้มีศีล
เป็นกลิ่นสูงสุด ฟุ้งไปได้ไกล และฟุ้งขึ้นไปสูง
ถึงหมู่ทวยเทพทั้งหลาย”

บทความที่เกี่ยวข้องกับศีล

 
กุศลกรรมบถ 10 ประการ
กุศลกรรมบถ ศีล..มารดาแห่งความดี
บ่อเกิดแห่งความสุข
เหตุแห่งความมีอายุยืน
 

 

บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/top_of_week/ศีล-สะพานข้ามสู่เทวโลก.html
เมื่อ 1 กรกฎาคม 2567 18:08
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv