ผลการปฏิบัติธรรม

กัลยาณมิตร ม่อ ลี่ หัว (ประเทศจีน)
 
    ดิฉันชื่อ ม่อ ลี่ หัว อายุ 50ปี เป็นชาวจีน อยู่ที่เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นผู้จัดการใหญ่ บริษัทเหยี่ยนตงหางคง เป็นบริษัทนายหน้าขายตั๋วเครื่องบินทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งขายตั๋วรถไฟในประเทศจีนด้วยค่ะ
 
    ก่อนหน้าที่ดิฉันจะมารู้จักวัดพระธรรมกายนั้น เมื่อปี พ.ศ.2532 ดิฉันเคยร่วมพิธีประกาศตนเป็นพุทธมามกะ นับถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งกับ ท่านธรรมาจารย์ ควานหลินต้าซือ ที่ วัดมัญชูศรี เมืองเฉิงตู โดยมีชื่อทางธรรมว่า “หมิงเป่า” ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยว่า “หยกสว่าง” ค่ะ
 
    ถึงแม้จะได้ประกาศตนเป็นพุทธมามกะแล้ว แต่การเรียนรู้ธรรมะของดิฉันยังน้อยอยู่มาก ยังมีความรู้สึกว่า จิตใจของตนเองยังฝึกไม่ได้ดีพอ ใจยังไม่สงบดี เพราะเป็นคนใจร้อนง่าย มีอารมณ์หงุดหงิดง่าย และที่สำคัญอีกอย่าง คือ ดิฉันไม่เคยได้เรียนรู้การฝึกสมาธิมาก่อนเลยค่ะ
 
    จนกระทั่งปี พ.ศ.2539 เมื่อ พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว (พระภาวนาวิริยคุณ) ได้มาเชื่อมสัมพันธไมตรีกับวัดมัญชูศรี ที่เมืองเฉิงตู และได้มาสอนสมาธิที่นี่ 3วัน ซึ่งตอนนั้นดิฉันกำลังเป็นนักเรียนของ สมาคมยุวชนพุทธของวัดมัญชูศรี อยู่พอดี จึงได้เข้าร่วมเรียนสมาธิด้วยค่ะ
 
    ในครั้งนั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ท่านสอนให้นั่งสมาธิด้วยการให้เริ่มต้นจากปรับร่างกายทุกส่วนให้สบาย ผ่อนคลายทั้งเนื้อทั้งตัว แล้วตรึกถึงดวงแก้วใสสว่างหรือดวงจันทร์ที่กลางท้อง ซึ่งในครั้งนั้นเป็นครั้งแรก ที่ดิฉันได้ลองนั่งสมาธิและสามารถนั่งได้ต่อเนื่องถึงสองชั่วโมงเลยค่ะ และพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ท่านยังได้เล่าถึงประวัติการปฏิบัติธรรม และคุณธรรมของ คุณยายอาจารย์ มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ซึ่งทำให้ดิฉันประทับใจคุณธรรมของคุณยายอาจารย์มากค่ะ
 
 
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว ยังสอนอีกว่า การนั่งสมาธิให้เข้าถึงพระธรรมกาย จะทำให้เราเข้าถึงพลังแห่งความเป็นชาวพุทธที่แท้จริงได้ ดิฉันจึงมีความเชื่อมั่นในการฝึกสมาธิมาก นับจากวันนั้นเอง ทำให้ดิฉันเกิดแรงจูงใจอย่างแน่วแน่ที่จะนั่งสมาธิให้ได้ทุกวัน และดิฉันก็ทำได้จริงๆค่ะ ดิฉันได้นั่งสมาธิต่อเนื่องมาตลอดทุกวัน จนถึงทุกวันนี้ไม่เคยขาดเลยแม้แต่วันเดียว ต้องนั่งสมาธิวันละครึ่งชั่วโมง เป็นอย่างน้อยค่ะ
 
 
    ต่อมา ในปลายปี พ.ศ.2550 ดิฉันทราบข่าวว่า ศูนย์ปฏิบัติธรรมประเทศสิงคโปร์ จะจัดปฏิบัติธรรมพิเศษนานาชาติ ภาคภาษาจีน ครั้งที่16 ณ สุขสว่าง จังหวัดเชียงใหม่ ดิฉันไม่รีรอ รีบสมัครทันที เมื่อก้าวย่างมาถึงที่นี่บรรยากาศช่างเหมาะแก่การปฏิบัติธรรมเป็นอย่างมาก ณ ที่แห่งนี้ผ่านไปเพียงวันเดียว การปฏิบัติธรรมของดิฉันก็สัมผัสได้ถึงความสุขใจอย่างมากมายที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้เลยค่ะ
 
    เมื่อเริ่มนั่งสมาธิ ดิฉันก็เพียงปรับร่างกายให้เบาสบาย ทำความรู้สึกว่า ร่างกายใสเหมือนแก้ว แล้วก็นึกถึงองค์พระใสๆ วางใจนิ่งๆอยู่ภายใน ทำใจง่ายๆไม่มีขั้นตอนอะไรเลย สักพักใจก็สงบนิ่งแล้วรู้สึกว่าร่างกายหายไป เหมือนตัวเองกลายเป็นองค์พระใสที่กำลังนั่งอยู่ บางครั้งก็พบดวงสว่างเกิดขึ้นที่กลางกาย  เป็นดวงสว่างที่ใสละเอียด เหมือนพระอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน ดวงใหญ่มาก แต่นุ่มนวลไม่แสบตา ดิฉันมีความสุขใจอย่างมากมายมหาศาลจริงๆ
 
    ดิฉันอยู่ที่สวนสุขสว่างนี้ เวลานั่งสมาธิ ใจของดิฉันสงบนิ่งได้ง่ายและเร็วมาก มีอยู่วันหนึ่ง แค่เริ่มหลับตา ทำใจนิ่งๆที่ศูนย์กลางกาย สักพักก็สว่างเหมือนพระอาทิตย์ผุดขึ้น สว่างมากจนดิฉันนึกว่าไม่ได้หลับตา ดิฉันจึงลองขยับลูกนัยน์ตาและลืมตาขึ้นมา ถึงรู้ว่าในห้องปฏิบัติธรรมนั้นมีแต่ความมืด จึงหลับตาลงอีกครั้ง นั่งนิ่งๆ แล้วร่างกายก็โล่ง โปร่ง เบา แสงสว่างเกิดขึ้นมาอีกครั้ง
 
 
    คราวนี้ เหมือนแสงจะพุ่งออกมา แล้วตัวของดิฉันก็เหมือนจะหายไปหมด ทิ้งไว้เพียงความสว่างบนโลกแห่งความว่างเปล่า ช่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ แสงนี้สว่างนุ่มนวลไม่สะดุดตา เป็นความสว่างที่กว้างขวางมาก และชัดใสกว่าตาเนื้อที่มองเห็นแสงของพระอาทิตย์อีกค่ะ และที่สำคัญ จิตใจของดิฉันเข้าถึงความสุขที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก เป็นความสุขที่ไม่มีสิ่งใดจะมาเปรียบเทียบได้เลยค่ะ
 
 
    นับเป็นบุญลาภอย่างยิ่งของดิฉัน ที่ได้มาร่วมปฏิบัติธรรมที่สุขสว่างในครั้งนี้ เวลา 6วันช่างผ่านไปไวเหมือนแสง แต่ความสุขที่ได้จากการปฏิบัติธรรมนั้น จะคงอยู่กับดิฉันตลอดไป ตอนนี้ดิฉันรู้สึกว่า สมาธิเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของชีวิตดิฉันไปแล้วค่ะ ถ้าวันใดไม่ได้นั่งสมาธิจะรู้สึกเหมือนชีวิตมันขาดอะไรไปสักอย่างหนึ่ง สมาธิทำให้ชีวิตของดิฉันสมบูรณ์ยิ่งขึ้นจริงๆค่ะ
 
    เนื่องจากดิฉันเป็นผู้จัดการ ต้องบริหารธุรกิจ งานจึงยุ่งมากทุกวัน, รังแต่จะทำให้กายใจเหนื่อยล้า แต่ทุกเวลาดิฉันไม่เคยลืมที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโวเคยสอนไว้เลยว่า การปฏิบัติธรรมต้องทำคู่ไปกับใจให้ตลอด เมื่อสะดวกก็ให้หลับตาเบาๆ นึกถึงดวงแก้วหรือองค์พระที่ตนเองชอบที่กลางกาย ดิฉันทำอย่างนี้ภายใน 20นาที แค่นี้ก็ทำให้ดิฉันมีพลังใจเกิดขึ้นมาแล้วค่ะ
 
    เวลาเดินบนถนน หรือทำอะไรก็ตาม ดิฉันก็จะนึกให้ท้องว่างๆ มีดวงแก้วที่ศูนย์กลางกาย พอเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นจะได้ไม่หวั่นไหว ไม่รีบร้อน ปัญหาทั้งใหญ่เล็ก ก็แก้ไขได้สำเร็จ พลังพิเศษอัศจรรย์นี้ ดิฉันเชื่อว่าจะเกิดกับทุกคนได้เช่นกัน เมื่อทุกคนได้รู้จักเพื่อนแท้ที่ชื่อ “สมาธิ” โลกกำลังรอคอยทุกๆคน ได้เข้าถึงพลังอันพิเศษ ที่จะทำให้โลกเกิดสันติสุขที่แท้จริงได้
 
    เมื่อปี พ.ศ.2540 ดิฉันเดินทางมาร่วมงานบุญวันมาฆบูชา ที่วัดพระธรรมกาย ดิฉันรู้สึกศรัทธาและประทับใจมากที่ วัดพระธรรมกายปฏิบัติตามคำสอนดั้งเดิมของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง และแผ่ขยายพลังแห่งความเมตตากรุณาออกไปสู่ชาวโลก ทั้งยังปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยได้อย่างพอดิบพอดี ไม่ว่าจะเป็นการบริหาร, การก่อสร้างต่างๆ และพิธีกรรมในวันนั้น ยังทำให้รู้สึกเหมือนแช่อยู่ในความปลื้มปีติ รู้ได้ทันทีว่า กำลังได้รับการถ่ายทอดธรรมะอันแท้จริงแล้ว และในปี พ.ศ.2551 นี้ ก็เป็นอีกครั้งที่ดิฉันได้มาร่วมงานวันมาฆบูชา ที่ให้ความประทับใจไม่รู้ลืม
 
    กว่า 11ปีมาแล้ว ที่ดิฉันมีวาสนาได้พบกับวิชชาธรรมกาย ดิฉันต้องกราบขอบพระคุณพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทำให้ได้มารู้จักวิชชาธรรมกาย กราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้งสอง และพระอาจารย์ทุกรูป ที่ชี้แนะวิชชาธรรมกายให้ดิฉัน ทำให้ดิฉันได้รู้ว่า “ธรรมกาย” คือ เป้าหมายชีวิต จริงๆค่ะ
 
    หลังจากนี้ เมื่อได้รับสุดยอดแห่งธรรมะนี้แล้ว ขั้นต่อไป ดิฉันต้องพึ่งพาตนเองในการทำฝันให้เป็นจริง นั่นคือ การเข้าถึงพระธรรมกาย และขอตามติดหมู่คณะไปสู่ที่สุดแห่งธรรมค่ะ
 
กราบนมัสการคุณครูไม่ใหญ่ ด้วยความเคารพอย่างสูงสุดค่ะ
 
กัลยาณมิตรม่อ ลี่ หัว
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/world_meditation/China_MorLeeHua.html
เมื่อ 30 มิถุนายน 2567 20:33
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv