ผลการปฏิบัติธรรม

กัลยาณมิตรอิไต โบอิง  (ประเทศเยอรมัน)
 
 
    ผมชื่อ อิไต โบอิง อายุ 62ปี ชาวเยอรมัน เป็นอาจารย์สอนภาษาเยอรมัน และประวัติศาสตร์ ในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน กว่า 25ปี ปัจจุบันผมเกษียนแล้วครับ
 
    ปีที่แล้ว ผมพักอยู่ที่เชียงใหม่เพื่อเข้าคอร์สเรียนการนวดแผนไทย ระหว่างนั้นเองผมก็ได้รู้จักโครงการ Middle Way จากโบรชัวร์แนะนำการท่องเที่ยว จึงสนใจเดินทางไปสำนักงานโครงการ ประจำเชียงใหม่ และสมัครเข้าร่วมโครงการครับ
 
    ผมไปปฏิบัติธรรมกับโครงการ Middle Way ครั้งแรก ในรุ่นที่11 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2550 ที่สวนเพชรแก้ว หลังจากนั้น ผมก็ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ Middle Way เป็นครั้งที่2 ในรุ่นที่13 ระหว่างวันที่ 24-30 ธันวาคม พ.ศ.2550 ที่สวนป่าหิมวันต์ จังหวัดเลย เพราะผมรู้สึกว่าเพิ่งได้เริ่มต้นและเดินมาเพียงครึ่งทาง จึงอยากจะทำให้ต่อเนื่อง
 
    คนทางตะวันตกอาจจะไม่เคยชินกับการนั่งขัดสมาธิ แต่ผมว่าเราสามารถฝึกกันได้ อาจจะปวดเล็กน้อย แต่มันก็ช่วยให้เรารู้สึก Alert และมีสมาธิมากขึ้น ไม่เผลอหลับ หากรอบไหนผมนั่งสมาธิได้ดี ผมจะยิ้มได้ตลอดทั้งวัน แล้วสามารถส่งความดี ความสุภาพ ความรัก ความหวังดีไปยังผู้อื่นได้ เหมือนอย่างที่พระอาจารย์สอนให้เราแผ่เมตตา ความเมตตานี้จะไปถึงทุกคน แม้ว่าเราจะไม่รู้จักพวกเขาก็ตาม
 
    สิ่งที่ผมชอบมากๆอีกอย่างในโครงการนี้ คือ กิจกรรม Group sharing ซึ่งทุกคนจะเล่าถึงประสบการณ์และปัญหาในการทำสมาธิ หลวงพี่ก็จะให้คำแนะนำ อธิบายวิธีการปฏิบัติ และแก้ปัญหาให้แต่ละคน เป็นการแบ่งปันประสบการณ์การปฏิบัติธรรมซึ่งกันและกัน ทำให้เข้าใจว่าเราและเขาก็มีประสบการณ์อะไรที่คล้ายๆกันบ้าง ปัญหาที่เราพบ เขาก็พบ วิธีการอะไรที่เขาทำได้ดี เราก็เอามาใช้บ้าง การแบ่งปันประสบการณ์การปฏิบัติธรรมซึ่งกันและกัน เป็นวิธีการที่ดีทีเดียวครับ 
 
    หลวงพี่ให้กำลังใจดีมากๆ ท่านบอกว่า ทุกอย่างที่เราทำนั้นถูกแล้ว อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ ให้พยายามทำต่อไป หลังจากกิจกรรมนี้ผมรู้สึกมีความสุข และการทำสมาธิรอบต่อไป ซึ่งยาวถึง 1ชม. ผมแทบไม่รู้สึกปวดเมื่อยเลย
 
    จริงๆ แล้วผมเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงอะไรได้ช้ามาก แต่ที่นี่เปลี่ยนผมได้ จากการที่ผมได้นั่งสมาธิ 4ชั่วโมงต่อวัน ตอนนี้ ผมเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น แม้การทำสมาธิจะหมายถึงการทำใจจดจ่อที่ตัวของเราเอง แต่กลับช่วยให้ผมสามารถเปิดใจยอมรับผู้คนอื่นได้ง่าย ผมได้ให้รอยยิ้ม ให้ความเห็นอกเห็นใจ และรู้สึกว่าตัวเอง เป็นส่วนหนึ่งของทุกชีวิตที่อยู่รอบตัวครับ
 
 
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อครับ ผมขอสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ ผมกลัวที่จะเข้าร่วมโครงการ Middle Way เพราะผมเป็นชาวยิว ไม่ใช่ชาวพุทธ แต่เมื่อตัดสินใจเข้ามาแล้ว ทำให้ผมเรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง ผมในฐานะชาวยิวก็ชอบที่จะเรียนรู้หลักการของศาสนาอื่น เพื่อดูว่าเขาสอนกันอย่างไร ผมจะนำเอาสิ่งดีๆที่ศาสนาพุทธสอน ไปศึกษาและแบ่งปันต่อให้คนอื่น
 
    ในคัมภีร์โมเสส ได้เขียนไว้ว่า ให้รักเพื่อนบ้าน เหมือนรักตัวเอง ซึ่งคล้ายกับคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนั้น ผมจึงไม่กลัวที่จะเรียนรู้ศาสนาพุทธ ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองมากขึ้น และเรียนรู้ความแตกต่างของทั้ง 2ศาสนา
 
    ปกติแล้ว ชาวยิวต้องสวดวันละ 2เวลา โดยการหลับตา มองกลับมาที่ตัวเอง แล้วพูดว่า God is one and unique God (เป็นหนึ่งกับพระเจ้าและพระเจ้าเท่านั้น) ตอนนี้ พอถึงเวลาสวดอ้อนวอนพระเจ้า ผมจึงมองกลับมายังศูนย์กลางกาย และตั้งสมาธิ ผมคิดว่า 2ศาสนานี้ น่าจะมีอะไรที่เกี่ยวข้องกันครับ อีกอย่างที่สำคัญมากๆ คือ พระพุทธศาสนาเปิดรับผู้คนจากทุกศาสนา ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็สามารถมาร่วมกันทำสมาธิได้ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนสิ่งที่เราเชื่อ
 
    ผมเชื่อว่า การนั่งสมาธิซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของศาสนาพุทธ จะช่วยให้โลกเราไม่เกิดความขัดแย้ง เพราะการสอนสมาธิแก่ทุกคน คือ การส่งเสริมสันติภาพของโลก ผมอยากขอบคุณทุกคน ที่ช่วยจัดให้มีโครงการ Middle Way และรู้สึกซาบซึ้งในพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ที่ให้ทำผมได้เป็นส่วนหนึ่งในสิ่งที่ยิ่งใหญ่นี้ครับ
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/world_meditation/Germany_Itai.html
เมื่อ 1 กรกฎาคม 2567 02:19
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv