ผลปฏิบัติธรรม 
ของ
สามเณรกัง ออชเชอร์ (มองโกเลีย)
 
ผมชื่อ สามเณรกัง ออชเชอร์ หรือเรียกผมว่า “อิ๊กคิว” ก็ได้นะครับ อายุ 15 ปี เป็นชาวมองโกเลีย ผมบวชเณร ตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 ผมมาวัดพระธรรมกายครั้งแรกกับพระภิกษุรุ่นพี่ (พระมุงจากาล) เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2550 ซึ่งท่านเคยมาวัดพระธรรมกาย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 เพื่อศึกษาการนั่งสมาธิเพื่อการเข้าถึงพระธรรมกายอยู่ 2เดือน แล้วจึงกลับมองโกเลียเพื่อนำการนั่งสมาธิไปสอนคนที่มองโกเลีย
 
ผมมีโอกาสได้นั่งสมาธิครั้งแรก หลังจากผ่านวันมาฆบูชาไปแล้วประมาณ 4-5วัน โดยมีพระภิกษุรุ่นพี่ของผมเป็นคนแปลให้ พระอาจารย์ท่านสอนให้นึกดวงแก้วไว้ในกลางท้อง ผมก็ทำตาม โดยหลับตาลงและมองเบาๆไปที่กลางท้อง เพิ่งหลับตาไปแค่ 10 นาทีเท่านั้น ผมก็เห็นดวงแก้วผุดขึ้นมาอย่างง่ายๆ เพียงเห็นครั้งแรกผมก็รู้สึกมีความสุข และประทับใจมาก เหมือนรักแรกพบครับ เพราะเพียงแค่แรกเห็น ผมก็ตกหลุมรักดวงกลมใสนั้นในทันที แต่ครั้งนั้น ผมยังไม่รู้วิธีที่จะรักษารักแรกพบภายในนี้ได้อย่างไร เพียงไม่นานภาพดวงแก้วจึงลางเลือนไป
 
ครั้งที่สอง ผมตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่า จะต้องค้นพบรักแท้ภายในอีกครั้งให้ได้ ผมไปนั่งที่ห้องปัญญาเพียงลำพัง และนั่งนานถึง 45นาที ผลปรากฏว่า ผมฟุ้งตลอดการนั่งและปวดขามากครับ ผมเริ่มรู้สึกว่า หนทางกลับคืนสู่ดวงใสภายในไม่ง่ายเสียแล้ว ทั้งๆที่ผมได้ทุ่มเทความตั้งใจไปมากเหลือเกิน
 
    ตั้งแต่วันนั้น ผมก็มีเรียนภาษาไทยบ้าง สลับกับการนั่งสมาธิบ้าง แต่ก็ไม่เห็นอะไร พยายามตรึกดวงแก้วให้ได้ แต่ความฟุ้งก็มาพรากความสงบนิ่งภายในตลอดเวลา
 
 
 
    จนกระทั่งมาถึงการเข้าอบรมใน โครงการอบรมยุวพุทธสงฆ์โลก ครั้งที่ 1 ในวันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2550 เวลา 4ทุ่ม ผมก็ตัดสินใจนั่งสมาธิก่อนจำวัด โดยไม่นึกถึงอะไรเลย ผ่านไปไม่กี่นาทีผมก็เห็นองค์พระใสๆ ก็ผุดขึ้นมาจากศูนย์กลางกายฐานที่7 องค์พระท่านใสมาก ขนาดเท่ากับองค์พระประธาน ท่านอยู่กับผมนานมาก ตลอดเวลาเวลาของการนั่งเลยทีเดียว ตอนที่มองเห็นท่านภายในกลาง ผมมีความสดชื่น สดใส ชุ่มชื่นหัวใจตลอดเวลา
 
    หลังจากรอบวันนั้น ผมตรึกดวงแก้วอย่างเป็นจริงเป็นจังตามเดิม ผลปรากฏว่า “แป้ก” ครับ ไม่เห็นอะไรเลยและภาพเก่าๆในทางโลกก็กลับมาทำให้ฟุ้งอีก เป็นอย่างนี้อยู่ 2 วัน เล่นเอาเซ็งใจ ไปพักใหญ่
 
    พอเข้าสู่วันที่ 10 เมษายน พ.ศ.2550 ผมก็ตัดสินใจว่า จะไม่นึกถึงอะไรเลย ผมแค่ทำใจเฉยๆสบายๆ แบบ “ชิวๆ” แล้วในช่วงสายของวันนั้น ผมก็เห็นองค์พระแก้วใสองค์เดิม แต่ขนาดใหญ่กว่าเดิมผุดขึ้นมาครับ โดยคราวนี้ท่านครอบตัวของผมเลย เหมือนผมได้อยู่ในอ้อมใจใสๆคือศูนย์กลางกายของท่าน ตั้งแต่วันนั้นมาทุกครั้งที่ผมนั่งสมาธิ ผมก็จะเห็นองค์พระมาครอบตัวผมตลอดเวลา
 
    วันหนึ่งในรอบของการนั่งสมาธิ ซึ่งเป็นรอบที่ดีที่สุดของผม คือ พอผมหลับตาลง องค์พระก็มาครอบคลุมตัวผมเหมือนเดิม ผมก็ภาวนา “สัมมา อะระหัง” ไปเรื่อยๆ แล้วอยู่ๆก็เกิดแสงที่สว่างมาก ออกมาจากองค์พระ ซึ่งทำให้ผมมีความรู้สึกแบบลึกล้ำ ที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ ผมคิดว่ามันคือความสุขครับ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ความสุขที่แท้จริงคืออะไร จนกระทั่งวันนี้นี่เอง ที่ผมสัมผัสได้ว่า “นี่แหละ ความสุขที่แท้จริง” ตอนนี้ผมเริ่มรู้เทคนิคแล้วครับว่า รักแท้ภายในต้องรู้จักวางใจให้เป็น ต้องรู้จักการวางใจเหมือนเล่นๆแต่หวังผลจริง แค่ทำใจง่ายๆ ชิวๆรักแท้ภายในก็จะฉิวด้วยตัวของมันเองครับ
 
 
 
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อครับ พระอาจารย์ท่านหวังเหลือเกินครับ ที่จะให้ผมมีเป้าหมายคือ การมาบวชเรียนเป็นสามเณรที่วัดพระธรรมกาย และศึกษาวิชชาธรรมกายให้รู้แจ้ง รู้จริงและทำได้จริง เพื่อที่จะไปเผยแผ่ที่มองโกเลีย เพื่อให้ชาวมองโกลกว่า 2ล้านคน ได้พบกับความสุขที่แท้จริงและปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน เพราะช่วงนี้รัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญของพระพุทธศาสนาแล้วครับ ว่าสามารถทำให้พัฒนาประเทศได้ดี พระภิกษุรุ่นพี่ของผมท่านเลยอยากส่งสามเณรชาวมองโกล มาฝึกอบรมปฏิบัติธรรมที่วัดพระธรรมกายทุกปี เพราะท่านเลื่อมใส ศรัทธาในตัวของพระเดชพระคุณหลวงพ่อมากครับ และผมก็เป็นคนหนึ่งที่อยากทำหน้าที่ที่แท้จริงของลูกผู้ชาย และได้มาศึกษาความจริงของชีวิตที่นี่ด้วยความเต็มใจครับ
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/world_meditation/Mongolia_Novice_Kung.html
เมื่อ 22 กรกฎาคม 2567 22:47
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv