ผลปฏิบัติธรรม ของ 

ธรรมทายาทนานาชาติ รุ่นที่ 5  ตอนที่ 3

 
    ผมชื่อ โจชัวร์ ฮอร์น  อายุ 24 ปี  เป็นชาวอเมริกัน ชีวิตของผมพยายามดั้นด้นค้นหาหนทางที่แท้จริงของตัวเองมาโดยตลอด และตอนนี้เหมือนผมจะได้พบหนทางที่แท้จริงสายนั้นแล้วล่ะครับ
 
    ตอนเด็กๆ ผมมีประสบการณ์พิเศษบางอย่าง เกิดขึ้นกับผม มีอยู่วันหนึ่ง ขณะที่กำลังนั่งเล่นเพลินๆ จู่ๆใจก็สงบนิ่ง เหมือนหลุดเข้าไปในจุดที่มีความสุขมากๆ ทั้งๆไม่ได้ทำอะไรเลย เป็นความสุขในลักษณะที่ไม่เคยเจอมาก่อน แต่ก็ไม่รู้เข้าถึงได้อย่างไร ผมก็เลยตั้งสัจจะว่า อยากให้คนทั้งโลกได้มาพบความสุขในลักษณะแบบนี้บ้าง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเหนื่อยยาก หรือเสียสละอะไรแค่ไหน ผมจะฝึกฝน และแนะนำให้ทุกคนเข้าถึงความสุขอย่างนี้ให้ได้ และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการหาทางเดินที่แท้จริงของชีวิตในเวลาต่อมา
 
    ผมเกิดที่นิวแฮมเชียร์ สหรัฐอเมริกาครับ พออายุ 4 ขวบก็ได้ย้ายไปหมู่เกาะแคริบเบียน ชื่อเกาะเซนต์โคล่า ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างท้าทาย เพราะที่นั่นไม่ชอบคนขาว แถวนั้นมีแต่คนผิวสี ทำให้ผมต้องเรียนรู้เรื่องการอ่อนน้อมถ่อมตน มีสัมมาคารวะ และชินเรื่องการปรับตัว
 
    พ่อของผมเป็นคนชอบมองอะไรจากหลายๆมุม หลายๆความเชื่อ ทำให้ผมได้ซึมซับ ความคิด การกระทำ แบบนั้นจากพ่อ พ่อของผมเคยเดินทางรอบยุโรปด้วยมอเตอร์ไซค์ มีสุนัข 2 ตัวนั่งซ้อนท้าย  พ่อชอบเรียนรู้เกี่ยวกับพุทธศาสนา และมีโอกาสได้ไปหลายๆประเทศในยุโรป ชอบเก็บหนังสือเกี่ยวกับพุทธศาสนา และหลายๆอย่างทางจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นห้องสมุดที่ใหญ่มาก ผมได้เรียนรู้จากการอ่านหนังสือของพ่อ
 
    ลึกๆแล้ว ผมอยากพัฒนาตัวเองตลอดมา เริ่มจากพ่อของผม ซึ่งเป็นครูคนแรก แล้วหลังจากนั้นผมก็แสวงหาครูบาอาจารย์มาโดยตลอด แต่ก็ยังไม่เจอ ผมเห็นว่าแก่นแท้ของคนเรามีความดีอยู่ทุกคน
 
    แม่ของผมเคยมาเป็นครูสอนในโรงเรียนนานาชาติ ที่เมืองไทย ผมเคยมาหาแม่ที่เมืองไทยเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ทำให้ผมหลงรักเมืองไทย   แต่หลังจากนั้น ผมก็ย้ายไปเรียนเป็น Chef  (หัวหน้าพ่อครัว) ที่อิตาลี และออสเตรีย แล้วก็มีเหตุให้ผมต้องกลับมาทำงานที่เมืองไทยอีกครั้ง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน แต่ในใจผมยังเรียกร้องหาเส้นทางของชีวิตอยู่ตลอดเวลา
 
    จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมตั้งจิตอธิษฐานว่า ขอให้ได้พบหนทางที่ถูกต้องด้วยเถิด และไม่ว่าจะเป็นเทวดา ปีศาจหรืออะไรก็ตามที ถ้าได้ยินคำอธิษฐานนี้ ผมยอมแลกกับทุกสิ่งในชีวิต เพื่อได้พบเส้นทางที่ถูกต้อง
 
    วันรุ่งขึ้นผู้จัดการร้านที่ผมทำงานอยู่ เดินเข้ามา พร้อมกับพูดว่า เราจะปิดร้านนี้แล้ว คุณเอาเงินไป  แล้วจะไปไหนก็ไป ผมก็คิดว่านี่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า ถึงเวลาแล้วที่เราจะเดินทางไปหาสิ่งที่ตั้งใจ ผมเริ่มต้นไปที่วัดป่านานาชาติ แล้วไปเชียงใหม่ และอีกหลายๆที่ จนเดือนที่แล้ว ผมได้ไปวัดมหาธาตุ  ผมอ่านหนังสือที่เขียนถึงสถานที่ซึ่งคนต่างชาติ สามารถไปเรียนสมาธิได้ และเหมือนมีอะไรสักอย่างดลใจให้ผมอยากไปที่วัดพระธรรมกาย พอมาถึงวัดผมจึงได้รู้จัก โครงการอบรมธรรมทายาท นานาชาติ
 

ผลการปฏิบัติธรรม

    ผมนั่งด้วยใจที่ผ่อนคลาย หายใจเข้าลึกๆและหายใจออกช้าๆ แล้วผมก็ได้ค้นพบจุดสิ้นสุดของลมหายใจ มันรู้สึกเหมือนจุดกลมๆอยู่ภายในตัว เหนือสะดือประมาณสองนิ้วมือ ผมก็นึกถึงดวงแก้วใสๆไว้ที่ตรงนั้น ทันใดนั้นเอง มันเหมือนกับมีแรงดึงดูดเข้าไปข้างในช่วงสั้นๆ แล้วก็มีแสงสว่างสีเหลืองกระจายออกมาอย่างรวดเร็วจากตรงกลางของดวงแก้วนั้น แสงนั้นสว่างขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งสว่างกว่าดวงอาทิตย์ แล้วก็ขยายไปจนทั่วบริเวณ ขณะที่แสงนั้นผ่านตัวของผมไป ผมรู้สึกเหมือนร่างกายของผมแยกจากกันจนหายไปเลย มันช่างเป็นความรู้สึกที่น่าทึ่งมาก ผมรู้สึกเหมือนทั้งร่างกายหายไปหมดเหลือแต่ใจของผมเท่านั้น เหมือนกับว่ากิเลสในใจผมมันหายไปหมดเลย
 
    ขณะนั้นเอง ผมรู้สึกร่างกายของผมเริ่มสั่นอย่างรุนแรง ผมจึงพยายามควบคุมร่างกายเพื่อที่จะไม่ทำเสียงดังรบกวนคนอื่นๆ เมื่อทุกอย่างสงบลง ผมรู้ว่าใจของผมเริ่มวุ่นวายขึ้น ผมจึงอธิษฐานว่าขอผลบุญจากการนั่งสมาธิของผม และบารมีธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทั้งหลายไปถึงยังสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งโลก หลังจากนั้นผมได้กลับเข้าไปยังกลางดวงแก้วนั้นอีก ผมเห็นองค์พระใสๆ ลางๆเหมือนกับแกะสลักออกมาจากแสง นั่งนิ่งๆอยู่กลางดวงใสและมีแสงสว่างออกมาจากตรงกลางองค์พระครับ
 
    และบางที ขณะที่ผมกำลังนั่งฟังพระอาจารย์สอนอยู่ ผมได้พยายามวางใจไว้ที่ศูนย์กลางกาย แล้วผมก็ได้เห็นดวงแก้วด้วยตาเปล่า (ผมลืมตาอยู่) ที่บริเวณกลางท้อง แล้วผมก็ได้เข้าไปในดวงแก้วอีกดวงหนึ่งและอีกดวงหนึ่ง ช่วงแรกๆมันเหมือนกับมีแสงสีฟ้าส่องรอบๆดวงนั้น แต่หลังจากที่ดูไปเรื่อยๆผมเริ่มรู้สึกว่าแสงนั้นออกมาจากตรงกลางดวงแต่ละดวง แล้วผมก็เริ่มเข้าไปสู่อุโมงค์อย่างรวดเร็ว พออกมาจากอุโมงค์ ผมก็รู้สึกเหมือนกับอยู่ในที่โล่งๆกว้างๆ แล้วก็เห็นดวงแก้วผุดขึ้นมาเป็นสายยาวไม่มีจุดจบ ผมรู้สึกสบาย และสงบมาก ผมจำได้ว่าเห็นที่กว้างๆไม่มีที่สิ้นสุด ดวงแก้วที่ผุดเป็นสายก็เหมือนกับไม่มีจุดจบ ผมก็ดูไปสักพักหนึ่ง แล้วผมก็หยุดพยายามวิเคราะห์ดวงแก้วนั้น ซึ่งทำให้ดวงนั้นหายไป สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ผมลืมตาอยู่ตลอดเวลา และสงบอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับว่าใจของผมได้ถูกเปิดขึ้นมาใหม่
 
    บางคราวเวลานั่ง ดวงแก้วผุดมาเยอะมาก แล้วผมก็บินไปในดวงแก้ว ผ่านๆเข้าไป ดวงแก้วก็ผุดซ้อนขึ้นมาเหมือนสายสะดือ ผมอยู่ในสายสะดือดวงแก้ว เป็นสายยาวต่อไปเรื่อยๆ วันที่ขลิบผม ผมวางใจที่ศูนย์กลางกาย ก็เห็นดวงแก้วขยายใส สว่าง แล้วก็เห็นองค์พระผุดเกิดขึ้นมาครับ
 
    อยู่ที่วัดพระธรรมกายผมรู้สึกเหมือนมีเกราะป้องกันภัย เหมือนมีพลังที่คงอยู่ กิเลสหาทางเข้าได้ยาก ตอนเด็กๆ ผมเคยได้ยินพ่อเล่าให้ฟัง ถึงเรื่องที่จะมีคนนั่งสมาธิช่วยเหลือโลก ผมรู้สึกว่า ในโลกนี้มีความชั่วอะไรซักอย่างเกาะคนทั้งโลกอยู่ ผมอยากไปสู้กับมันครับ
 

มาชม Scoop พิเศษ โครงการอบรมธรรมทายาท นานาชาติ รุ่นที่ 5 กันนะคะ
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/world_meditation/Thailand_International_Dhammadayada3.html
เมื่อ 3 กรกฎาคม 2567 17:25
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv