แม่ค้าพวงมาลัย ยอดนักสร้างบารมี
 
กราบนมัสการหลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่ที่เคารพอย่างสูงค่ะ
 
 
    ลูกชื่อ นิตยา แซ่เอี้ย หรือ ลูกตุ่ม อายุ 36ปี มีอาชีพเป็นแม่ค้าขายพวงมาลัย อยู่ที่สะพานขาว ตลาดโบ๊เบ๊ค่ะ ชีวิตของลูกเกิดมาท่ามกลางกองมาลัยดอกไม้ที่ตั้งแต่ลูกจำความได้ ลูกก็เห็นคุณแม่ของลูก ท่านทำงานร้อยพวงมาลัยขาย ลูกรักคุณแม่มากค่ะ ท่านต้องลำบากเพื่อเลี้ยงลูกกับน้องมา ตั้งแต่เด็กชีวิตของครอบครัวเราลำบากมาก ในวัยเด็กเราไม่มีแม้บ้านเป็นของตัวเอง บ้านที่เราอาศัยอยู่ไม่มีข้าวของเหมือนบ้านคนอื่นเขา
 
    ลูกเคยนึกน้อยใจว่า “ทำไม...เราถึงจนขนาดนี้ ไม่มีของดีๆกิน ไม่มีแม้วิทยุที่จะฟังเพลงหรือฟังข่าวสารบ้านเมือง” ไม่ต้องพูดถึงทีวีค่ะ ลูกเคยได้เห็นที่บ้านมีทีวีขาวดำอยู่เครื่องหนึ่ง แต่แล้วเราก็ไม่มีโอกาสได้ดูมันอีกเลย เพราะคุณพ่อของลูก ท่านเป็นนักดื่มตัวยง ที่เมื่อเมาแล้ว ท่านก็จะแปลงร่างเป็นนักเตะทีมชาติ ที่จะเตะข้าวของ ทำลายทุกอย่างในบ้าน จนไม่มีแม้ข้าวของไว้ใช้สอย มีแต่บ้านเปล่าๆ
 
    พอคุณพ่อหายเมา ท่านก็กินเหล้าต่อ เป็นอย่างนี้ตลอด พอเมาเริ่มได้ที่ไม่มีของให้ทำลาย เหยื่อของคุณพ่อรายต่อไป ก็คือคุณแม่ คุณพ่อจะทุบตีคุณแม่ ลูกร้องไห้จนใจจะขาด ขอร้องท่านว่า “พ่อจ๋า...พ่ออย่าตีแม่นะ แม่เจ็บ” แต่ท่านก็ไม่มีสติพอที่จะรับฟังอะไรเลย ลูกสงสารคุณแม่มากค่ะ เพราะท่านต้องทนทุกข์กับคุณพ่ออยู่อย่างนี้ ยอมทุกอย่างเพื่อลูกของท่าน หลายครั้งที่เราสามคนแม่-ลูก ต้องกอดคอกันนั่งร้องไห้ เพราะความเจ็บปวดในโชคชะตาชีวิต และคุณพ่อก็ทำให้เราร้องไห้อีกเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อท่านกินเหล้าเมา แล้วถูกรถชนตาย
 
    นั่นเป็นครั้งสุดท้าย ที่คุณพ่อทิ้งให้คุณแม่และลูก 2คน ต้องอยู่สู้ชีวิต คุณแม่อดทนทุกอย่างทำงานเป็นแม่ค้าขายพวงมาลัย เก็บเงินส่งเสียลูก จนลูกเรียนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อเรียนจบแล้ว ลูกก็ทำงานแทนคุณแม่ ดูแลกิจการขายพวงมาลัย ช่วยกันกับน้องสาว ต่อมาลูกได้แต่งงานมีครอบครัวและให้กำเนิดลูกสาว คือ น้องธนภรณ์ หรือ น้องยู้ ซึ่งปัจจุบันลูกทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับน้องยู้ ทำให้ลูกกลายเป็นผู้นำครอบครัวที่มีหน้าที่ดูแลชีวิตของผู้หญิง 3คน คือ คุณแม่ น้องสาว และลูกสาววัย 7ขวบ
 
 
    จนกระทั่งในปี พ.ศ.2549 ชีวิตของลูกและครอบครัว เหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง เมื่อลูกได้มาพบกับกัลยาณมิตร คือ คุณชัยณัฐ ขาวสุวรรณ ซึ่งเป็นลูกค้าที่ร้าน ได้ชวนลูกให้ติด DMC และชวนมาวัดพระธรรมกาย ซึ่งในขณะนั้นคุณแม่ของลูกป่วยเป็นโรคไตอักเสบ เมื่อได้ดู DMC แล้วพวกเราประทับใจมาก เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นศรัทธาของชาวพุทธ ที่อลังการยิ่งใหญ่ขนาดนี้ จนทำให้ได้มาวัดพระธรรมกายเป็นครั้งแรก ในวันอาทิตย์ต้นเดือนที่ 5 มีนาคม พ.ศ.2549
 
 
    คุณแม่ตื่นเต้นมาก เพราะท่านได้ขึ้นไป ถวายปัจจัยสร้างพระธรรมกายกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ คุณแม่บอกว่า “เกิดมาก็ไม่เคยเห็นพระที่ไหนสว่างขนาดนี้ ผิวท่านผ่องผุด ใส๊ ใสแม่นะตื้นตันใจมาก” ความปลื้มของท่านทำให้ ในเดือนแรกของการมาวัด ครอบครัวของเราได้สร้างพระธรรมกายประจำตัวถึง 8องค์
 
    หลังจากได้มาวัดและดู DMC อย่างต่อเนื่อง ทำให้คุณแม่สบายใจขึ้น อาการของท่านดีขึ้นเรื่อยๆ จนหายขาดจากโรคไตอักเสบ ส่วนลูกสาวก่อนเข้าวัด คุณครูบอกว่า เป็นเด็กสมาธิสั้น ต้องไปพบจิตแพทย์ แต่ลูกก็ตัดสินใจพามาวัดทุกวันอาทิตย์ มาเป็นยุวชนต้อนรับระดับโลก มาต้อนรับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ แทนการไปพบจิตแพทย์ ปรากฏว่า หลังจากมาวัดได้ 6เดือน คุณครูบอกว่า ลูกสาวเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แถมสอบได้เกรด4 ทุกวิชา นั่นคงจะเป็นเพราะบุญ ลูกจึงได้นำ DMC ไปติดที่ร้านที่ตลาด เพราะเราจะได้อยู่ในบุญตลอดเวลา
 
    ในแต่ละวัน ลูกต้องตื่นตั้งแต่ตี5 ไปขายพวงมาลัยที่ตลาด กว่าจะเข้าบ้านก็ 11โมง เพื่อมาร้อยพวงมาลัยไปขายอีกตอน 4โมงเย็นจนถึง 3ทุ่ม แล้วก็ต้องไปปากคลองตลาดเพื่อซื้อดอกไม้มาเพื่อเตรียมร้อยขายต่อ จนถึง 5ทุ่ม จึงได้เข้าบ้านแล้วเข้านอนตอนเที่ยงคืน เป็นอยู่อย่างนี้ทุกวัน ไม่มีแม้แต่วันหยุด แต่พวกเราทุกคนก็จะไม่ลืมที่จะนั่งสมาธิตาม DMC ในช่วงบ่ายและก่อนนอน
 
    ก่อนเข้าวัด ชีวิตมีแต่ค่าใช้จ่าย หาเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ แม้ว่าดอกไม้จะเป็นสิ่งสวยงาม แต่ชีวิตของลูกก็มีแต่ความเหนื่อยล้า และความเครียดตลอดเวลาค่ะ พอได้มาวัด ได้รู้จักหลักของการสร้างบุญ รู้จักการวางใจ การทำสมาธิ ยามใดที่ลูกเจอปัญหา ลูกก็จะหลับตาทำสมาธิ ทำให้ปัญหาทุกอย่างคลี่คลายไปได้โดยง่าย ใบหน้าที่เคยเคร่งเครียดก็กลายเป็นยิ้มแย้ม พอยิ้มแบบแย้มๆ เดี๋ยวสตางค์ก็มาค่ะ แถมมี Order จากลูกค้ารายใหญ่ๆมาสั่งพวงมาลัย ทั้งๆที่ร้านของลูกจะอยู่ด้านในสุดของตลาด แต่ก็มีลูกค้าอยากมาซื้อพวงมาลัยร้านของเรา
 
    สิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของลูกในตอนนี้ ทำให้หัวใจของลูกพองโต ขยายใหญ่ และเชื่อมั่นในอานุภาพบุญมากๆ ตอนนี้ลูกเข้าใจแล้วว่า ที่คุณครูไม่ใหญ่ บอกว่า จะรวยแบบสวนกระแสเป็นอย่างไร เพราะในยามที่เศรษฐกิจไม่ดี ดอกไม้ขายไม่ดี แต่ร้านของลูกขายหมดทุกวัน และขายดีมากๆ จนลูกสามารถเก็บเงินมาทำบุญโมดูล หลังคามหารัตนวิหารคด ได้ ลูกกับคุณแม่เราสองคนตัดสินใจอยู่ 2วัน พอได้ฟังคุณครูไม่ใหญ่บอกว่า “ว่าอย่างไร ก็ว่าตามกัน”
 
    คุณแม่เลยบอกว่า “งั้นเราก็ว่าตามพระเดชพระคุณหลวงพ่อเลย” จึงตัดใจทำบุญก้อนที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของเรา ด้วยเงิน 5แสนบาท เงินก้อนนี้คือชีวิตค่ะ เป็นเงินที่ลูกเก็บไว้เพื่อเตรียมรักษาพยาบาลคุณแม่ และเอาไว้ส่งลูกสาวให้เรียนสูงๆ รวมกับเงินที่ลูกสาวหยอดกระปุกเก็บเงินค่าขนมเอาไว้ทำบุญโมดูลกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ แต่พวกเราก็ตัดใจ เพราะอยากได้บุญใหญ่กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
 
    บุญของการสร้างที่รวมสงฆ์เป็นบุญที่ใหญ่สุดๆแล้ว เพราะไม่รู้ว่า ต่อให้ตายแล้วเกิดใหม่อีกกี่ชาติ เราจะได้สร้างบุญนี้รึเปล่าก็ไม่รู้ ชีวิตของคุณแม่เหนื่อยมามากแล้ว สิ่งที่ลูกจะไม่ยอมแพ้ในชาตินี้อีก คือ จะไม่ยอมแพ้เรื่องการสร้างบารมี ขอให้ได้มีโอกาสได้สร้างบุญให้ยิ่งๆขึ้นๆไป การที่ได้ทำบุญมาก ไม่ได้เพื่ออวดร่ำ อวดรวย แต่ทำเพราะยิ่งทำมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งตัดความตระหนี่ในใจได้มากเท่านั้น และเมื่อตัดได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรื้อผังจนได้มากเท่านั้น และลูกมั่นใจว่า ชาติต่อไปลูกจะไม่ลำบากอย่างนี้อีกแล้ว
 
    วันที่ลูกได้ถวายปัจจัยก้อนแรก (ลูกทยอยถวาย) วันนั้นลูกขอพรจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อว่า...
 
“พระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าขา ทางมาแห่งทรัพย์ของลูกมีน้อย เพราะลูกเป็นแค่แม่ค้าขายพวงมาลัย”
พระเดชพระคุณหลวงพ่อให้พรว่า “กลับไปเติมศูนย์ได้เลยลูก”
 
    ปรากฏว่า อัศจรรย์ค่ะ เพราะไม่น่าเชื่อว่า ลูกจะมีทรัพย์มาถวายได้อย่างที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อให้พร จนลูกสามารถทำบุญได้ถึง 5แสนบาท ลูกรู้สึกได้เลยว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อเมตตาครอบครัวของเรามากๆ นี่ถ้าเราไม่ตัดใจถวาย เราก็คงไม่รู้รสชาติของความรู้สึกที่ว่า “คนอย่างเราก็ทำได้”
 
    วันที่ลูกกับคุณแม่ได้อัญเชิญผ้าไตรกฐิน ทุกย่างก้าวของลูก คือ ความปีติใจอย่างท่วมท้น น้ำตาแห่งความปีติไหลออกมาไม่ขาดสาย ตั้งแต่ก้าวแรกจนถึงก้าวสุดท้าย จนมานั่งรับพรก็ยังร้องไห้อยู่ ลูกไม่เสียดายทรัพย์เลย แค่เรานึกถึงบุญที่ได้ทำ ขนาดว่า หลังคามหารัตนวิหารคดยังไม่เสร็จเรายังปลื้มขนาดนี้ แล้วถ้าสร้างเสร็จจะปลื้มขนาดไหน
 
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคะ ลูกอยากบอกพระเดชพระคุณหลวงพ่อว่า วันที่ลูกและครอบครัวได้มาเจอพระเดชพระคุณหลวงพ่อนะคะ ลูกๆปลื้มกันมากเลยค่ะ ไม่นึกว่าคนอย่างเราจะมีวาสนา ได้มาใกล้จุดที่สว่างที่สุดขนาดนี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อและวัดพระธรรมกาย คือ เนื้อนาบุญจริงๆค่ะ
 
    ลูกและครอบครัวเป็นเหมือนมดขยันตัวเล็กๆ ที่เดินเข้ามาใกล้ความสว่างนั้น ลูกคิดตลอดเวลาเลยว่า เราต้องขยันสร้างบารมีต่อไป จะได้สว่างเหมือนพระเดชพระคุณหลวงพ่อบ้าง ลูกจะตั้งใจทำบุญทุกบุญไม่ให้ขาด แม้แต่เพียงบุญเดียว และอยากจะฝากถึงนักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาทั่วโลกทุกท่านว่า “โมดูลคุณทำได้ ถ้าคุณได้ทำ คุณก็ทำได้ค่ะ ขอให้ชิตังเมนะคะ”
 
    ด้วยบุญที่ลูกตั้งใจทำนี้ ขอให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อ มีสุขภาพแข็งแรง มีอายุขัยยืนยาว 200ซาวปี๋เลย ลูกและครอบครัว ขอติดตาม และตามติดพระเดชพระคุณหลวงพ่อ สร้างบารมีไปจนถึงที่สุดแห่งธรรมค่ะ
 
กราบขอบพระคุณ พระเดชพระคุณหลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่ ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
 
ลูกตุ่ม และครอบครัว
 

Scoop พิเศษ แม่ค้าพวงมาลัย ยอดนักสร้างบารมี
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/world_meditation/Thailand_Nittaya.html
เมื่อ 3 กรกฎาคม 2567 19:08
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv