ผลการปฏิบัติธรรม

พระทนุ ชยารกฺโข

กราบคาราวะพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงสุดครับ
 
กระผม พระทนุ ชยารกฺโข พระธรรมทายาทบวชใน โครงการบรรพชาและอุปสมบทหมู่ธรรมทายาท รุ่นพิเศษ รุ่นบูชาธรรมครบรอบ 99ปี คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ครับ
 
ย้อนไปเมื่อ 26ปีที่แล้ว กระผมยังละอ่อนเป็นแค่ นายทนุ มานะไชยรักษ์ ที่ยังไม่รู้จักเป้าหมายใดๆในชีวิต แม้จะเป็นถึงประธานบริษัทเพชรธานีคอนกรีต แต่ก็ดำเนินชีวิตอย่างไม่เข้าใจในบุญกุศลนัก แต่หลังจากมาพบกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ได้เข้ามาบนหนทางการสร้างบารมีอย่างเข้มข้น ก็รู้สึกว่า เวลาได้ผ่านไปไวเหมือนโกหก คือ เผลอแป๊บเดียวกระผมอายุ 66ปีแล้วครับ แต่เลข 66 ถือว่าเป็นเลขดี เพราะถ้ากลับหัวดีๆจะกลายเป็นเลข 99 ซึ่งหมายถึง วัยก้าวกระโดด คือ ยิ่งสูงวัย หัวใจยิ่งสู้โว้ยครับ
 
พระเดชพระคุณหลวงพ่อครับ ก่อนหน้าที่กระผมจะมาเจอพระเดชพระคุณหลวงพ่อ กระผมมีความคิดเสมอว่า กระผมเกิดมาชาตินี้ อยากจะทำอะไรดีๆให้ชาวโลกสักอย่าง แต่ก็ได้แค่นึกครับ จนกระทั่งได้มาพบกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ แล้วก็เห็นมาตลอดว่า โครงการของพระเดชพระคุณหลวงพ่อแต่ละอย่าง ล้วนทำเพื่อให้ชาวโลกเข้าถึงสันติสุขภายในทั้งสิ้น
 
อีกทั้งพระเดชพระคุณหลวงพ่อยังทำงานหนักแบบไม่ได้พัก ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่สบาย ด้วยความเสียสละของพระเดชพระคุณหลวงพ่อขนาดนี้ ทำให้ลูกอย่างกระผมอยู่เฉยๆ ไม่ได้ จึงขออาสาจู่โจมเข้ามาทำหน้าที่เป็นกองเสบียง เผยแผ่อย่างเต็มสตีม พร้อมกับขอเป็นแฮงใจให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อด้วยนะครับ
 
    ทุกวันนี้...กระผมได้มานั่งนึกๆ รำพึงกับตัวเองบ่อยๆว่า “ทำไมเราช่างโชคดีอะไรปานฉะนี้ ที่มาเจอวัดดี เจอครูดี” ตั้งแต่ได้พบกับคุณยายอาจารย์ ซึ่งเมื่อพบท่านครั้งแรก ท่านก็พูดกับกระผมว่า “มาก็ดีแล้ว...มาช่วยกันสร้างสะพานสีขาว เป็นทางผ่านขนคนเข้าวัดกัน” ทำให้กระผมตัดใจทำบุญใหญ่ครั้งแรกในชีวิตถึง 8S ต่อมาทำเพิ่มอีก 2S จึงได้รับเชิญเป็นประธานรองกฐินในปีนั้นครับ
 
    ด้วยความที่คุณยายอาจารย์เป็นต้นบุญ เปิดทางรวยให้กระผม ทุกวันเกิดของท่าน กระผมจะขอร่วมทำบุญกับท่านมาตลอด เพื่อจะได้ตามติดคุณยายอาจารย์ไปสร้างบารมีกับท่านทุกภพทุกชาติ อย่างในวันคล้ายวันเกิดของคุณยายอาจารย์ ครั้งที่มีการสร้างหอฉันถวาย ตอนท่านละสังขารไปแล้ว กระผมก็บอกท่านว่า “อยากสร้างหอฉันถวายคุณยาย” และในวันเกิดปีนี้ของท่านก็เช่นกัน กระผมได้บวชบูชาธรรมให้ท่านเป็นของขวัญวันเกิด เพราะท่านเป็นผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย
 
    ท่านทำให้กระผมได้มีวัดไว้สร้างบารมี เพราะหากกระผมไม่ได้เข้าวัด ป่านนี้คงแย่ เพราะกระผมก็ดำเนินชีวิตผิดพลาดมาเยอะ แต่เมื่อมาเจอวัดแล้ว ชีวิตมันคืนทุน แถมยังได้กำไรอย่างอภิมหาศาลอีกด้วย...เมื่อก่อน กระผมเป็นคนชอบเอาเศษสตางค์ทำบุญ แต่ตอนนี้ชอบเอาทั้งส่วนทั้งเศษทำทุกบุญ คือ ทำแบบสุดขีดกันไปเลย กระผมเคยแอบกู้แบงก์มาทำบุญ เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อทราบ ก็เตือนว่า “ลูกทำอย่างนี้...มันไม่ถูกหลักวิชชานะลูก”
 
    ตอนนั้นพระเดชพระคุณหลวงพ่อเตือนกระผม แต่กระผมคิดในใจว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อเตือน แต่ไม่ได้บอกให้กระผมหยุดทำ กระผมจึงแอบทำแบบเต็มสตีมอีก ผลปรากฏว่า หลังจากทำแล้ว ชีวิตของกระผมก็รวยวันรวยคืน เกิดปาฏิหาริย์รอดพ้นจากวิกฤติ IMF ในขณะที่ธุรกิจแบบเดียวกับกระผม เรียงคิวกันเจ๊งไปตามๆกัน อีกทั้งในช่วงวิกฤติ กระผมติดหนี้อย่างมหาศาล มากถึง 300ล้านบาท แต่เมื่อทำบุญแล้ว กลับเห็นผลอัศจรรย์ มีเงินงอกจนสามารถใช้หนี้สินได้หมดภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว อีกทั้งยังมีเงินเหลืออีก อย่างนี้...จะให้กระผมแตะเบรกในการทำบุญได้อย่างไรล่ะครับ
 
    กระผมกล้าทุ่มกับวัดสุดๆขนาดนี้ ใหม่ๆหลายคนก็ไม่เข้าใจ อย่างโยมแม่บ้านของกระผมเอง ก็ต้องใช้เวลาถึง 3ปีกว่าเธอจะ IN แต่พอเห็นอานิสงส์จากการทำบุญ คือ ทำให้ธุรกิจดีขึ้นเป็นอัศจรรย์ อีกทั้งลูกๆก็เข้าวัด เป็นคนดีว่านอนสอนง่าย มีความรับผิดชอบ ทำงานแทนกระผมโดยที่กระผมไม่ต้องห่วง ส่วนพระลูกชายก็ดีแสนดีเหลือเกิน มาบวชอุทิศชีวิตส่งบุญให้กับพ่อแม่ตลอดเวลา จนทุกคนในครอบครัวเรามีแต่ความสุข เป็นกัลยามิตรส่งเสริมกันในทุกเรื่อง
 
    จนกระผมรู้สึกว่า แม้กระผมยังไม่ได้ขึ้นสวรรค์ ก็เหมือนมีครอบครัวสวรรค์ ที่ทั้งอบอุ่น ทั้งเข้าใจกัน ทั้งมีธรรมะ และที่สำคัญ คือ รวย แถมชวนเพื่อนมาวัดกี่คนกี่คน ก็เลิกบุหรี่เลิกเหล้าได้ มาทำบุญด้วยกันได้หมด และก็ยังชวนมาบวชรุ่นนี้ด้วยกันหลายรูป...คนเราในสังคม คิดแต่ทำมาหากินแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน แต่ทำไมไม่คิดสร้างบารมีแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพันกันบ้าง รู้สึกว่าตั้งแต่เข้าวัดแล้ว ชีวิตมีแต่กำไรทุกอนุวินาที เลยครับ
 
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อครับ กระผมขอกราบขอบพระคุณ ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อชวนกระผมบวชในครั้งนี้มากๆ เพราะกระผมมีความสุขมากอย่างบอกไม่ถูก เนื่องจากกระผมนั่งสมาธิได้ดีกว่าทุกครั้ง เพราะพระเดชพระคุณหลวงพ่อเมตตาลงสอนธรรมะให้ในวันก่อนบวช โดยแนะว่า “ถ้ายังไม่เห็นองค์พระ ก็ให้ตรึกองค์พระไว้ที่กลางท้อง ตรึกให้ได้ตลอดทุกอิริยาบถ เพราะหากเราเข้าถึงองค์พระได้ ก็เสมือนหนึ่งว่าได้บวช 2 ชั้น คือ บวชภายนอก กับบวชภายใน”
 
    พอพระเดชพระคุณหลวงพ่อบอกปุ๊บ กระผมก็พยายามตรึกปั๊บเลยครับ พอตรึกปุ๊บ องค์พระก็ติดปั๊บ คือ กระผมเห็นองค์พระกลางท้องได้ต่อเนื่องมากกว่าเดิม นานกว่าเดิม อีกทั้งทุกวันนี้ หลังจากนั่งเสร็จ ลืมตาขึ้นมาแล้ว ยังเห็นองค์พระอยู่กลางท้องอยู่เลย เพราะไม่ว่าจะทำภารกิจอะไร จะนั่งนอนยืนเดิน จะฉันอะไร ก็พยายามตรึกตลอด ซึ่งเพื่อนๆที่บวชด้วยกัน ก็เป็นกัลยาณมิตรเตือนกัน ให้ตรึกองค์พระ ตรึกดวงธรรมให้ได้อย่างต่อเนื่อง...
 
    เพื่อเวลามานั่งสมาธิในรอบ จะทำให้เราไม่ต้องปรับอารมณ์มาก ใจจะรวมได้เร็ว คือ เวลานั่งก็สามารถเห็นองค์พระได้เลย พอเห็นปุ๊บ ก็มององค์พระอย่างนิ่งๆ เฉยๆ แม้จะเห็นมั่ง หายมั่ง ก็ไม่เป็นกังวลครับ เพราะหากองค์พระท่านแวบหาย กระผมก็นึกให้ท่านแวบขึ้นมาใหม่ แล้วก็มองท่านต่อไปเรื่อยๆ พอนึกให้ท่านใส ท่านก็ใส กระผมมองไปเรื่อยๆ อย่างมีความสุขครับ  การบวชครั้งนี้ กระผมรู้สึก Happy แบบ ไม่อยากให้มี Ending เลย เพราะรู้สึกปลอดกังวล สบายใจอย่างบอกไม่ถูก จนมีความรู้สึกอยากต่อเวลาบวชไปจนถึงวันมาฆะบูชาครับ
 
    สุดท้ายนี้ กระผมขอกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อมากๆ ที่เมตตากระผม และครอบครัวของกระผมมาตลอด ซึ่งกระผมจะไม่มีวันลืมเลย และจะขอทำหน้าที่เป็นกองเสบียง เผยแผ่อย่างเต็มที่และเต็มกำลัง และจะทำให้ดีกว่าดีที่สุด เพราะหน้าที่ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อก็คือหน้าที่ของกระผมด้วย
 
ป.ล.พระเดชพระคุณหลวงพ่อครับ...อย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยนะครับ เพราะลูกๆ ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อทุกคน อยากเห็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อแข็งแรงที่สุด หายจากโรคภัยไข้เจ็บโดยเร็วครับ
                                               
พระทนุ ชยารกฺโข
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/world_meditation/Thailand_Phra_Thanu.html
เมื่อ 1 กรกฎาคม 2567 01:10
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv