ผลการปฏิบัติธรรม

กัลยาณมิตร พันเอกหญิง รัชนีวรรณ พันธุวงษ์ (ประเทศไทย)
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
 
 
    ลูกชื่อ พันเอกหญิง รัชนีวรรณ พันธุวงษ์ อายุ 53ปี ลูกเป็นคนที่ไม่ชอบดูหมอ แต่ชอบดูพยาบาล...คือ ลูกมีอาชีพพยาบาล ดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้อำนวยการฝ่ายการพยาบาล (Director of Nursing) มีหน้าที่ดูแลทีมงานฝ่ายการพยาบาลทั้งหมด ของโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ค่ะ
 
    ลูกเรียนจบวิทยาลัยพยาบาลทหารบก จึงมียศทางทหารด้วย แม้ว่าทหารหาญโดยทั่วไป เปรียบได้กับรั้วของชาติ คอยปกป้องบ้านเมืองจากอริราชศัตรูที่จะมารุกราน แต่พยาบาลยศทหารอย่างลูก ก็มีส่วนสำคัญในการดูแลบ้านเมืองเช่นกัน เปรียบเสมือนไม้เลื้อยนานาพันธุ์ ที่คอยประดับประดาตกแต่งรั้วของชาติให้ดูงดงาม ยังสุขภาพกายของคนในชาติให้แข็งแรง สุขภาพจิตของคนในชาติก็จะเบิกบาน
 
    ลูกจึงต้องทำงานหนักมาตลอด เลยลืมนึกถึงสุขภาพตัวเอง ทำให้ป่วยเป็นวัณโรคที่ปอดข้างขวา ต้องทานยานาน 6เดือน ต่อมาในปี พ.ศ.2540 ลูกกับมะเร็งร้ายก็ได้โคจรมาพบกัน เมื่อป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมข้างซ้ายระยะที่สอง ทันทีที่รู้ว่าเป็นโรคร้าย ลูกรู้สึกตัวเย็นวาบตั้งแต่ศีรษะ ลามมาที่ปาก แขนและขา คิดน้อยใจว่าทำไมต้องมะเร็งต้องเกิดขึ้นกับลูกด้วย ถึงกระนั้น ลูกก็ยังคงหมั่นคอยดูแลจิตใจตัวเอง ด้วยการสวดมนต์ และนั่งสมาธิโดยภาวนาว่า “พุทโธ” ตามที่เคยได้เรียนรู้มา
 
    สองปีต่อมา ขณะที่มะเร็งร้ายยังคงร้ายไม่เลิก เรื่องร้ายๆที่ร้ายเหลือเรื่องใหม่ๆก็เรียงคิวกันเข้ามาในชีวิต เมื่อลูกประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ส่งผลให้กระดูกเชิงกรานร้าว หมอบอกว่า ไม่สามารถผ่าตัดได้ ต้องใช้ไม้เท้าช่วยเดินอยู่นาน กว่าจะเป็นปกติ ต่อมาลูกก็เกิดลื่นล้มจนหัวเข่าแตก มีอาการปวดทุกข์ทรมานมาก นอกจากมะเร็งร้ายไม่ยอมเลิก อุบัติเหตุที่ช่างร้ายเหลือแล้ว ลูกยังมีโรคร้ายกวนใจ มักปวดศีรษะจากโรคไมเกรน อันเป็นเรื่องร้ายรวดมาตลอดช่วงวัยทำงานอีกด้วย
 
    แต่ชีวิตไม่ได้มีไว้ให้ยอมแพ้ เมื่อความทุกข์รุมกระหน่ำตัวลูกแบบปิดประตูตีแมว แต่ลูกนั้นเป็นคน ไม่ใช่แมวที่จะยอมถูกตี จึงหาทางออกโดยไปศึกษาธรรมะ สงบจิตสงบใจที่วัดแห่งหนึ่งใน จังหวัดอุดรธานี ที่นั่นได้สอนให้ลูกรู้ว่า ทั้งอุบัติเหตุ และโรคภัยเจ็บไข้ไม่มีใครทำ มีแต่กรรมบันดาล ลูกพยายามทำใจให้เข้มแข็ง คิดว่าวิถีคนไม่จนตรอก จึงมุ่งมั่น อดทน อดกลั้น ไม่ย่อท้อ อาการเจ็บปวดก็โบยบินไปเสียกว่าครึ่ง ทำให้ลูกผ่านวิกฤตมาได้ จนได้มาแสวงหาสิ่งที่ลูกต้องการคือ “การปฏิบัติธรรม” เพื่อทำให้ชีวิตลูกมีความสุข
 
    ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2550 อาจารย์ท่านหนึ่งแนะนำให้ลูกได้พบกับ พระอาจารย์บุญส่ง ปุญฺญพโล ท่านทำให้ลูกได้พบกับ “สันติสุขภายใน” โดยได้นำนั่งสมาธิแบบสัมมาอะระหัง ลูกปล่อยวางตามพระอาจารย์สอนทุกอย่าง ค่อยๆเลื่อนใจลงสู่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด โดยผ่านเข้าไปทางด้านหน้า เข้าไปในลำตัวอย่างช้าๆ แล้วหยุดนิ่งกลางกายอย่างสบายๆ
 
    ในครั้งแรก จะมีแต่ความมืดไปทั้งตัวไม่เห็นอะไรเลย ยิ่งดูยิ่งไม่เห็น แต่ไม่หงุดหงิด กลับรู้สึกสบายกาย และสบายใจ เป็นอยู่อย่างนี้หลายครั้ง ทำอยู่เรื่อยๆ บ่อยๆ...ต่อมาขณะหลับตาลง จะเห็นความมืดอยู่วูบเดียว แล้วมองเห็นเป็นแสงสว่างปรากฏขึ้น เป็นดวงกลมใสสว่าง ขยายเต็มทั่วลำตัวไปหมด ประหนึ่งไส้เทียนกลางใจ ลุกโชนสว่างไสวในตัว
 
    ลูกจึงเข้าใจถึงคุณค่าของกัลยาณมิตรว่า...
 
วันวาน อันมืดมิด
ดวงชีวิต ช่างไร้ค่า
กัลยาณมิตร ผู้นำพา
ให้ลูกมา ประสบ พบแสงธรรม
 
    นับตั้งแต่นั้นมา ลูกตื่นตี5 มานั่งสมาธิทุกวัน วันละครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง ทุกครั้งที่ลูกนึกองค์พระ ใจก็เข้าสู่ศูนย์กลางกายได้โดยง่าย ลูกภาวนา “สัมมา อะระหัง” จนเห็นเป็นแสงสว่าง เห็นองค์พระใหญ่บ้างเล็กบ้างสลับกันไป ดูไปเรื่อยๆจนออกจากสมาธิ ทำให้มีความสุข เบากายสบายใจ สามารถหยุดความเจ็บปวดที่ศีรษะที่เกิดจากโรคไมเกรน อาการที่เคยปวดเอวเมื่อ 4-5ปีก่อนก็หายไป อาการปวดเข่าที่เคยได้รับการผ่าตัดค่อยๆหายไป
 
    แม้แต่มะเร็งร้ายก็เลิกร้าย ราวกับพระธรรมกายช่วยนิรโทษวิบากกรรมให้ตัวลูก เดี๋ยวนี้ลูกมีสุขภาพดี ชีวีเป็นสุข เพราะความสุขช่วยกันประคับประคองร่างกาย และหัวใจที่อ่อนล้า...ในอดีต ลูกเคยเป็นคนที่ใช้ความหงุดหงิดเป็นลมหายใจเข้าออก ใช้ความฉุนเฉียวฟุ่มเฟือย ชอบให้ “โอว่า” มากกว่า “โอวาท” ต่อว่าตำหนิติเตียนลูกน้องเป็นประจำ อารมณ์เหล่านี้ก็ค่อยๆหายไป
 
    ลูกคิดว่า “ฆ่าสัตว์ได้โทษ ฆ่าความโกรธได้บุญ” จึงกลายเป็นคนอารมณ์ร่าเริงแจ่มใส ชอบสนุกสนาน และให้อภัยเมื่อลูกน้องกระทำผิด โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ มีอารมณ์เย็นมากขึ้น พูดจาอ่อนโยนขึ้น สำรวมมากขึ้น จะได้ไม่เป็นคนที่เข้าทำนองว่า “แก่ง่าย ตายยาก ปากจัด” ด้วยความคิดว่า “เพ่งโทษตนเป็นบัณฑิต เพ่งความผิดคนอื่นเป็นพาล”
 
    อีกทั้งลูกยังใจดี แจกความสุข โดยได้จัดทำโครงการ “วิถีชาวพุทธ” เพื่อสอนทำสมาธิให้กับผู้ป่วยก่อนผ่าตัด โดยสอนที่ข้างเตียง หรือที่ห้อง “ใจใสใจสบาย” ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติธรรมในโรงพยาบาล โดยพิจารณาตามสภาพร่างกายของผู้ป่วย การทำสมาธิส่งผลช่วยลดความวิตกกังวล และความเจ็บปวดของผู้ป่วยได้ ลูกคิดว่า “พยาบาล คืองานบุญ นำหนุนสุขนิรันดร์ให้แก่ผู้ป่วยทุกคนค่ะ”
 
 
    นอกจากนี้ ยังสอนให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้ทำสมาธิ ก่อนที่จะเริ่มทำงานอีกด้วย ซึ่งทำให้ความผิดพลาดในการทำงานลดลง และข้อร้องเรียนต่อพฤติกรรมในการบริการของเจ้าหน้าที่ลดลง
 
    ในวันอาทิตย์ต้นเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2550 ลูกมาที่วัดเป็นครั้งแรก เมื่อลูกได้เห็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ลูกยิ่งรู้สึกตื่นเต้นเหมือนดูคอนเสิร์ตเบิร์ดเปิดฟลอร์ เบิกบาน ชื่นใจ มีความสุขอย่างหาที่สุดไม่ได้
 
    เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อนำนั่งสมาธิ ลูกจะเห็นองค์พระภายในชัดขึ้น ใสสว่างภายใน อิ่มเอิบ ปลื้มใจตนเองจนน้ำตาไหล ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ไม่เจ็บปวด ไม่ง่วงหลับ แม้จะนั่งรถบัสมาไกลจากอุบลราชธานี ลูกก็ยังคงเดินทางมาวัดทุกอาทิตย์ต้นเดือน ลูกมีความสุขมาก อยากจะแบ่งปันให้ผู้อื่น ให้พบความสุขที่แท้จริงเหมือนที่ลูกได้สัมผัส
 
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
 
พันเอกหญิง รัชนีวรรณ  พันธุวงษ์
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/world_meditation/Thailand_Rachaneewan.html
เมื่อ 1 กรกฎาคม 2567 05:10
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv