ผลการปฏิบัติธรรม

กัลยาณมิตร วิมลมาส รัตนวราห (ประเทศไทย)
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
 
ตั้งแต่แรกเกิดมาจนบัดนี้ ชีวิตของลูกดำรงอยู่มาได้ ก็เพราะ “การให้” พ่อ-แม่ให้ชีวิตและความรู้ พระอาจารย์ให้คุณธรรม แต่ที่สำคัญที่สุด คือ คุณครูไม่ใหญ่ ให้สุดยอดแห่งความรู้สู่สันติสุขภายใน
 
ลูกชื่อ วิมลมาส รัตนวราห เป็นคนกรุงเทพฯโดยกำเนิด คุณพ่อได้ใช้พลังแห่งตัวอักษรในจดหมาย ปลูกฝังเมล็ดพันธุ์แห่งการให้ ลงสู่ใจของลูกมาตั้งแต่เด็ก เมื่อครั้งคุณพ่อทำงานที่วิทยุการบินแห่งประเทศไทย ณ ทุ่งมหาเมฆ ช่วงที่ท่านได้ไปศึกษาต่อที่อเมริกา ท่านได้เขียนจดหมายถึงคุณแม่เป็นประจำ ครั้งหนึ่งลูกแอบอ่านเนื้อความในจดหมาย พบประโยคหนึ่งบอกว่า “จงสอนลูกๆ ให้รู้จักการให้”
 
ประโยคนั้นได้ซึมซาบเข้าสู่ทุกอณูใจของลูกโดยมิรู้ตัว จากวันนั้นลูกเริ่มปฏิบัติตาม คือ ตักบาตรทุกวัน แบ่งปันสิ่งของให้เพื่อนๆทุกโอกาส เมล็ดพันธุ์แห่งการให้ก็ค่อยๆเจริญเติบโต แตกหน่อต่อยอดกลายเป็นพฤกษชาติพันธุ์ไม้ที่งดงาม
 
    ในตอนนั้นเอง ตรงกับช่วงเรียนมหาวิทยาลัย ลูกก็ได้รู้จักการให้ที่สูงค่ายิ่งกว่า เมื่อได้พบพระป่า ที่ครอบครัวข้างบ้านนิมนต์ท่านมาที่บ้านเพื่อเป็นเนื้อนาบุญอยู่เรื่อยๆ พระป่า...ท่านสอนให้ลูกปฏิบัติธรรมครั้งแรกแบบกำหนดลมหายใจ แม้ลูกไม่ได้ปฏิบัติเป็นจริงเป็นจัง เพียงแค่ชอบฟังธรรมและทำบุญกับท่านมากกว่า แต่คำสอนทรงคุณค่าที่ท่านให้ไว้ ก็เป็นเสมือนเข็มทิศ ชี้ทางชีวิตของลูกไม่ให้เบี่ยงเบนออกนอกทางเส้นทางแห่งคุณธรรม
 
    เมื่อเรียนจบ ลูกกับเพื่อนๆที่ทำงานได้พากันเหมารถตู้ ตระเวนเสาะแสวงหาวัดต่างๆ เพื่อหาคำสอนที่ยิ่งไปกว่านั้น หวังหาพระ หาวัด ในอุดมคติ กระทั่งได้พบเจ้าอาวาสของวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดสุรินทร์ ท่านให้ข้อคิดว่า “ไม่ต้องตระเวนไปหาพระที่ไหนหรอก พระอยู่ที่ตัวของเรานั่นแหละ อยู่ที่เราปฏิบัติ”
 
    พวกเราซาบซึ้ง จึงปฏิบัติธรรมกับท่านอยู่ 2ปี ท่านจะสอนให้พิจารณาโครงกระดูกว่า สังขารไม่เที่ยง ไม่มีอะไรแน่นอน จนกระทั่งท่านมรณภาพ ทางวัดเก็บร่างของท่านใส่โลงแก้วไว้ 2ปี จึงทำการถวายเพลิงศพ วันที่เผา ทางวัดนำร่างของท่านซึ่งไม่เน่าไม่เปื่อย มาเผาที่กลางแจ้งให้เห็นกันชัดๆ ทุกขั้นตอนจนเหลือแต่เถ้ากระดูก เป็นข้อคิดว่า ที่สุดแล้วเราทุกคนก็ไม่เหลืออะไรเลย นอกจากคุณธรรมความดี ภาพๆนั้นนับเป็นคำสอนสุดท้ายที่ท่านให้ไว้ ช่างล้ำค่าจริงๆ
 
    ครั้นปี พ.ศ.2538 เพื่อนที่ทำงานได้ชักชวนลูกไป วัดพระธรรมกาย ครั้งแรกที่ปฏิบัติธรรม ลูกตั้งใจมากจนเครียด จึงตั้งตัวใหม่ ลองหันกลับมาฟังพระเดชพระคุณหลวงพ่ออย่างละเอียดอีกครั้ง พระเดชพระคุณหลวงพ่อบอกให้ขึงเส้นด้ายตัดกันเป็นกากบาท แล้วมองไปที่จุดตัด ลูกจึงทำตามไปเรื่อยๆ อย่างสบายๆ จนเห็นเป็นจุดสว่างเล็กๆที่จุดตัด ตอนนั้นคิดว่า “เราคิดไปเองหรือเปล่า” และสงสัยเรื่อยมา ต่อมาได้ยินพระเดชพระคุณหลวงพ่อสอนว่า “ไม่ต้องไปสงสัยอะไร ให้คิดว่านั่นใช่เลย แล้วให้ทำเฉยๆ เฉยกับทุกสิ่งที่เห็น” ลูกจึงปรับใจตามได้
 
    ครั้นลูกได้มีโอกาสขึ้นปฏิบัติธรรมที่สวนบัว พระอาจารย์ให้นึกดวงแก้ว ก็นึกได้บ้างแต่ไม่มั่นคง แต่ลูกจะชอบมากตอนที่พระอาจารย์สอนให้แผ่เมตตา เพราะทำให้ลูกรู้สึกถึงความสบายที่ขยายออกไปอย่างไม่มีขอบเขต ในขณะที่จุดแห่งความสบายยังอยู่ที่เดิม วันต่อๆมา ก็มีตัวย่อ-ขยาย
 
    อีกครั้งหนึ่ง ปฏิบัติธรรมที่หมู่บ้านปฏิบัติธรรม มีความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นจุดเล็กๆแบนติดพื้น และเมื่อมีโอกาสไปปฏิบัติธรรมที่สวนพนาวัฒน์ ในปี พ.ศ.2548 ขณะปล่อยใจตามเสียงพระอาจารย์โดยวางใจนิ่งๆ เฉยๆ สบายๆ ณ กลางองค์พระภายใน ก็เห็นองค์พระผุดเป็นสาย ตอนแรกๆ ลูกก็เห็นจุดสว่าง พอมองไปที่จุดสว่างก็เห็นองค์พระ พอมองกลางองค์พระก็เห็นดวงธรรม พอมองกลางดวงธรรมก็จะเห็นองค์พระ ผุดสลับกัน ขึ้นมาจากจุดเดิมและมีความรู้สึกว่า ตัวเราก็ดิ่งลงไปหาองค์พระ องค์พระก็ผุดขึ้นมาหาตัวเรา ในขณะที่องค์พระผุดขึ้นมาแต่จุดสว่างที่องค์พระผุดนั้น ก็ยังอยู่ที่เดิม มีความสุขในการปฏิบัติธรรมมาก
 
 
    ต่อมา ลูกได้ขึ้นไปปฏิบัติธรรมที่ไร่อรุณวิทย์ เมื่อวันที่ 11-16 มิถุนายน พ.ศ.2549 ลูกก็ทำตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อกับพระอาจารย์แนะนำ คือ วางใจไว้ที่ศูนย์กลางกายตลอดเวลา หลับตาให้สบาย ปรับใจให้สบาย ปล่อยใจตามเสียงพระอาจารย์ไป จนกระทั่งวันที่ 15 มิถุนายน ใจก็สงบนิ่ง เห็นแสงสว่าง เกิดความสว่างไสวภายในอันเรืองโรจน์โชติช่วง ที่สว่างยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ แต่ไม่แสบตา เหมือนแสงแก้ว ลูกจึงอยากบอกว่า...
 
    หยาดเพชร เก็จแก้ว แววล้ำค่า    งดงามกว่า แก้วใด ใครจะเหมือน
เป็นบัณฑิต ฝึกตน ไม่แชเชือน      จนเป็นเดือน ทอแสงสาด หยาดเพชรงาม
 
    ใจของลูกเหมือนแช่อิ่มอยู่ในแหล่งแห่งความสุข มีความรู้สึกอบอุ่นใจ อยากให้ทุกคนได้เข้าถึงความสุขตรงนี้บ้าง ก่อนหน้านี้ว่ามีความสุขแล้ว แต่ตอนนี้กลับมีความสุขยิ่งกว่า เป็นความสุขที่ประณีตมาก มันฉ่ำๆออกมาจากข้างใน ถ้าจะเปรียบเทียบกับของที่เราเคยเจอ ที่ว่าประณีตแล้วไม่สามารถจะเทียบเท่ากับประสบการณ์ภายในนี้ได้เลย
 
    ต่อมา ในเดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2549 ลูกไปปฏิบัติธรรมที่เขาใหญ่ฟ้าใส ลูกมองที่จุดสว่างกลางท้อง เห็นองค์พระผุดๆๆ อัดแน่นจนเรียกว่า ทุกเซลล์ขององค์พระจะมีองค์พระผุดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย แต่ขณะเดียวกันก็จะรู้สึกได้ว่า ท่านผุดออกมาจากจุดเดียวกัน คือ ศูนย์กลางกาย องค์พระเต็มไปหมด จนเหมือนเป็นแผ่นสว่าง กว้าง โล่ง อย่างไม่มีขอบเขตจำกัด
 
    จากนั้นก็เห็นจุดสว่างที่สว่างยิ่งกว่า เรียกว่า เป็นความสว่างอย่างมหาศาล ยิ่งกว่าพระอาทิตย์ยามเที่ยงเรียงกัน และในกลางความสว่างนั้น ก็จะเห็นองค์พระผุด ลูกสัมผัสได้ถึงความบริสุทธิ์ สะอาดผ่องใส เป็นความสุขที่ประณีตกว่าเดิมมาก มาถึงตอนนี้ทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่นใจ ใจมีพลังที่จะทำความดีต่อไป และมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า อู่แห่งทะเลบุญเป็นอย่างนี้เอง
 
    ล่าสุด เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ก่อนช่วงงานวันคล้ายวันเกิดของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ลูกรู้สึกปีติใจมากที่ได้ทำบุญกับพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ความปีติใจนั้นทำให้ลูกเห็นองค์พระผุดเป็นสาย ในขณะนั่งประชุมงานอยู่ที่ทำงาน ซึ่งปกติลูกจะไม่เคยเห็นองค์พระผุดในอิริยาบถอื่น นอกจากตอนลูกนั่งสมาธิ ปัจจุบันนี้ความรู้สึกเป็นองค์พระมีอยู่ตลอดเวลาค่ะ และเมื่อมองในกลางท้องก็จะเห็นองค์พระทุกครั้ง
 
    ตอนนี้ ลูกทราบแล้วว่า สุดยอดแห่งการให้ อันแสนยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์ทุกคนควรทำ เป็นสิ่งเดียวกับที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพยายามบอกกล่าวเล่าสอนนั้น คือ อะไร ก็คือ การที่มนุษย์ทุกคนรู้จักการให้เวลาอันล้ำค่าแก่ตัวเอง ให้ตัวเองได้มีเวลาปฏิบัติธรรม มีเวลาทำหยุดทำนิ่งสู่ภายใน กระทั่งใจสะอาด สว่าง สงบ ผ่องใส เปี่ยมพลัง เมื่อนั้น พลังแห่งสันติสุขก็จะบังเกิดขึ้น ลูกอยากแผ่ขยายคำสอนที่ดีงามของพระเดชพระคุณหลวงพ่อให้มีรัศมีวงกว้างออกไป โดยเริ่มจากครอบครัว
 
    ปัจจุบันนี้ แม้คนในบ้านของลูก จะยังไม่คุ้นกับคำสอนของวัด และยังไม่อนุญาตให้ลูกติดจานดาวธรรม แต่พวกเขาก็เริ่มคุ้นกับการที่ลูกไปวัดเป็นประจำ วันไหนลูกไม่ไป ก็จะถามว่า “วันนี้ไม่ไปวัดรึ” ตอนนี้ ลูกหมั่นสั่งสมบุญและอธิษฐานจิตตลอด ขอให้สักวันได้เป็นแสงสว่างให้กับคุณแม่ และทุกคนในครอบครัว ให้สมกับที่ครอบครัว ได้สอนลูกมาตั้งแต่เด็ก ให้รู้จักความงดงามของคำว่า “ให้” ค่ะ
 
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
 
ลูก วิมลมาส รัตนวราห
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/world_meditation/Thailand_Vimonmas.html
เมื่อ 18 กรกฎาคม 2567 15:26
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv