ผลการปฏิบัติธรรม 

 กัลยาณมิตร วรรณี คูตระกูล

 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
 
    “ก้าวต่อไปด้วยความหวัง ก้าวไปกับองค์พระภายใน” ลูกเคยอยู่อย่างหมดหวัง เมื่อต้องฝ่าฟันกับสงครามการเงิน เผชิญกับสงครามโรคร้าย กระทั่งพบแสงแห่งธรรมจากคุณครูไม่ใหญ่ ส่องสว่างสู่องค์พระภายใน ลูกจึงมีแรงก้าวต่อไปอย่างเปี่ยมพลัง
 
    ลูกชื่อ วรรณี คูตระกูล อายุ 51 ปี เป็นผู้นำบุญกลุ่มประตูน้ำ ช่วงปี พ.ศ.2535 ลูกทำธุรกิจตัดเย็บเสื้อผ้าส่งออกประเทศอิรัก และอิหร่าน ต่อมา ประสบวิกฤติเศรษฐกิจอย่างหนัก เมื่อเกิดสงครามอิรัก-คูเวต ประเทศทั้งสองถูกสั่งปิด ลูกค้าต่างเงียบหายเข้ากลีบเมฆ สินค้าที่สั่งผลิตจึงค้างสต็อกไม่มีเงินจ่ายผู้ผลิต เงินไม่มี หนี้ก็มา นับสิบล้าน หมายศาลก็ตามมามากมาย พร้อมที่จะส่งลูกเข้าคุกทุกเมื่อ ดัชนีความมั่นคงกำลังดิ่งลงเหว ลูกทั้งเซ็ง เครียด เบื่อ กลุ้ม ท้อแท้ไปทุกสิ่ง แต่ถ้าเป็นอยู่อย่างหมดหวัง ก็เหมือนขุมหลุมฝังตัวเอง
 
    พลันภาพในใจของลูกก็ย้อนกลับไป ถึงวันที่อ่านพบเรื่องราวของวัดพระธรรมกายในหนังสือพิมพ์ จึงตัดสินใจมาพึ่งวัดในปี พ.ศ.2537 เมื่อมาถึง ก็ประทับใจในทุกสิ่งของวัด คิดว่า “สถานที่เช่นนี้มีอยู่ในโลกด้วยหรือ” ความท้อแท้แปรเปลี่ยนเป็นท้อเทียม แล้วกลับเข้าสู่สภาวะเลิกท้อ คิดขึ้นว่า “วัดนี้ต้องอยู่ต่อไป เพื่อช่วยเหลือผู้คนที่มีทุกข์เหมือนเรา เราจะต้องกลับไปทำงาน นำเงินมาให้วัดใช้สร้างคน”
 
    เนื่องจาก ชีวิตคือการต่อสู้ จึงต้องอยู่ด้วยความพยายาม ลูกจึงกลับไปขอเจ้าหนี้กว่า 20 ราย ให้ช่วยระงับหมายศาลไว้ก่อน จะหาเงินมาใช้ให้ภายใน 1 ปี เจ้าหนี้ก็ยอม เพียงครั้งเดียวที่ไปวัด ธุรกิจของลูกเริ่มพลิกฟื้นคืนชีวิตเป็นอัศจรรย์ เคลียร์หนี้สิบล้านหมดในปีเดียว หลังจากนั้น ลูกไม่ได้มาวัดอีกเลย แต่ก็ไม่ใช่ได้ดีแล้วลืมวัด ยังคงฝากเงินกับเพื่อนมาทำบุญให้วัดทุกเดือนจากพันจนเป็นแสน
 
    กระทั่งปี พ.ศ.2540 ลูกก็มีโอกาสได้ขึ้นปฏิบัติธรรมที่ดอยสุเทพ-ปุย ครั้งนั้น ลูกเตรียมเช็คเงินสดตั้งใจจะถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อ 1 ล้าน แต่พระเดชพระคุณหลวงพ่อไม่ได้มา ลูกจึงบอกว่า “ถ้าหลวงพ่อไม่มา ไม่ถวายนะ” พลันลูกได้ยินเสียงผู้ชายแก่ๆหัวเราะ“หึๆ” ดังขึ้นในท้อง ลูกคิดใหม่ทำใหม่ว่า “ถึงหลวงพ่อไม่มาหลวงปู่ก็อยู่ในท้อง” จึงถวายเช็คกับพระอาจารย์แทน ผลการปฏิบัติธรรมของลูกครั้งนั้น เห็นแสงสว่างมีขนาดกว้างมาก และเห็นดวงขนาดใหญ่อยู่กลางแสงสว่างนั้น
 
    พอติดธรรมก็ติดใจ ลูกจึงปรับแต่งร้านขายเสื้อผ้าที่ตึกใบหยกประตูน้ำ เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมไปด้วย วันแรกมีคนมานั่ง 20 คน ลูกปลื้มใจมาก คืนนั้น ลูกนอนหลับตาลงอย่างเป็นปลื้มสุดๆ ทันใดนั้นรู้สึกว่า ห้องสว่างไสวไปหมดเหมือนเปิดไฟนีออนหลายๆดวง คิดว่า “ใครมาเปิดไฟนะในเมื่อเราปิดไปแล้ว” แต่พอลืมตาขึ้นมาก็มืดตึ๊ดตื๋อ ครั้นหลับตาใหม่ แสงนั้นก็ยังอยู่ จึงมองแสงสว่างภายในที่เย็นๆนิ่งๆนั้นไปเรื่อยๆอย่างเป็นสุข
 
    ต่อมา ลูกก็เพิ่มห้องปฏิบัติธรรมเป็น 2 ชั้น ผู้คนก็มาเพิ่มถึง 200 คน ลูกทำบุญสร้างพระแกนกลาง 1.5 S บอกบุญได้ 150 องค์ และจัดสัมมนาบอกบุญได้ 300 องค์ในวันเดียว ยิ่งลูกบอกบุญก็ยิ่งเบิกบาน ปลื้มมาก ความปีติแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย พอเสร็จงาน ขณะจะล้มตัวลงนอน ทันใดนั้นลูกก็เห็นดวงใสสว่างเท่าลูกแตงโมพุ่งมาที่ตัวแล้วหายไป ยิ่งทำให้ลูกทั้งเปี่ยมปีติและเปี่ยมรักกับการทำหน้าที่ผู้นำบุญ
 
    กระทั่งปี พ.ศ.2541 ลูกก็ถูกสกัดดาวรุ่ง เมื่อเริ่มป่วย มีเลือดและหนองไหลออกจากทวารเบาเหมือนรอบเดือน ร่างกายเริ่มไม่มีแรง หมอบอกว่า “คุณเป็นมะเร็งมดลูก อาการโคม่าแล้ว อยู่ได้อีกเพียง 6 เดือน ต้องผ่าตัดเอามดลูกออกด่วน” ลูกบอกว่า“ขอกลับไปปรึกษาครอบครัวก่อน” แล้วกลับมานั่งที่หน้ารูปถ่ายของพระเดชพระคุณคุณยายอาจารย์ พูดว่า “คุณยายเจ้าขา หมอให้ตัดมดลูก ตัดดีไหมคะ” เสียงของท่านดังขึ้นในท้องว่า “ไม่ต้องตัดนะลูก ให้นั่งสมาธิไป”
 
    ลูกจึงทำตามที่พระเดชพระคุณคุณยายอาจารย์บอก ไม่ไปหาหมออีก ไม่ทานยา ไม่ฉีดคีโม ไม่ฉายรังสี เป็นเหตุให้น้ำหนักลด 15 กิโลกรัม ผมที่ศีรษะด้านขวาร่วงเป็นแถบ เจ็บปวดทั่วร่างเหมือนมีมีดนับร้อยเล่มทิ่มแทงตามตัว โดยเฉพาะเวลาเดินเหมือนยิ่งตอกย้ำมีดให้ปักลึกเข้าไป
 
    ลูกรักษาตัวโดยการนั่งสมาธิอย่างเดียววันละ 3-5 ชั่วโมง ด้วยความเชื่อมั่นในพระเดชพระคุณคุณยายอาจารย์ จนผ่านไป 7 เดือน ลูกเริ่มมีแรงเดินได้ไม่เหนื่อย จึงเข้าใจว่าตัวเองหายแล้ว ลูกได้เดินทางไปฮ่องกงเพื่อดูสินค้า ตอนเย็นลูกกลับเหนื่อยขึ้นมาอีก จึงพักนั่งสมาธิอยู่ในห้อง พลันรู้สึกเหมือนตัวเองถูกกระชากอย่างแรง จึงรวมใจอ้อนวอนร้องเรียก “คุณยายเจ้าขา ช่วยลูกด้วย”
 
    พระเดชพระคุณคุณยายอาจารย์ ได้มาปรากฏในสมาธิพร้อมกับบอกถี่ๆว่า “เข้ากลางนะลูก” ลูกจึงจรดใจที่กลางอย่างเดียว ไม่รับรู้ความรู้สึกภายนอก รู้ตัวแต่ภายในอย่างเดียวว่า ตัวเองถูกกระชากออกแล้วดึงเข้า สลับกันอย่างนี้ตลอด เห็นภาพพระเดชพระคุณคุณยายอาจารย์ซูมเข้าซูมออกในท้อง และแล้วลูกก็ได้ยินเสียงดัง “ปึ๊ก” เหมือนเข้าล็อคบางอย่าง ลูกลืมตาขึ้นมา อ่อนปวกเปียกหมดเรี่ยวแรงเหงื่อกาฬไหลอาบทั่วตัว รอดตายเพราะพระเดชพระคุณคุณยายอาจารย์มาช่วยอีกครั้ง รุ่งเช้าลูกกลับแข็งแรงทำงานได้ตามปกติ
 
    แล้ววันหนึ่งในปี พ.ศ.2542 ขณะนอนอยู่ที่โซฟา ลูกก็หมดแรงลุกไม่ไหวเอาดื้อๆ จึงบอกกับรูปของพระเดชพระคุณคุณยายอาจารย์ว่า “คุณยายขา คราวนี้ลูกคงไม่รอดแน่” เสียงของท่านดังขึ้นว่า “ลุกขึ้น” ลูกก็บอกว่า “ลุกไม่ไหว”  เสียงของท่านก็ดังถี่ๆถึง 5 ครั้ง ลูกจึงลองผงกหัวขึ้นพอผงกหัวได้ก็ยกไหล่ได้ แล้วลุกขึ้นทั้งตัว ลูกก้มกราบพระเดชพระคุณคุณยายอาจารย์ แล้วร้องไห้
 
    นับจากที่หมอบอกว่าจะอยู่ได้อีกเพียง 6 เดือน ปรากฏว่าผ่านมาแล้ว 1 ปี ลูกก็ยังมีชีวิตอยู่ จึงไปตรวจดูเชื้อมะเร็ง หมอแปลกใจถามว่า “ทำไมมดลูกคุณใสสะอาดไม่มีเชื้อมะเร็งเหลืออยู่เลย คุณไปทำอะไรมา” ลูกตอบว่า“ไม่ได้ทำอะไร นอกจากทำบุญแล้วก็นั่งสมาธิ” ลูกดีใจมากมีกำลังใจนั่งสมาธิ คราวนี้สมบัติมาแบบทะลักทะลาย รีบทำบุญสร้างลานธรรม 555 แผ่น ตั้งเป้าไว้ 3 ปี แต่ใช้เวลาเพียง 3 เดือน งานสลายร่างพระเดชพระคุณคุณยายอาจารย์ ลูกตั้งใจทำ 10 M โดยอธิษฐานขอพระเดชพระคุณหลวงปู่ ในสมาธิก็เห็นท่านเดินทะลุกำแพงมาทางด้านขวา เห็นพระเดชพระคุณคุณยายอาจารย์ทะลุกำแพงมาทางด้านซ้ายส่งยิ้มให้ แล้วลูกก็ทำได้สำเร็จ ครั้นพอปี พ.ศ.2545 ลูกเริ่มป่วยอีกครั้งมีอาการไอมาก เวลานอนเลือดก็ไหลออกจากปาก เวลาพูดมากๆ ก็จะอาเจียนออกมาเป็นเลือดเป็นหนอง ลูกทราบด้วยตัวเองว่า เป็นมะเร็งที่คอลามถึงปอด
 
    บางครั้งความเจ็บป่วยทำให้ลูกท้อ แต่เมื่อนึกถึงพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ลูกก็คิดว่าคนที่ท้อแท้เบื่อหน่ายเป็นคนตายก่อนหมดอายุ พระเดชพระคุณหลวงพ่อป่วยยิ่งกว่าเรา ท่านยังไม่ย่อท้อ ยังคงอดทนนั่งเทศน์สอนนักเรียนอนุบาลฝันในฝันได้ทุกคืน เป็นเวลานานหลายๆชั่วโมง เพราะอยากให้ทุกคนได้รับความสุขแห่งธรรม ทำให้ลูกมีกำลังใจฮึดสู้ต่อโรคร้าย  และทำหน้าที่ผู้นำบุญมาจนปัจจุบัน
 
    วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ.2550 ลูกได้ไปปฏิบัติธรรมที่พนาวัฒน์อีกครั้ง ใช้หลักวิชชา วางใจใสๆ ว่างๆ สบายๆ พอนั่งสมาธิ ตัวก็สว่างไปหมด ลูกก็ทำเฉยๆ วันที่ 2 ก็นั่งแบบเดิม นั่งไปครู่เดียวเท่านั้น ตัวก็ขยายเห็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นพระธรรมกายสีทอง ขยายเร็วมาก แล้วก็พรึบเข้ามาอยู่ในตัวลูก เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เหมือนเราเป็นองค์พระสีทองแต่มีชีวิต ลูกมีความสุขมาก เวลาจริงผ่านไปหนึ่งชั่วโมงครึ่งแต่ความรู้สึกของใจไม่กี่วินาที ออกจากสมาธิก็ยังเป็นองค์พระให้เห็นอยู่หลายวัน
 
    บางครั้งเห็นพระธรรมกายนำหน้าแวบๆขณะเดิน ปัจจุบันนี้ลูกไม่ต้องตรึกเลยแค่ทำใจสบายๆก็จะเห็นเอง สามารถเห็นได้ในทุกอิริยาบถ บางครั้งนั่งสมาธิเห็นทั้งคืน บางครั้งมาแวบๆตอนเผลอ ถ้าเผลอจะเห็น แต่ถ้าตั้งใจจะไม่เห็น   บางครั้งก็นั่งเห็นหลังคามหารัตนวิหารคดเป็น Module ใจก็จรดแต่หลังคา ภาวนา “Module” คิดอยากจะทำแต่สตางค์ไม่มีเพราะป่วย แต่ไม่ท้อ ลูกคิดว่ามีปากมีขาสามารถทำหน้าที่ได้ก็เริ่มชักชวนคนทำหลังคา
 
    ลูกสุขใจมากกับการทำหน้าที่คู่ไปกับปฏิบัติธรรม ตอนนี้มั่นใจแล้วว่า ชีวิตจะมีหวัง ด้วยพลังอันมั่นคง ทุกสิ่งสมประสงค์ ก็ด้วยองค์พระธรรมกาย
                                       
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
ลูก วรรณี  คูตระกูล
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/world_meditation/Thailand_Wannee.html
เมื่อ 23 กรกฎาคม 2567 02:30
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv