ผลการปฏิบัติธรรม

กัลยาณมิตรรวิษฎา มั่นเจริญ
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
 
    แสงเทียนช่วยส่องนำทางในที่มืดมิด ฉันใด แสงแห่งปัญญาก็ช่วยส่องนำทางชีวิต ฉันนั้น วิชาชีพใดเล่า ที่จะช่วยสร้างแสงแห่งปัญญาให้สว่างไสว ถ้าไม่ใช่วิชาชีพครู ตัวลูก...รวิษฎา มั่นเจริญ อายุ 51ปี ก็เป็นครูคนหนึ่ง ลูกสอนวิชางานธุรกิจให้นักเรียนชั้น ม.6 ที่โรงเรียนพนมอดุลวิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำอำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2523 เจ้าค่ะ
 
    ราวปี พ.ศ.2530 ลูกได้ไปอบรมที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้อ่านหนังสือ เดินไปสู่ความสุข อ่านแล้วประทับใจ อยากไปวัดพระธรรมกาย ในยุคนั้นการเดินทางไปวัด ต้องไปด้วยตัวเอง ต้องต่อรถหลายต่อ และแม้ว่าลูกสาวของลูกก็ยังเล็ก และแม่ของลูกเริ่มป่วยหนัก แต่ลูกก็ยังไปวัดพระธรรมกาย แต่ก็ไปได้เฉพาะงานบุญใหญ่เท่านั้น ลูกไปวัดได้ระยะหนึ่งก็ไม่ได้ไปอีก เพราะปัญหาต่างๆรุมเร้ามากมาย
 
    ครั้น 5ปีต่อมา อยู่ๆก็มีอาการปากกระตุก ลูกจึงเดินทางไปรักษาที่สถาบันประสาทวิทยา แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นภาวะที่เกล็ดเลือดในสมองแข็งตัว เพราะสภาวะความเครียดจากเรื่องครอบครัว
 
 
    ขณะที่ลูกยังไม่รู้วิธีที่จะจัดการกับชีวิตต่อไปอย่างไรนั้น ในปี พ.ศ.2545 คุณอา...ชื่อ กาญจนา รัตนโสภณ ได้ชักชวนลูกเข้าวัดพระธรรมกายอีกครั้ง ลูกได้ตามคุณอามาวัดทุกวันอาทิตย์ และหลังจากได้ฟังคำสอนที่เป็นเสมือนน้ำยาปรับลดความเครียด ลูกก็เข้าใจคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อมากขึ้น ลูกได้หมั่นทำหน้าที่เป็นแสงสว่างให้กับหมู่ชน โดยพานักเรียนและผู้ปกครองมาเป็นอาสาสมัครที่วัดทุกวันอาทิตย์ต้นเดือน แม้แต่นักเรียนฝาแฝดคู่หนึ่งซึ่งไม่ใช่ชาวพุทธ ก็มาวัดด้วยและนั่งสมาธิได้พบความใสสว่างภายใน
 
    ส่วนตัวลูกเองนั้น ก็ปฏิบัติธรรมก้าวหน้าไปตามลำดับ จากที่แต่ก่อนเคยทดลองปฏิบัติธรรมเอง แบบแนวเคร่งครัดจนเคร่งเครียด ก็หันมาปฏิบัติแบบผ่อนคลายตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อสอน แม้ช่วงแรกๆจะยังมืดๆตื้อๆก็ไม่กังวล เทคนิคทำให้ใจนิ่งที่ลูกใช้ก็คือ บอกกับตัวเองว่าอย่าไปคิดอะไร ทำใจสบายๆ ตัดสิ่งนอกตัวออกให้หมด เราจะเอาบุญอย่างเดียว บุญจะได้ช่วยญาติมิตรของเราด้วย
 
    ช่วงปลายเดือนมีนาคม พ.ศ.2551 ลูกได้เสริมชั่วโมงหยุด สร้างชั่วโมงนิ่ง ดิ่งชั่วโมงกลาง ด้วยการไปปฏิบัติธรรมที่สวนพนาวัฒน์ ลูกก็มีผลการปฏิบัติธรรมที่ดีขึ้น โดยในช่วงวันแรกๆ ยังคงเผลอตั้งใจมากเกินไปอยู่ เนื่องจากคิดว่า กว่าจะได้ขึ้นมาก็ไม่ง่าย ดังนั้นต้องตั้งใจให้ดี เลยกลายเป็นตั้งใจมากเกินไป พยายามดึงใจที่ซัดส่ายไปมาให้มารวมที่กลางท้อง ซึ่งก็ทำได้แต่ไม่มีความสุข ครั้นพอเผลอสติ ใจก็แวบไปคิดเรื่องราวต่างๆอีก ไม่อาจรวมนิ่งที่กลางท้องได้
 
    วันต่อๆมา ลูกก็เริ่มคิดใหม่ทำใหม่ ก่อนนั่งก็มองไปที่ภาพของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ คุณยายอาจารย์ นึกถึงท่านทั้งสอง นึกถึงบุญกุศลที่ทำมา จนรู้สึกสบายใจ สักพักก็รู้สึกได้เองว่าใจกำลังค่อยๆกลับเข้าอยู่ในตัว โดยไม่ต้องใช้ความพยายามไปบังคับเลย ค่อยๆ ช้าๆ แผ่วเบา แล้วก็มีความรู้สึกวูบ คล้ายตกจากที่สูง แรกๆลูกรู้สึกกลัว แต่ต่อมาก็รู้สึกว่าตัวโล่งโปร่งเบาสบาย รู้สึกปีติมีความสุข ตื้นตันอย่างบอกไม่ถูกจนน้ำตาไหลออกมาเอง ลูกเห็นความสว่างที่กลางท้อง เหมือนกำลังอยู่ในสถานที่สีขาวพราวกระจ่าง สว่างไสวไปหมด หลังจากนั้นก็รู้สึกปลื้มไปทั้งวัน ไม่อยากคุยกับใคร ไม่อยากจะทำอะไรเลยนอกจากนั่งหลับตา
 
    ในวันต่อมา พอหลับตาใจก็ดิ่งลงเร็วขึ้น เริ่มเห็นตัวเองใสเป็นแก้ว นั่งอยู่ในกลางองค์พระ ลูกรู้สึกมีความสุขที่สุด หลังจากนั้น ลูกก็ยังคงเห็นองค์พระแก้วใสครอบตัวลูกอยู่ตลอดเวลา และสามารถวางใจนิ่งได้ตลอด แม้ในปัจจุบัน ลูกก็ยังรู้สึกว่าตัวลูกอยู่ในกลางองค์พระเกือบตลอดเวลา เช่น เวลาสวดมนต์ เวลาขับรถลูกก็ทำใจหยุดนิ่ง โดยนึกถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ คุณยายอาจารย์ แล้วก็จะรู้สึกว่ามีองค์พระมาครอบรถ และถนนก็เปิดทางให้รถวิ่งได้โดยสะดวก
 
    ตื่นเช้ามา ก็รู้สึกว่ามีองค์พระแก้วใสครอบตัวลูก เปิดประตูอู่แห่งทะเลบุญให้ลูกตั้งแต่เช้าทีเดียว นิสัยต่างๆของลูกก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เปลี่ยนจากคนที่โกรธง่ายกลายเป็นใจเย็นลง แผ่เมตตาให้ทุกคน พูดน้อยลง มีสติมากขึ้น เข้าอกเข้าใจนักเรียนมากขึ้น เพื่อนร่วมงานก็สังเกตว่าลูกเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น การทำงานก็พัฒนายิ่งๆขึ้นไป แต่ลูกไม่กล้าบอกใครถึงเรื่ององค์พระที่มาครอบตัวลูก เพราะกลัวเขาจะหาว่าลูกเพี้ยน
 
    ต่อมาในเดือนเมษายน พ.ศ.2551 ลูกเกิดความรู้สึกกังวลว่าความสุขจะหายไป จึงพยายามบังคับตัวเองไม่ให้ใจไปจากองค์พระภายใน พอทำเช่นนี้องค์พระก็หายไปจริงๆ ลูกจึงมานึกถึงคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่ว่า ให้ทำใจสบายๆ ไม่รีบ ไม่เร่ง แล้วองค์พระก็กลับมา นอกจากนี้ยังมีอยู่ 2-3ครั้งที่รู้สึกเหมือนมีเสียงออกมาจากภายในบอกลูกว่า “อย่าไปพยายาม อย่าไปบีบบังคับตัวเอง” เสียงนั้นแม้ไม่ทราบว่าเป็นเสียงใคร แต่ก็ทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่น เหมือนเราไม่ได้อยู่คนเดียว ตั้งแต่นั้นมา ลูกก็ไม่พยายามบีบบังคับตัวเองอีกแล้ว ลูกก็สามารถรักษาองค์พระไว้ได้อย่างตลอดต่อเนื่อง
 
 
    ลูกขอกราบขอบพระคุณ พระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เป็นประดุจประทีปธรรมนำทางชีวิตให้ลูก ลูกจะขอติดตามสร้างบารมีกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อเรื่อยไป เพื่อให้ชีวิตแสนสั้นนั้นมีราคาค่ะ
 
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
 
รวิษฎา มั่นเจริญ
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/world_meditation/Thailand_ravisada.html
เมื่อ 3 กรกฎาคม 2567 14:48
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv