ผลปฏิบัติธรรม
ของ
กัลยาณมิตรเจินเจิน บุญสูงเนิน (สหรัฐอเมริกา) 
 
 
    ลูกชื่อ พรประเชิญ หรือ เจินเจิน บุญสูงเนิน อายุ 49 ปี ปัจจุบันอยู่ที่เมืองลาสเวกัส  รัฐเนวาด้า สหรัฐอเมริกา ซึ่งชาวไทยและชาวต่างประเทศจะรู้จักลูกกันดีจาก บทเพลง ฉันก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง, ข้าคือคนไทย, ต้องสู้...จึงจะชนะ แม้คนส่วนใหญ่จะชื่นชมว่า ลูกร้องเพลงได้ไพเราะอ่อนหวาน แต่ชีวิตจริงของลูกกลับลำเค็ญขมปี๋
 
    แต่เดิมลูกเป็นชาวโคราช กำพร้าแม่มาตั้งแต่เด็ก พ่อก็เป็นอัมพาต พวกเราพี่น้องหลายคนจึงต้องดูแลกันเอง ครอบครัวของลูกจัดอยู่ในโซนยากจนสุดขีด ถึงขั้นที่ว่า ครั้งหนึ่งเคยเก็บของกินในกองขยะ และต้องเดินเท้าเปล่าไปโรงเรียน
 
    จนกระทั่ง ชีวิตพลิกผันในทางที่ดีขึ้น เมื่อไปประกวดร้องเพลง และได้รับตำแหน่งนักร้องดีเด่นของสยามกลการ ปี พ.ศ.2528 ซึ่งเป็นปีเดียวกับ เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย จึงได้ออกเทป เป็นนางฟ้าจำแลงที่แจ้งเกิดเป็นศิลปินนักร้องเต็มตัว แม้จะผ่านช่วงลำเค็ญทางกายมาได้ แต่ปัญหาทางใจกลับไร้ทางผ่าน ปัญหาที่ทำให้หัวใจอักเสบอยู่เป็นประจำก็คือ ล้มเหลวเรื่องความรัก มีแฟนแต่ละคน ไม่เคยอยู่กันยืดเลย ปรารถนาจะให้รัก “จงเจริญ”  แต่ก็เจอแบบ “จงจะร่วง” ทุกคราวไป คนแล้วคนเล่า รักแล้วร่วงจนใจโรย  จนมานึกน้อยใจ ว่า ทำไมเราเป็นอย่างนี้ ทำไมไม่มีใครรักเราจริง ลูกรึทั้งรักและทุ่มเท แต่เขามีแต่จะทุ่มทิ้ง ใจดวงน้อยๆของลูกช้ำแล้วช้ำอีก
 
    โชคดีที่เป็นคนเสียใจแล้วเสียแป๊บเดียว เวลาเสียใจมากๆก็คิดว่า “ต้องสู้..ต้องสู้ จึงจะชนะ” และแก้ปัญหาด้วยการเข้าวัด ทำบุญ ยิ่งมีปัญหาใหญ่ก็ทำบุญใหญ่ๆ ด้วยพื้นฐานที่ชอบไปวัดทำบุญนี่แหละค่ะ จึงทำให้ลูกได้พบกับวัดพระธรรมกาย ในปี พ.ศ.2544 โดยมีผู้นำบุญจากโคราชได้แนะนำให้สร้างองค์พระธรรมกายประจำตัว
 
    และเมื่อย้ายมาอยู่ที่อเมริกา ปี พ.ศ.2545 ด้วยความที่อยากจะทำบุญ จึงไปทำบุญที่วัดใกล้บ้าน จนได้มาเจอกับศูนย์สาขาวัดพระธรรมกายที่เวอร์จิเนีย ได้พบ พระอาจารย์วิชัย และสนทนาธรรมกับท่านแล้วก็กลับ หลังจากนั้นอีก 1ปี ก็ได้ไปทำบุญถวายสังฆทาน ที่วัดภาวนาซีแอตเติ้ล ปรากฏว่า ได้พบกับพระอาจารย์วิชัยอีกรอบหนึ่ง ท่านก็บอกว่า ตอนนี้มีจานดาวธรรมแล้วนะ  พอท่านเปิดให้ดู ลูกก็เห็น น้องนาโอมิ กับ น้องแป้ง กำลังท่องภาษาบาลีอยู่ ลูกประทับใจมาก  บอกกับตัวเองว่า “เด็กตัวแค่นี้ยังพูดบาลีได้ เราแก่แล้วทำไมจึงจำไม่ได้ ไม่ได้แล้วนางเจิน เธอควรจะต้องปรับปรุงตัวเองนะ”
 
    ตั้งแต่วันนั้นมา ลูกก็เลยเปลี่ยนตัวเองค่ะ ติด DMC แล้วนั่งศึกษาธรรมะหน้าจออย่างเหนียวหนึบ ดู DMC ทุกวันเลยค่ะ ยิ่งได้มาดูหลวงพ่อ ยิ่งติดใจ เพราะธรรมะที่หลวงพ่อสอนนั้นวิเศษและดีมากมากเลยค่ะ ล้ำเลิศ ประเสริฐสุดๆ หลวงพ่อดูใสมาก ดูอ่อนกว่าวัย ดูเด็ก ดูดีมีรัศมี แต่ก่อนลูกไม่ชอบฟังเทศน์ค่ะ ประมาณว่า ถ้าไปวัดไหนถวายไทยธรรมเสร็จแล้วกลับเลย แต่พอมาเจอหลวงพ่อ เปลี่ยน Concept ของตัวเองทันที เดี๋ยวนี้ชอบฟังธรรมะ ชอบฟังพระเทศน์ ฟังแล้วไม่เบื่อ มีความสุข ติดฟังหลวงพ่อ ยิ่งกว่าติดดูนิยายอีกนะเจ้าคะ
 
 
    จากนั้นลูกก็ได้นั่งสมาธิ ตามเสียงของหลวงพ่อ ถ้ามีเวลาก็จะนั่งสมาธิวันละ 2 รอบ หรือขณะนั่งรถไปทำงาน ลูกก็จะสวดบทสรรเสริญทุกบทที่มีอยู่  ทำวัตรเช้าบนรถไปจนถึงที่ทำงานก็กราบขอพรหลวงปู่จากรูปซึ่งติดไว้ในออฟฟิศ ตอนเย็นกลับบ้านก็นั่งสมาธิก่อนนอน   
 
    ตอนแรกลูกก็นั่งนึกถึงดวงแก้ว เหมือนที่หลวงพ่อสอน นึกยังไงก็ไม่เห็นสักที มืดอย่างเดียว ตอนหลังจึงนั่งทำใจเฉยๆไม่นึก ไม่ภาวนาอะไร จนกระทั่งมีอยู่ครั้งหนึ่งตัวก็หายไป ใจนิ่ง เหมือนหลุดไปอยู่ในที่โล่งๆ รู้สึกเบา สบายเหมือนไม่มีตัวตน  แต่มีความสุขมากๆ หลังจากนั้น พอวางใจเป็น วางนิ่งๆนุ่มๆ ทำให้นั่งสมาธิครั้งใดก็มีความสุขทุกครั้ง  สุขจนไม่รู้จะบอกอย่างไร โล่ง โปร่ง เบา สบาย ลูกรู้สึกรักตัวเองที่เป็นแบบนี้ เป็นรักแท้ของหัวใจ และรักสุดท้ายของชีวิต รักคนอื่นทุ่มร้อย เจ็บร้อย แต่เมื่อรักตัวเองทุ่มร้อย แต่สุขนับแสน สุขแสน แสนสุข นิรทุกข์ทุกคืนวัน จนอยากแผ่ความสุขนี้ให้คนทั้งโลก
 
    พอใจสบายอะไรๆก็ดูดีไปหมดเลยเจ้าค่ะ  ปัญหาที่เข้ามาแต่ละครั้ง  เราสามารถจะมองปัญหาได้ดีขึ้นกว่าเดิม ถึงจะปัญหาหนัก รุนแรงขนาดไหน  ลูกก็รับได้ ลูกภูมิใจที่ได้มาเจอวัดพระธรรมกาย ได้พบหลวงพ่อ และเพื่อนๆกัลยาณมิตรทุกคน จากที่เคยมองบางสิ่งบางอย่างในแง่ร้าย แต่ทุกวันนี้ได้เปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ สิ่งใดที่เกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ อย่างน้อยก็สามารถบอกกับตัวเองได้ว่า “ทำใจดีๆไว้ โดยไม่ฟูมฟายให้ใจเสียฟอร์ม”
 
    ลูกจะสอนตัวเองเสมอว่า เป็นชาวพุทธพันธุ์แท้หัวใจต้องมั่นคง แม้จะทำงานเป็นนักร้อง ที่มักจะมีคนเอาเหล้ามายื่นให้ ลูกก็บอกอย่างมั่นใจว่า “ขอโทษนะคะ ดิฉันไม่ดื่มค่ะ” บ่อยครั้งที่จะถูกคะยั้นคะยอว่า “ช่วยดื่มเป็นเกียรติให้ก่อนได้ไหม” พอไม่ดื่ม เขาก็บอกว่า “ถ้างั้นคุณก็ไม่ให้เกียรติผมสิ” ลูกก็ตอบอย่างภาคภูมิใจค่ะว่า “การที่ดิฉันมานั่งกับคุณก็ถือว่า ให้เกียรติแล้ว เพราะว่าดิฉันถือศีลและเป็นชาวพุทธแท้ ที่ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ถ้าคุณต้องการจะคุยกับดิฉันต่อ ขอความกรุณาอย่าคะยั้นคะยออีกนะคะ” (จะให้เกียรติไปเป็นเพื่อนในมหานรกขุม 5 อย่างนั้นไม่มีวันหรอกค่ะ) แต่ตอนนี้มันกลายเป็นค่านิยมที่ไม่ดีมานาน ลูกจึงคิดว่า ชาวพุทธแท้ต้องยืนหยัดในการทำสิ่งที่ถูกต้อง ถูกศีลธรรมค่ะ
 
    ก่อนจะขึ้นเวทีร้องเพลงทุกครั้ง ลูกจะสวดมนต์สรรเสริญพระเดชพระคุณหลวงปู่ ตรึกระลึกถึงหลวงพ่อและคุณยาย และความภาคภูมิใจอันเป็นที่สุดของลูก ที่ปลื้มแล้วปลื้มอีก ปลื้มไม่รู้จักจบ คือ การมีโอกาสได้ร้องเพลง “ชีวิตก็เป็นอย่างนี้” จากผลงานการประพันธ์ของตะวันธรรม เป็นเพลงที่ไพเราะและซาบซึ้งสุดชีวิต ทำให้ทุกวันนี้ ลูกคลายความผูกพัน ไม่ใส่ใจกับเรื่องรักนอกตัว เอาใจใส่รักในตัวอย่างเดียว  
 
    ลูกกราบขอบพระคุณในความเมตตาของหลวงพ่อ ที่ทำให้มีจานดาวธรรมขยายไปทั่วโลก ให้ลูกๆที่อยู่ไกลถึงต่างแดนได้รู้จักธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้กลับตัวกลับใจทัน ก่อนที่จะเสียชาติเกิด และรู้จักหนทางที่ควรจะต้องเดินไป หลวงพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ พวกเราทุกคนที่ลาสเวกัส จะช่วยทำให้ที่นี่สว่างไสว ปลอดอบายมุข และลูกขอสมัครเป็นลูกพระธัมฯพันธุ์แท้ ติดตามสร้างบารมีกับหลวงพ่อไปจนถึงที่สุดแห่งธรรมเจ้าค่ะ
 

มาชม คุณเจิน เจิน กันนะคะ
 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/world_meditation/USA_Jern_Jern.html
เมื่อ 23 กรกฎาคม 2567 05:43
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv