ผลปฏิบัติธรรม 
ของ 
กัลยาณมิตร สุขสันต์ แผนพรหม (สหรัฐอเมริกา)
 
 
    ลูกชื่อ สุขสันต์ แผนพรหม อายุ 38 ปี เป็นชาวลาว รัฐ South Carolina อยู่อเมริกามาได้ 13 ปีแล้วค่ะ ลูกได้ติด DMC เมื่อปี พ.ศ.2548 โดยการแนะนำของ กัลยาณมิตร ทิพย์สวรรค์ และ กัลยาณมิตร มังกร นรสิงห์ เมื่อเห็น พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ครั้งแรก ทั้งลูกและสามีตื่นเต้นว่า ทำไม พระเดชพระคุณหลวงพ่อถึงยังหนุ่ม และ หล่อ เมื่อติดจานแล้ว ลูกและสามีก็ไม่เคยเอาใจออกห่างจาก DMC เลย รวมทั้งได้ชวนลูกๆให้มาดู DMC ด้วยกันค่ะ
 
    ก่อนที่จะเจอ DMC ลูกเคยนั่งสมาธิมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร สาเหตุที่นั่งเพราะสามีชวน ตั้งแต่วันแรกของการแต่งงาน พอเข้าเรือนหอวันแรก  คำถามแรกที่สามีถามลูกก็คือ “เธอเคยนั่งสมาธิมั๊ย”  ลูกงงมากๆค่ะ  ลูกได้ตอบไปตามตรงค่ะว่า “ไม่เคยนั่ง” สามีจึงบอกว่า “ถ้าไม่เคยก็มานั่งสิ” จากนั้นเป็นต้นมาก็นั่งสมาธิมาตลอด แต่ไม่เคยจริงจังอะไร นั่งไปงั้นๆ เพราะเกรงใจสามี นั่งไปก็ทั้งปวดทั้งเมื่อย  เมื่อยไปทั้งตัว ลูกไม่เข้าใจสามีเลยจริงๆว่า จะให้นั่งไปทำไมก็ไม่รู้ เป็นเรื่องที่คาใจลึกๆมาโดยตลอด รู้สึกแปลกๆยังไงชอบกล แต่เพราะรักดอกค่ะ จึงทนนั่ง 
 
    จนได้มาพบ DMC ได้ฟังคำสอนของคุณครูไม่ใหญ่ ทำให้ลูกได้รู้จักศูนย์กลางกายฐานที่ 7 และทราบถึงอานิสงส์ของการนั่งสมาธิ จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ลูกได้ปฏิบัติสมาธิอย่างจริงจัง และต่อเนื่องมากขึ้น
 
    ปกติ ลูกจะทำงานวันละ 12 ชั่วโมง แม้จะเหนื่อยหรือไม่สบาย ลูกก็ไม่เคยขาดการนั่งสมาธิ เวลานั่งก็จะนึกเอาดวงแก้วมาวางไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ทำใจนิ่งไปเรื่อยๆ แต่ใจนิ่งได้ไม่นานความเมื่อยก็จู่โจมแล้วค่ะ สะกิดจุดเมื่อยทุกวิถีทาง ทั้งแขน ขาไหล่ เมื่อยไปทั้งตัว อย่าว่าแต่ความสุขเลย ความสบายยังไม่มีเลยค่ะ เคยตั้งคำถามแกมบ่นว่า “เมื่อไหร่ความเมื่อย จะหมดไปจากโลกซะที”
 
    แล้ววันหนึ่งลูกก็ได้รับคำตอบค่ะ หลังกลับจากการทำงานที่เหนื่อยแสนเหนื่อย ลูกก็นั่งสมาธิเช่นเคย เนื่องจากวันนั้นทำงานหนักมากมาทั้งวัน  พอมานั่งก็รู้สึกปวดขามากๆ ปวดแสนปวด ปวดจนรู้สึกหงุดหงิด แทนที่ใจจะรวม ความปวดเมื่อยกลับมารวมจู่โจมร่างกายแทน ขณะที่ปวดเมื่อยอย่างที่สุดนั้น ในใจลูกอยู่ๆก็แวบขึ้นมาค่ะว่า “ทำไมเราไม่มีความอดทนซะเลย” จึงอดทนนั่งไปทั้งปวดๆอย่างนั้น คิดว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ถ้าจะเมื่อยจนตัวตายก็ให้ตายคาห้องพระนี้แหละ ก็อดทนค่ะ กัดฟันทนไป ความปวดธรรมดาๆที่มารุมเร้าก็กลายเป็นซุปเปอร์ปวด ลูกก็คิดว่า “เอาสิ ปวดซะให้พอ ปวดซะให้ตาย ตายไปจะได้ไม่ต้องปวด”  เมื่อปวด มากขึ้นๆ ก็บรรลุถึงที่สุดแห่งความปวด คือ ความไม่ปวดค่ะ อยู่ๆความปวดเมื่อยก็หายไปเลย แล้วร่างกายของลูกก็รู้สึกเบา สบายอย่างบอกไม่ถูก สบาย โดยที่ไม่ต้องเปิดแอร์ ทางโลกเขามีสโลแกนประหยัดไฟเบอร์ 5 แต่สำหรับลูกมีแอร์ประหยัดไฟเบอร์ 7 อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ค่ะ
 
    พอใจสงบนิ่งๆ สบายๆไปสักพัก อยู่ก็มีแสงสว่างเกิดขึ้นที่ศูนย์กลางกาย  ความสว่างค่อยๆปรากฏ เหมือนแสงที่ส่องทแยงลอดช่องหน้าต่างของห้องที่ปิดสนิท เมื่อมองแสงนั้นนิ่งๆต่อไป แสงก็ขยายเป็นรูปร่างทรงกลม แล้วก็มีองค์พระผุดขึ้นมาจากศูนย์กลางกาย เป็นองค์พระองค์เล็กๆ ที่ใสมากๆ ลูกก็จำคำที่คุณครูไม่ใหญ่สอนว่า “ไม่ว่าจะเห็นอะไร ให้ทำนิ่งๆเฉยๆ ไปเรื่อยๆ หลังจากนั้น องค์พระก็ขยายใหญ่กว่าเดิมอีกค่ะ ผุดขึ้นมาจากตรงกลางขององค์เก่า  แล้วลูกก็รู้สึกว่า ตัวเราไปอยู่กลางองค์พระนั้น มีองค์พระคลุมตัวเรา และตัวเรานั่งอยู่ในองค์พระ รู้สึกเย็นๆอย่างมีความสุข สุขมากจนไม่มีอะไรที่จะสุขมากไปกว่านี้ได้ เป็นความสุขที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย ลูกปลื้มจนน้ำตาไหล แม้ขณะเล่าอยู่นี้ นึกถึงทีไรก็ยังปลื้มทุกครั้งที่ได้เล่าผลการปฏิบัติธรรมค่ะ ลูกรู้แล้วว่า ทำไมคุณยายจึงปลูกฝังการนั่งสมาธิ เพราะมันมีความสุขที่แท้จริงอย่างนี้เอง และลูกเข้าใจแล้วค่ะว่า ทำไมสามีสุดที่รักของลูก จึงได้เคี่ยวเข็ญให้นั่งสมาธิ ความคาใจทั้งหลายมลายหายสูญไปอย่างสิ้นเชิง
 
 
    แต่ก่อนตัวลูกจะเป็นคนประเภท ดื่ม-สวด-นั่ง คือทั้ง ดื่มเบียร์ สวดมนต์ นั่งสมาธิ พอได้เห็นนรกที่คุณครูไม่ใหญ่เปิดให้ดูทาง DMC ลูกกลัวมากจึงรีบขนเบียร์ที่มีอยู่ไปทิ้ง และหักดิบทันที  ตอนนี้เลิกแล้วค่ะ เลิกหมดทุกอย่างแล้วค่ะ เอาบุญอย่างเดียว ถ้ามีบุญอะไรลูกและครอบครัวจะทุ่มเททำแบบเทกระเป๋า ครอบครัวเราจะสวดมนต์ และนั่งสมาธิพร้อมกัน ไม่เคยขาดเลยแม้แต่วันเดียว
 
    ลูกชายคนโตของลูกชื่อ มิตต๊ะ อายุ 12 ปี ลูกสาวชื่อ ธิดา อายุ 4 ขวบ โดยทุกครั้ง เจ้าตัวเล็กคือ ด.ญ.ธิดา จะออกจากห้องพระก่อน นั่งได้ไม่นาน แต่ก็นั่งได้ทุกวันโดยไม่งอแง และเมื่อนั่งเสร็จ ก็ไม่ส่งสียงดังรบกวนคนอื่นๆ
 
    ส่วน ด.ช.มิตต๊ะ จะนั่งสมาธิต่อไปพร้อมๆกับคุณพ่อ คุณแม่ เริ่มนั่งพร้อมกัน นั่งเสร็จพร้อมกัน และก่อนปฏิบัติธรรม สามีจะเป็นคนนำลูกๆทั้ง2 อธิษฐานจิตประจำวัน เหมือนที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อสอน เมื่ออธิษฐานจิตเสร็จ จึงจะเริ่มการนั่งสมาธิ ที่ต้องอธิษฐานจิตก่อนนั่ง เพราะกลัวลูกๆจะหลับก่อนค่ะ
 
    มิตต๊ะบอกว่า “ผมนั่งแล้วรู้สึกสบายมากๆ และเห็นคริสตัลบอลใสๆอยู่ในท้องครับ” ตอนที่มิตต๊ะเข้าโรงเรียนใหม่ๆ ทางโรงเรียนจะแจกคัมภีร์ไบเบิ้ล ให้ทุกคนไปอ่าน แต่มิตต๊ะจะอ่านมงคลชีวิตฉบับภาษาอังกฤษเป็นประจำ ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ให้ไปถามคุณพ่อ (เพราะสามีของลูกภาษาอังกฤษ OK กว่า ตัวลูกถนัดภาษาลาวมากกว่าค่ะ) ลูกคิดเสมอว่า ถ้าเรารักลูกจริงต้องสอนให้ทำแต่สิ่งที่ดีๆ เพราะในแต่ละวันลูกๆใช้เวลาส่วนใหญ่ที่โรงเรียน เราจึงต้องหล่อหลอมพวกเขาด้วยธรรมะ
 
    ลูกเคยลองถามมิตต๊ะว่า “เราเกิดมาทำไม” มิตต๊ะ ตอบว่า “เกิดมาไปโรงเรียนแล้วก็สนุกสนาน” ลูกจึงบอกให้เด็กๆฟังว่า “เราเกิดมาสร้างบารมีนะ” ลูกสอนโดยทำตัวเองให้เป็นแบบอย่างให้ลูกเห็น บอกให้จำ และทำให้ดู
 
 
    ส่วนคุณสามีของลูกชื่อ น้อย  แผนพรหม อายุ 43 ปี เขาเป็นคนพูดน้อยจริงๆค่ะ ตั้งแต่แต่งงานกันมายังไม่เคยเห็นวันไหนที่คุณสามีไม่นั่งสมาธิเลยค่ะ เขามีความเพียร และมีความอดทนมาก ถ้าวันไหนไม่นั่งแสดงว่าต้องไม่สบายมาก และสามีมีความสบายทุกครั้งที่ได้นั่งสมาธิค่ะ
 
    ครอบครัวของลูก กราบขอบพระคุณคุณครูไม่ใหญ่ ที่สอนธรรมะผ่าน DMC ทำให้ลูกได้นำสิ่งดีไปสอนลูกๆ ทำให้เลี้ยงลูกได้ถูกทางค่ะ สิ่งที่ลูกปลื้มใจมากที่สุดคือการได้ร่วมบุญทุกบุญกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อค่ะ สุดท้ายนี้อยากฝากถึงทุกคนให้ได้มาปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิกันทุกวัน อยากให้มาพิสูจน์ และปฏิบัติด้วยตัวคุณเอง แล้วคุณจะรู้ว่า ยังมีสิ่งที่คุณยังไม่เคยรู้ อยู่ภายในตัวคุณอีกมาก ถ้าเราปฏิบัติจริง ก็จะได้รับความสุขที่แท้จริงที่อยู่ภายในตัวเราอย่างแน่นอนค่ะ
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/world_meditation/USA_Pan_prom.html
เมื่อ 5 กรกฎาคม 2567 22:17
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv