ผลปฏิบัติธรรม

กัลยาณมิตร อาศยา ประจักษ์วิกรานต์ (อินโดนีเซีย)

    ลูกชื่อ อาศยา ประจักษ์วิกรานต์ อายุ 29 ปี จาก กรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย ในเมืองที่ลูกอยู่ก็คล้ายๆกับไทยแลนด์บ้านเรา แต่มีต้นไม้เยอะ เพราะมีกฎหมายห้ามตัดต้นไม้ ส่วนเรื่องของการยิ้มแย้มทักทาย สู้สยามเมืองยิ้มบ้านเราไม่ได้ เจ้าค่ะ ไทยแลนด์แดนยิ้มบ้านเรายิ้มเก่ง ยิ้มสวยที่สุด
 
ผลการฝึกสมาธิของคุณอาศยา ประเทศอินโดนีเซียลูกได้มาวัดพระธรรมกายครั้งแรก ในช่วงออกพรรษาปี พ.ศ.2546 จากการชักชวนของเพื่อนกัลยาณมิตร ซึ่งแต่เดิมลูกเคยแอนตี้วัด เพราะฟังจากข่าวสารต่างๆ แต่พอมาวัดแล้วลูกกลับประทับใจ ความสะอาดของวัด เจ้าหน้าที่ก็ยิ้มแย้มแจ่มใส พระภิกษุ-สามเณร ก็สงบสำรวม และยิ่งมาเห็น พระเดชพระคุณหลวงพ่อ เห็นท่านสว่างมากๆๆ ลูกมองด้วยความประทับใจอย่างถึงที่สุด เมื่อทุกอย่างดูดีขนาดนี้ลูกจึงไม่มีเหตุผลที่จะแอนตี้อีกต่อไปค่ะ
 
เมื่อลูกได้มาแต่งงานกับสามีชาวอินโดนีเซีย และย้ายมาอยู่ที่นี่  ลูกก็ยังมี DMC ช่องแห่งความดีเป็นเพื่อนใจ เพราะการได้มาพบวัดพระธรรมกาย และดู DMC นี่แหละค่ะ ที่ทำให้ลูกมีความรู้สึกเหมือนดั่งได้สำเร็จ ปริญญาชีวิต เพราะในชีวิตของลูกมักจะรู้สึกเสมอว่า  ชีวิตของเรามีค่าแค่นิดเดียว เพราะสมัยก่อน เรียนก็ไม่เก่ง ไม่ค่อยติดอันดับใดๆ ถ้าไม่ได้ที่กลางๆ ก็ติดอันดับท้ายๆ ลูกเคยเป็นคนที่ตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองไม่เป็น เพราะพี่น้องมักเป็นคนตัดสินใจให้ ทำให้ลูกต้องพึ่งพา และติดนิสัยมักโทษคนอื่นๆ โดยไม่พิจารณาถึงเหตุและผล และมักวิตกจริต คิดถึงแต่สิ่งที่ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นเหมือนคนที่ขาดความเชื่อมั่นและไร้ซึ่งความหวัง
 
    จนกระทั่ง ลูกได้มาเจอวัดได้ดู DMC และนั่งสมาธิ ชีวิตของลูกจึงเปลี่ยนแปลงไป
 
    โดยในครั้งแรก ที่ลูกได้นั่งสมาธิ ลูกก็ฟังตามเสียงของหลวงพ่อว่า ให้ทำใจหยุดนิ่งเฉยๆ ไว้ที่ศูนย์กลางกาย  ฟังไปลูกก็เผลอหลับไป พอตื่นขึ้นมาอีกที หลวงพ่อก็พูดจบแล้ว คือพอหลวงพ่อสัพเพฯ ปุ๊บ ก็ตื่นปั๊บ แต่แค่นี้ลูกก็รู้สึกดี รู้สึกปลอดโปร่ง เบาสบาย แล้วล่ะค่ะ
 
    จนกระทั่ง ครั้งล่าสุด ลูกก็ได้นึกถึงแต่หน้าของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ โดยดูจากรูปที่แจกในวันอัญเชิญรูปหล่อทองคำ เพราะใบหน้าของท่านชัดเจนมาก ถ้าภาพเริ่มหายไป ลูกก็จะภาวนา "สัมมา อะระหัง" ไปเรื่อยๆ  
 
    สักพัก หนึ่งลูกก็รู้สึกนิ่ง   แล้วคำภาวนาหายไปเฉยๆ เหมือนไม่มีความรู้สึกอะไรเลย แล้วก็มีแสงสว่าง สีขาว จ้ามากๆ ส่องมาจากกลางท้อง  มองแล้วไม่แสบตา  แต่ลูกก็ไม่เห็นต้นทางว่าแสงมาจากไหน แต่ยิ่งมองก็ยิ่งสว่างมากๆ เห็นแล้วอยากนั่งไปเรื่อยๆ แล้วลูกก็เห็นองค์พระท่านปรากฏขึ้น เหมือนมองลงมาจากที่สูงแล้วเห็นองค์พระเต็มไปหมดเลย ลูกมีความสุขมากๆสุขแล้วสุขอีก สุขไปเรื่อยๆ สุขแบบไม่มีวันหมด ลูกซาบซึ้งเลยค่ะว่า การตกหลุมรักตัวเองดีอย่างนี้นี่เอง
 
    ลูกรู้สึกว่า ชีวิตของตัวเองนั้นมีค่ามากๆ เพราะได้เรียนรู้แล้วว่า ชีวิตจะมีค่าได้ก็ต่อเมื่อได้เข้าถึงสิ่งที่ล้ำค่า คือองค์พระและแสงสว่างภายในเท่านั้น จึงรู้สึกเหมือนกับว่าลูกได้ปริญญาชีวิตจริงๆ เจ้าค่ะ
 
    ทุกวันนี้ลูกอยู่อย่างคนที่มีความหวัง และมีความเชื่อมั่น ทำทุกสิ่งด้วยตัวเอง และสวดมนต์ นั่งสมาธิ ผ่าน DMC ทุกวัน
 
    แม้ในตอนแรกสามีของลูก ซึ่งเป็นชาวคริสต์จะไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมลูกต้องกราบพระหน้าจอ DMC ทุกวัน ซึ่งเขารับไม่ได้ แต่ลูกก็ได้แต่เรียนรู้วิชาอดทน หลีกเลี่ยงการทะเลาะ และทำตามที่หลวงพ่อสอน คือ ให้โกรธกันคนละเวลา เวลาลูกนั่งสมาธิ จึงมักอธิษฐานเสมอขอให้เขาเข้าใจ
 
    จนมาถึงทุกวันนี้ พอลูกทำบ่อยๆ เขาก็เริ่มชิน หลวงพ่อสอนว่าชีวิตนั้นสั้นนัก ทุกคนรู้วันเกิดของตัวเอง แต่ไม่มีใครรู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ ทุกคนมีบุญติดตัวและติดตามไปในทุกๆ ที่  ลูกจึงทำบุญอย่างสม่ำเสมอ ไม่เคยขาดเลยค่ะ
   
    ลูกขอกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ที่ทำให้มี DMC และทำให้ชีวิตของลูกเปลี่ยนแปลงไป และลูกอยากให้มีศูนย์ปฏิบัติธรรมเกิดขึ้นที่อินโดนีเซีย จะได้ทำให้ที่นี่สงบสุข และเข้าใจศาสนาพุทธมากขึ้น ถึงแม้ว่าอินโดนีเซียจะเป็นประเทศที่มีมุสลิมมาก แต่เราก็สามารถอยู่รวมกันได้โดยสันติค่ะ ขอให้หลวงพ่อมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงนะเจ้าคะ
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/world_meditation/indonesia_asaya.html
เมื่อ 3 กรกฎาคม 2567 18:35
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv