ผลการปฏิบัติธรรม
กัลยาณมิตรยูกะ ไซออนจิ (ประเทศญี่ปุ่น)กราบนมัสการท่านเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายที่เคารพอย่างสูงค่ะดิฉัน ยูกะ ไซออนจิ จากประเทศญี่ปุ่นค่ะ นี่เป็นการมาร่วมปฏิบัติธรรมในโครงการ The Middle Way เป็นครั้งที่สองแล้วค่ะ หลังจากที่ได้เคยสัมผัสกับ The Middle Way ครั้งแรกมาแล้วที่ประเทศไทย ร่วมกับเพื่อนๆ WSYC เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาค่ะ พอทราบข่าวว่า จะมีการจัดโครงการ The Middle Way ภาคภาษาญี่ปุ่น ขึ้นเป็นครั้งแรก ณ วัดฝอกวงซัน ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 28-29 มิถุนายน พ.ศ.2551 ดิฉันและพี่สาว (ริกะ ไซออนจิ) ก็รีบสมัครทันทีเลยค่ะ พร้อมกับเพื่อนๆชาวญี่ปุ่นและชาวไทย จำนวน 30คนพวกเราขอกราบขอบพระคุณ พระเดชพระคุณหลวงพ่อ จากใจของพวกเราทุกคน ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้เมตตาจัดให้มีการสอนสมาธิ(Meditation) ในโครงการ The Middle Way ภาคภาษาญี่ปุ่น ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น ดิฉันคิดว่า การทำสมาธินั้นเป็นวิธีการที่ทำให้เราหันกลับมามองตัวเอง เพื่อค้นพบตัวตนภายใน อีกทั้งยังได้ค้นหาความหมาย นิยาม และคุณค่าของการดำรงชีวิตดิฉันรู้สึกผูกพันกับพระพุทธศาสนามาตั้งแต่ตอนเป็นเด็กๆ หรืออย่างเวลาที่ดิฉันตั้งจิตอธิษฐานเพื่อสันติภาพโลกนั้น ดิฉันก็มักจะนำความรู้สึกกลับเข้าสู่ภายในกลางกายก่อนเสมอ ทั้งๆที่ในตอนนั้น ดิฉันเองก็ยังไม่เคยรู้จักคำว่า “ศูนย์กลางกาย” เลย แต่มันเป็นความรู้สึกลึกๆที่คอยบอกกับตัวเองว่า “ต้องทำใจอย่างนี้ วางใจอย่างนี้สิ ถึงจะอธิษฐานจิตแล้วได้ผลดี” ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกมากค่ะ เพราะแม้ว่าคุณแม่ของดิฉัน (คุณมาซามิ ไซออนจิ) จะสอนให้วางใจไว้ที่ระหว่างหัวคิ้วทั้งสอง (หรือตาที่สาม) ก่อนอธิษฐานจิตก็ตาม แต่ดิฉันก็ไม่เคยทำได้เลย กลับรู้สึกว่ามันเหมือนเป็นการฝืนตัวเองเกินไปในครั้งนี้ พวกเรานั่งสมาธิกันทั้งหมด 5รอบ ตลอดระยะเวลา 2วัน ซึ่งในรอบแรกๆ ดิฉันนึกถึงดวงตะวันที่กลางท้อง เพราะดิฉันจำได้อย่างแม่นยำในคำพูดของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ที่เมตตาแนะนำสอนสมาธิให้ดิฉัน (ในช่วงที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อเมตตานำกิจกรรม SOPP: Symphony of Peace Prayer ออกอากาศทางช่อง DMC) ให้ดิฉันนึกถึงพระอาทิตย์ที่กลางท้อง จะเป็นช่วงพระอาทิตย์ขึ้น, พระอาทิตย์ตก หรือตอนไหนก็ได้ ที่ดิฉันนึกแล้วสบายใจมีความสุขตอนแรก ที่ได้ฟังคำแนะนำของพระเดชพระคุณหลวงพ่อเช่นนั้น ดิฉันรู้สึกงง มากเลยค่ะ เพราะแปลกใจมากว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อทราบได้อย่างไรว่า เราชอบมองดวงตะวันมานานแล้ว ซึ่งถ้าพระเดชพระคุณหลวงพ่อบอกให้นึกถึงดวงแก้ว ดิฉันก็คงไม่รู้สึกประหลาดใจมากมายขนาดนี้ ทำให้นับจากวันนั้นเป็นต้นมา ดิฉันก็ไม่ลืมที่จะนึกถึงดวงตะวันที่กลางกายมาโดยตลอดค่ะ
สำหรับการมาปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ มีความมหัศจรรย์ภายในเกิดขึ้นมากมาย มีอยู่รอบหนึ่งค่ะ หลังจากที่ดิฉันนั่งสมาธิแล้วนึกถึงดวงตะวันอยู่เพลินๆ ดิฉันก็เห็นลูกปิงปองเด้งขึ้นลงอยู่ที่กลางท้อง ภาพนั้นชัดเจนมาก ซึ่งตอนนั้น ความรู้สึกของดิฉันกลับบอกว่า ไม่อยากนึกถึงดวงตะวันแล้ว ทำให้ดิฉันไม่พยายามนึกถึงอีก แล้วก็ปล่อยใจสบายๆที่ศูนย์กลางกายในรอบต่อมา หลังจากที่ไม่ได้นึกถึงอะไรเลย ดิฉันก็เห็นพระพุทธเจ้าองค์เล็กๆ อยู่ที่กลางท้อง มีแสงสว่างออกมาจากองค์พระด้วย เป็นความรู้สึกที่สงบสุขจริงๆค่ะ ลืมเรื่องเวลาไปเลย เหมือนไม่มีเวลาในโลก ดิฉันยังจำความรู้สึกนั้นได้อย่างชัดเจน ภาพยังชัดติดตาอยู่จนวันนี้ แปลกที่ดิฉันเองก็รู้ได้ด้วยตัวเองว่า สิ่งที่เห็นนั้นคือ พระพุทธเจ้า ช่างเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นมากเมื่อเราหยุดใจรวมเป็นหนึ่งได้ เราจะเข้าถึงความมหัศจรรย์ของสมาธิ ซึ่งมีความสุขจนยากที่จะบรรยาย ดิฉันคิดว่าการนั่งสมาธิ แท้จริงแล้วก็คือ วิธีการที่ทำให้ตัวเองได้พบกับแสงสว่างภายในตัวเอง ที่ดิฉันไม่เคยสัมผัสมาก่อนในอดีต ช่างเป็นช่วงเวลาที่วิเศษ และมีคุณค่าอย่างแท้จริงค่ะประสบการณ์จากสมาธิ ทำให้ดิฉันเชื่อว่า ตัวตนที่แท้จริงของมนุษย์ก็คือ พระเจ้า แต่เพราะการดำรงชีวิตของมนุษย์ในปัจจุบัน ที่ต้องแวดล้อมไปด้วยข้อมูล ข่าวสาร และเรื่องราวสารพัด ทำให้เราถูกปิดบังจากตัวตนที่แท้จริงของเราไป เปรียบเหมือนกับดวงตะวันที่ถูกหมู่เมฆปกคลุม ทำให้เราไม่เห็นถึงการดำรงอยู่ของตะวัน แต่สมาธินั้นเป็นวิธีการที่ช่วยให้เราหันกลับมามองตัวเอง กลับมาหาดวงตะวันภายใน ในขณะเดียวกันก็ตระหนักได้ถึงการดำรงอยู่ของหมู่เมฆภายใน ที่คอยรุมเร้า หากเพียงแค่เราค่อยๆขจัดหมู่เมฆ หรือข้อมูลที่ไม่ต้องการทิ้งออกไปจากใจ เราก็จะสามารถพบกับตัวตนที่แท้จริงภายในที่เชื่อมโยงกับสิ่งที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นพระเจ้าในตัวคุณดิฉันขอขอบคุณทุกคน ที่ทำให้ดิฉันได้มีโอกาสมาร่วมปฏิบัติธรรมครั้งนี้ ความอบอุ่นของพระอาจารย์และพี่เลี้ยงทุกคน ความตั้งใจของบุคคลรอบข้างที่มาร่วมปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ ทำให้ดิฉันประทับใจเป็นอย่างมาก ทุกคนล้วนเป็นกัลยาณมิตรที่ดี ทำให้ดิฉันไม่มีเวลาแม้แต่จะคิดฟุ้งซ่านเรื่องใดๆเลยพระเดชพระคุณหลวงพ่อคะ ดิฉันดีใจมากที่เราสองคนพี่น้อง ได้เป็นนักเรียนรุ่นแรกของ The Middle Way ภาคภาษาญี่ปุ่น และคงจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ถ้าจะมีการจัดปฏิบัติธรรมสำหรับชาวญี่ปุ่นเช่นนี้อีก ดิฉันอยากบอกทุกคนทั่วโลกว่า สมาธิเป็นสิ่งที่ไม่น่ากลัวเลย แต่กลับเป็นสิ่งน่าเรียนรู้ ถ้าคุณเปิดใจกว้างให้กับตัวเอง ในการเรียนรู้เส้นทางท่องเที่ยวภายในตัวเรา เราควรเปิดโอกาสให้ตัวเอง ได้เรียนรู้ถึงความพิเศษของตัวเอง ได้ค้นพบตัวตนภายใน ได้ค้นหาความหมาย หรือ นิยามคุณค่าของการดำรงชีวิต เพราะฉะนั้นเราไม่ควรปิดกั้นตัวเองจากสมาธิ ซึ่งจะนำทางให้เราได้รู้จักกับสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน เราควรนึกถึงประโยชน์มากมายมหาศาล ที่ตัวเราเองจะได้รับจากการทำสมาธิ แล้วชักชวนตัวเอง และคนรอบข้างให้เข้ามาร่วมปฏิบัติธรรมในครั้งต่อไปค่ะขอกราบขอบพระคุณ พระเดชพระคุณหลวงพ่อมากๆอีกครั้งนะคะยูกะ ไซออนจิประเทศญี่ปุ่น
![](https://www.dmc.tv/qrcode/cache/qr-code-200-3866.png)
http://goo.gl/eUNBv