ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 3 มกราคม พ.ศ.2554ตอน พระศรีอริยเมตไตรย์ ตอนที่ 46 พระเจ้าสัตตุตาปราชา (3)พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้าตอนที่ 46 "พระเจ้าสัตตุตาปราชา (3)"เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาความเดิมจากตอนที่แล้ว... เมื่อพระเจ้าสัตตุตาปะทรงเห็นว่า หมดหนทางที่จะบังคับช้างมงคลพระที่นั่งของพระองค์ได้แล้ว พระองค์จึงทรงตัดสินพระทัยโหนกิ่งมะเดื่อที่ห้อยลงมา แล้วปล่อยให้ช้างนั้นวิ่งเตลิดหายเข้าไปในป่าตามลำพัง ฝ่ายพวกทหารราชองค์รักษ์ ครั้นตามรอยช้างมาจนพบพระเจ้าสัตตุตาปราชาแล้ว ก็ได้ทูลเชิญพระองค์เสด็จกลับสู่พระนครในทันที ครั้นพระเจ้าสัตตุตาปะทรงเสด็จกลับถึงพระนครแล้ว พระองค์ก็ทรงรับสั่งให้เรียกนายหัตถาจารย์มาคาดโทษในฐานะที่ฝึกช้างพระที่นั่งไม่ดีแต่นายหัตถาจารย์กลับกราบทูลว่า “ที่ช้างมงคลพระที่นั่งเป็นเช่นนั้น ก็เป็นเพราะอำนาจแห่งกามราคะที่กำลังคุกรุ่นอยู่ภายในใจของมัน เมื่อไหร่ที่กามราคะของมันสงบลงหรือมันเสร็จสมความต้องการของมันแล้ว ช้างมงคลพระที่นั่งก็จะกลับมาหาพระองค์ภายในเจ็ดวันอย่างแน่นอนพระเจ้าข้า”ส่วนช้างมงคลพระที่นั่งนั้น เมื่อได้อยู่ร่วมกับนางช้างพังจนสมความปรารถนาแล้ว มันก็กลับมาสู่โรงช้างตามเดิมในวันที่เจ็ดนั้นเอง ครั้นนายหัตถาจารย์ทราบว่าช้างมงคลพระที่นั่งกลับมาแล้ว จึงรีบไปเข้าเฝ้ากราบทูลถวายรายงานพระเจ้าสัตตุตาปะในทันที เมื่อพระเจ้าสัตตุตาปะได้ทรงทราบเรื่องแล้ว พระองค์ก็ทรงดีพระทัยเป็นยิ่งนัก จากนั้นก็รีบเสด็จสู่โรงช้างเพื่อทอดพระเนตรช้างมงคลพระที่นั่งด้วยพระองค์เอง ครั้นพระเจ้าสัตตุตาปะทรงทอดพระเนตรเห็นช้างมีอาการสงบนิ่ง จึงได้ตรัสถามนายหัตถาจารย์ว่า “เจ้าฝึกช้างได้ถึงเพียงนี้ แต่ทำไมในวันก่อนนั้น แม้เราจะเอาขอที่คมกล้าสับลงที่ตัวช้างสักเท่าไร ก็มิอาจบังคับควบคุมมันได้เล่า”นายหัตถาจารย์จึงทูลตอบว่า “ขึ้นชื่อว่ากามราคะซึ่งก็คือความกำหนัดยินดีในกามแล้ว ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับคนหรือสัตว์ที่ถูกฝึกมาดี ย่อมมีกำลังอันแรงกล้าเกินกว่าคมของพระแสงขอร้อยเท่าพันทวี...อีกทั้งกามราคะนั้น ยังร้อนรุ่มสุมทรวงยิ่งกว่าไฟใดๆ และมีพิษที่ซึมซาบเร็วแรง ร้ายกาจยิ่งกว่าพิษของพญานาคทั้งสี่ตระกูลเป็นไหนๆ เพราะเหตุนี้เอง พระองค์จึงมิอาจหยุดยั้งช้างเชือกนี้ด้วยพระแสงขอของพระองค์พระเจ้าข้า”เมื่อพระเจ้าสัตตุตาปะได้ฟังนายหัตถาจารย์กล่าวเช่นนั้น พระองค์จึงได้ตรัสถามต่อไปอีกว่า “แล้วทำไม...ช้างเชือกนี้จึงกลับมาหาเจ้าตามเดิมได้เล่า”-นายหัตถาจารย์ก็ทูลว่า “ที่ช้างกลับมา ใช่ว่าจะมาโดยความตั้งใจของมันเอง แต่มาเพราะอำนาจมนตรามหาโอสถของข้าพระองค์พระเจ้าข้า”ครั้นนายหัตถาจารย์กล่าวประโยคนี้จบลง พระเจ้าสัตตุตาปะจึงตรัสสั่งให้นายหัตถาจารย์แสดงมนต์ดังกล่าวให้พระองค์ได้ทรงทอดพระเนตร ในทันทีที่สิ้นเสียงรับสั่ง นายหัตถาจารย์ก็ได้สั่งให้คนนำก้อนเหล็กไปเผาจนร้อนแดง แล้วใช้คีมคีบออกจากเตามาให้จากนั้น จึงเรียกช้างมงคลพระที่นั่งมายืนอยู่ต่อหน้า พร้อมกับร่ายมนต์บังคับให้ช้างเอางวงจับก้อนเหล็กแดงร้อนว่า “ช้างเอ๋ย...เจ้าจงเอางวงหยิบก้อนเหล็กร้อนแดงเดี๋ยวนี้ หากเรายังไม่ได้บอกให้วาง เจ้าจงอย่าวางเด็ดขาด”เมื่อนายหัตถาจารย์ได้ร่ายมนต์บังคับให้ช้างมงคลพระที่นั่ง เอางวงจับก้อนเหล็กแดงร้อนแล้ว ด้วยอำนาจแห่งมนต์ของนายหัตถาจารย์ ช้างก็ได้ยื่นงวงออกมาจับก้อนเหล็กแดงร้อนที่กำลังลุกโชน แม้ว่าความร้อนจากก้อนเหล็กจะทำให้งวงของช้างมงคลพระที่นั่งไหม้เกรียมเพียงใดก็ตาม แต่ช้างก็ไม่อาจจะทิ้งก้อนเหล็กร้อนลงได้ครั้นพระเจ้าสัตตุตาปะได้ทอดพระเนตรเห็นช้างมงคลพระที่นั่ง กำลังถูกทรมานด้วยอำนาจมนตราของนายหัตถาจารย์เช่นนั้นแล้ว พระองค์ก็ทรงรู้สึกสงสาร เพราะเกรงว่าช้างจะตายชม Video Scoop พระศรีอริยเมตไตรย์ ตอนที่ 46
http://goo.gl/iOH64