อสาตมนต์ชาดก-ชาดกว่าด้วยมนต์มายาหญิง

ณ พระเชตะวันมหาวิหารกาลนั้น มีภิกษุสงฆ์ผู้ตกทุกข์ด้วยเหตุจากอิสตรีเข้ากวนกิเลสมิให้ดื่มด่ำธรรมรสได้ดุจเดิม กิเลสจากหญิงนั้นทำให้บุตรแห่งพระสมณโคดมรูปหนึ่ง มิเป็นอันบำเพ็ญภาวนา https://dmc.tv/a11100

บทความธรรมะ Dhamma Articles > นิทานชาดก 500 ชาติ
[ 31 พ.ค. 2554 ] - [ ผู้อ่าน : 18275 ]

ชาดก 500 ชาติ

อสาตมนต์ชาดก-ชาดกว่าด้วยมนต์มายาหญิง

หญิงหม้ายตาบอดผู้ถูกกิเลสครอบงำ คิดฆ่าผู้อื่นได้เพื่อความสุขของตน
 
หญิงหม้ายตาบอดผู้ถูกกิเลสครอบงำคิดฆ่าผู้อื่นได้เพื่อความสุขของตน
 
    ในวัฏสงสารที่เราเวียนว่ายเกิดดับตามกฎแห่งกรรมอันเป็นธรรมดานี้ มิมีผู้ใดที่สามารถหลุดพ้นปวงกรรมนี้ได้เลย พุทธกาลสมัยหนึ่งซึ่งธรรมะอุทกจากพระบรมศาสดายังไหลรินหล่อเลี้ยงเวไนยสัตว์ผู้ทุกข์อยาก ณ พระเชตะวันมหาวิหารกาลนั้น มีภิกษุสงฆ์ผู้ตกทุกข์ด้วยเหตุจากอิสตรีเข้ากวนกิเลสมิให้ดื่มด่ำธรรมรสได้ดุจเดิม กิเลสจากหญิงนั้นทำให้บุตรแห่งพระสมณโคดมรูปหนึ่ง 
 
พระเชตะวันมหาวิหาร
 
พระเชตะวันมหาวิหาร
 
     มิเป็นอันบำเพ็ญภาวนา “เฮ้อ..เหตุใดใจมันถึงรุ่มร้อนเช่นนี้ หลับตาคราใดก็เฝ้าเห็นแต่ความงามของน้อง ทำยังไงนะ ใจเราถึงจะสงบลงได้ซะที..เฮ้อ” แม้ภิกษุรูปนี้จะเคยฟังเทศนาธรรมมิให้หลงไหลในกามอันประกอบขึ้นด้วย รูป รส กลิ่น เสียง มาหลายครั้งหลายหน แต่มาถึงบัดนี้กลับหลงลืมไปหมดสิ้น ความเวทนานี้ประจักษ์ขึ้นในข่ายพระญาณองค์จอมไตร 
 
ภิกษุหนุ่มผู้ตกอยู่ในห้วงทุกข์ด้วยเหตุจากอิสตรี
 
ภิกษุหนุ่มผู้ตกอยู่ในห้วงทุกข์ด้วยเหตุจากอิสตรี
  
     ทรงปรารถนาให้พระภิกษุนั้นพ้นภัยจากวัฏสงสาร จึงกำหนดให้เข้าเฝ้า ณ พระคัณฑกุฏี “ดูก่อนภิกษุสีหน้าท่านชั่งเศร้าหมองยิ่งนัก เรารู้ถึงการเป็นทุกข์ของท่าน” “องค์ศาสดา โปรดช่วยกระผมให้เห็นทางสว่างด้วยเถอะครับ” “ชื่อว่าหญิง ย่อมก่อกวนพรหมจรรย์ของเพศสมณะผู้ตั้งใจบำเพ็ญเพียรเสมอในอดีตชาตินั้น บัณฑิตก็เคยแสดงให้รู้แจ้งถึงอันตรายจากกิเลสในใจหญิงมาก่อน” 
 
พระบรมศาสดาทรงโปรดให้ภิกษุหนุ่มเข้าเฝ้า ณ พระคัณฑกุฏี
 
พระบรมศาสดาทรงโปรดให้ภิกษุหนุ่มเข้าเฝ้า ณ พระคัณฑกุฏี      
 
    จากนั้นพระพุทธองค์ก็ทรงระลึกชาติขึ้นด้วยบุพเพนิวาสนุสติญาณ ชายแดนแคว้นกาสีครั้งโน้นมีบุตรชายในครอบครัวพราหมณ์ผู้หนึ่งเติบโตเป็นหนุ่มขึ้นท่ามกลางการดูแลอย่างหวงแหนจากผู้เป็นพ่อและแม่ “หนักไหม๊จ๊ะลูก ค่อยๆ เดินไปนะ ให้พ่อกับแม่ช่วยไหม๊” “ไม่เป็นไรจ๊ะ แม่เสียทรัพย์ซื้อให้ก็เป็นพระคุณมากแล้ว” “เออ..เดินดีๆ ลูก เดี๋ยวจะหกล้มบาดเจ็บเอาได้นะ”  
 
ครอบครัวพราหมณ์ผู้ซึ่งมีฐานะและ มีบุตรชายรูปงามและมีภูมิรู้
 
ครอบครัวพราหมณ์ผู้ซึ่งมีฐานะและมีบุตรชายรูปงามและมีภูมิรู้
 
       บุตรพราหมณ์เป็นชายหนุ่มรูปงามฐานะดีและมีภูมิรู้ จึงเป็นที่หมายปองของสตรีทั่วไป และการที่เขายังอยู่ในวังวนของกิเลส จึงทำให้รู้สึกชื่นชอบในหญิงสาวที่เข้ามาหลงใหลในตัวเขาเช่นกัน ซึ่งนางพราหมณีผู้เป็นแม่ต้องคอยกำราบห้ามปรามอยู่มิเคยเว้น “แม่ผู้หญิงคนนี้มาอีกแล้ว เป็นผู้หญิงยิงเรือแท้ๆ ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว มาหาผู้ชายอยู่ได้ไม่เว้นวัน เข้าไปในบ้านเลยลูก อย่าไปเสวนากับแม่พวกนี้เลย”
 
พราหมณ์ผู้เป็นแม่พยายามกีดกันหญิงสาว ที่คอยแวะเวียนมาหาบุตรของตน
 
พราหมณ์ผู้เป็นแม่พยายามกีดกันหญิงสาวที่คอยแวะเวียนมาหาบุตรของตน
   
    “ท่านนี้แต่น้องนางคนนี้ น่ารักดีนะ ลูกอยากคุยกับเธอ” “อะฮ้า..ดีจังวันนี้ไม่มีแม่มาคุม โปรยเสน่ห์ได้เต็มที่เลยเรา” “อุ๊ย มีผู้ชายหน้าตาดีมองมาทางเราด้วย นั่นแน่ะ หรือว่าเค้าแอบชอบเรานะ” “ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้หล้อหล่อ สูงเท่บาดใจ” “คนนี้ก็สวย คนนั้นก็น่ารัก โอ๊ย..ไม่รู้จะเลือกใครดี เมื่อไหร่จะได้แต่งงานกับเขาเสียที  เฮ้อ..เกิดมาเป็นคนหน้าตาดีเนี่ย มันลำบากใจจริงๆ” 
 
บุตรของพราหมณ์เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั่วๆไป
 
บุตรของพราหมณ์เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั่วไป
 
    แม้บุตรชายจะใคร่แต่งงานมีเหย้ามีเรือนเพียงใด แต่พราหมณ์บิดามารดา กลับไม่ให้การสนับสนุนเลย ท่านทั้งสองอยากให้บุตรชายครองเพศบรรชิตยิ่งกว่าสิ่งไหน “ลูกรัก พรหมโลกน่ะ เป็นที่หมายสูงสุดของมนุษย์ทุกคน ที่นั่นนะเป็นที่อยู่ของเทพยดาผู้บริสุทธิ์ เราน่ะ อยากให้ลูกบำเพ็ญบารมีเอาดีทางธรรมนะลูก” “พ่อเองก็เห็นด้วยกับแม่  
  
พ่อและแม่ของพราหมณ์หนุ่มต้องการ ให้บุตรของตนออกบวช
 
พ่อและแม่ของพราหมณ์หนุ่มต้องการให้บุตรของตนออกบวช
 
   ธรรมะจะทำให้ลูกเห็นทางสว่างของชีวิตพ้นจากบ่วงกรรมได้” “เมื่อบวชแล้ว พอสิ้นอายุขัยจากโลกนี้ เจ้าก็จะได้ไปเกิดในพรหมโลกนะจ๊ะ เจ้าเชื่อแม่เถอะ เปลี่ยนความคิดที่จะแต่งงาน มาออกบวชเถอะนะ” “ฮึๆ เป็นนักบวชแบบนี้เหรอท่านแม่ ลูกยังหนุ่มยังแน่น ขอลูกเอาดีทางโลกก่อนเถอะจ๊ะ” “ฮึม..ดีเหมือนกัน หากเจ้าจะเอาดีทางโลก เพราะก่อนที่จะครองเรือนเจ้าต้องรอบรู้ศิลปศาสตร์ทางโลกก่อน 
 
บุตรของพราหมณ์ออกเดินทางไปร่ำเรียน ที่สำนักทิสาปาโมกข์
 
บุตรของพราหมณ์ออกเดินทางไปร่ำเรียนที่สำนักทิสาปาโมกข์
   
    เจ้าจึงจะเป็นสามีที่ดีได้” “เมื่อท่านพ่อเห็นว่าควรเป็นแบบนั้น ข้าก็จะไปเรียนที่สำนักอาจารย์ทิสาปาโมกข์ พ่อและแม่คิดเห็นเช่นไร” “พ่อกับแม่เห็นดีด้วย” “เจ้าไปเถอะ” เมื่อผู้เป็นพ่อกับแม่ไม่สามารถพูดให้บุตรชายเปลี่ยนความคิดที่จะแต่งงานได้ จึงออกอุบายให้บุตรชายไปศึกษาหาความรู้กับอาจารย์ โดยหวังว่าอาจารย์จะช่วยสอนให้ลูกเห็นทางธรรม
 
บุตรของพราหมณ์กราบลาอาจารย์กลับบ้านหลังจากที่ร่ำเรียนจบ
 
บุตรของพราหมณ์กราบลาอาจารย์กลับบ้านหลังจากที่ร่ำเรียนจบ
 
      “จงเลือกเรียนกับอาจารย์ที่ยังโสดนะลูก ท่านจะได้มีเวลาสอนได้มาก เจ้าจะได้จบโดยเร็วนะลูกนะ” “เฮ้อ..ต้องรีบเรียนรีบกลับ เราจะได้กลับมาแต่งงานกับน้องหญิงคนสวยเร็วๆ” บุตรพราหมณ์เดินทางทางสู่ทิสาปาโมกข์อยู่หลายวันก็พบกับอาจารย์คนโสดตามที่มารดาสั่งไว้ จึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์และเริ่มเรียนวิทยาการจากอาจารย์ตั้งแต่วันนั้น
 
ชายหนุ่มกลับมาหาบิดามารดา พร้อมกับความสำเร็จในวิชาที่ร่ำเรียน
 
ชายหนุ่มกลับมาหาบิดามารดาพร้อมกับความสำเร็จในวิชาที่ร่ำเรียน
 
     วันเวลาผ่านไป ชายหนุ่มรูปงามบุตรพราหมณ์ได้เรียนจนสำเร็จวิทยาการตามกำหนดจึงรีบล่ำลาอาจารย์กลับบ้าน “จำเริญรุ่งเรืองเถิดเมื่อเจ้าได้เป็นใหญ่เป็นโตแล้ว ก็อย่าลืมอาจารย์นะ โชคดี ไปดีมาดีนะ” “ศิษย์ขอกราบลา ศิษย์รำลึกพระคุณอาจารย์เสมอ” “อะไรเนี่ย มาทีหลังจบก่อนเราอีก เรียนมา 30 ปีแล้วยังไม่จบซักที ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยคงโดนรีไทน์ไปแล้วเรา”
 
พราหมณ์มารดาสอบถามบุตรถึงวิชาที่ได้ร่ำเรียนมา
 
พราหมณ์มารดาสอบถามบุตรถึงวิชาที่ได้ร่ำเรียนมา
 
    บุตรพราหมณ์ใช้เวลาเดินทางไม่กี่วันก็มาถึงบ้านเกิดเมืองนอน แต่เมื่อพรรณนาถึงวิชาทั้งหมดที่ร่ำเรียนมา ท่านทั้งสองกลับยังไม่พอใจ “เจ้าไปเรียนตั้ง 3-4 ปี มีแค่นี้หรอ” “โธ่..นี่ก็ตั้งมากมายแล้วนะท่านแม่ คิดว่าลูกเรียนมาหมดครบถ้วนแล้ว” “ครบถ้วนแล้วรึ เออ..แล้วอสาตมนต์ละ เจ้าเรียนแล้วรึยัง” “มีด้วยหรือท่านแม่ ข้าไม่เห็นอาจารย์สอนให้ข้าเลย” อสาตมนต์เนี่ยเป็นวิชาพิเศษที่น้อยคนนักจะได้เรียนรู้
 
ชายหนุ่มเดินทางกลับไปร่ำเรียนวิชา กับอาจารย์ของตนอีกครั้ง
 
ชายหนุ่มเดินทางกลับไปร่ำเรียนวิชากับอาจารย์ของตนอีกครั้ง
 
    ลำพังศิลปะศาสตร์ทั่วไปใครๆ ก็ย่อมเรียนรู้ได้ แต่จะมีใครซักกี่คนละ ที่รู้อสาตมนต์บ้างเล่า แม้แต่ชื่อมนต์บทนี้บางคนก็ยังไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำ” “ท่านแม่ลูกไม่ได้ยินบทนี้เลย” “อาจารย์เค้าคงเห็นว่าลูกนะ รีบร้อนอยากกลับมาประกอบการงานมีเหย้ามีเรือนกระมัง จึงได้สอนเฉพาะวิชาที่จำเป็นแก่การเลี้ยงชีพให้ แต่แม่ว่า ยังไม่พอหรอกเจ้า เพราะอสาตมนต์เป็นวิชาที่สำคัญมากควรอย่างยิ่งที่เจ้าจะต้องรู้”
 
ชายหนุ่มติดตามอาจารย์มาจนถึงที่พักยังชายป่า
 
ชายหนุ่มติดตามอาจารย์มาจนถึงที่พักยังชายป่า
 
    “โอ๊ย..นี่ลูกต้องกลับไปเรียนอสาตมนต์กับอาจารย์อีกแล้วหรือ โธ่เมื่อไหร่ลูกจะได้แต่งงานละท่านแม่” แต่ชายหนุ่มก็เดินทางไปหาอาจารย์ยังสำนักทิสาปาโมกข์เมืองตักศิลาอีกครั้ง แต่ปรากฏว่าอาจารย์ได้พาหญิงชราที่มีพระคุณ เคยเลี้ยงดูท่านเข้าไปอยู่ในป่าเสียแล้ว “โอ้ย..เจ้านะมาช้าไป อาจารย์เนี่ยได้พาหญิงหม้ายตาบอดไปอยู่ที่ชายป่าด้านโน้น ถ้าเจ้ายังจะไปหาอาจารย์ก็รีบเข้าไปเถิด มืดค่ำลงจะลำบาก”
 
ศิษย์หนุ่มซักถามอาจารย์ถึงวิชาอสาตมนต์ ที่มารดาตนสั่งให้มาเรียน
 
ศิษย์หนุ่มซักถามอาจารย์ถึงวิชาอสาตมนต์ที่มารดาตนสั่งให้มาเรียน
 
    “อะไรกันเนี่ย จะเจออุปสรรคอะไรมากมายขนาดนี้” ชายหนุ่มบุตรพราหมณ์เร่งเดินทางผ่านป่าใหญ่ เร่งฝีเท้าอย่างมิได้รอช้าจนเย็นย่ำสนธยาก็พบอาศรมหลังใหญ่ “โอ้..นั่น อาจารย์ของเรานี่น่า โธ่เอ้ย หลบมาอยู่เสียไกล อาจารย์ๆ ครับ” “อ้าว ศิษย์รักเป็นเจ้ารึนั้น เข้าป่ามาหาอาจารย์ถึงนี่มีอะไรรึ มาเถอะ เข้ามาคุยกันก่อน” ค่ำคืนนั้นอาจารย์จากทิศาปาโมกข์กับบุตรพราหมณ์ผู้เป็นศิษย์ก็สนทนาซักถามกันถึงวิชาอสาตมนต์ที่มารดาของศิษย์สั่งให้มาเรียน
 
อาจารย์ได้มอบหมายให้ศิษย์ดูแลหญิงหม้ายตาบอด ผู้มี่พระคุณของตน
 
อาจารย์ได้มอบหมายให้ศิษย์ดูแลหญิงหม้ายตาบอดผู้มี่พระคุณของตน
 
    “ท่านแม่ของศิษย์บอกให้ศิษย์มาเรียนอสาตมนต์จากอาจารย์ก่อนแล้วถึงแต่งงานได้” “ฮึม อย่างนั้นหรอกรึ” เมื่ออาจารย์ได้ยินก็รู้ดีว่าวิชาอสาตมนต์นี่ไม่มีจริงเลย ดังนั้นมารดาของศิษย์คงคาดหวังให้ช่วยในทางอื่น บุตรพราหมณ์เอ๋ย..มารดาของเธอคงไม่อยากให้มีภรรยาเป็นแน่ “เฮ้อ..เอาล่ะอาจารย์จะสอนบทเรียนนี่ให้เธอเอง”
 
หญิงหม้ายวางแผนให้ศิษย์หนุ่มฆ่าอาจารย์ของตนเอง
 
หญิงหม้ายวางแผนให้ศิษย์หนุ่มฆ่าอาจารย์ของตนเอง
 
    “โอ้..อาจารย์รู้จักวิชานี้ด้วยหรือ ดีใจจังเลย ท่านจะสอนวิชานี้ให้ข้าใช่มั๊ย” “ใช่อาจารย์จะสอนวิชาอสาตมนต์ให้ก็ได้ แต่เธอต้องดูแลหญิงหม้ายแทนอาจารย์นะ” “ครับอาจารย์แล้วข้าต้องทำอย่างไรบ้างละ” “เจ้าต้องอาบน้ำ ถูนวดให้ท่านอย่าได้รังเกียจ ที่สำคัญขณะที่ปรนนิบัติเจ้าต้องพรรณนาความงามของท่านไปด้วยเสมอ”
 
ศิษย์หนุ่มรายงานทุกอย่างเกี่ยวกับหญิงหม้ายต่ออาจารย์ของตน
 
ศิษย์หนุ่มรายงานทุกอย่างเกี่ยวกับหญิงหม้ายต่ออาจารย์ของตน
 
    “เป็นการพูดปด ทำไมข้าจะต้องพรรณนาความงามของหญิงแก่ด้วย ไม่เห็นเธอจะมีความงามหลงเหลืออยู่เลยสักนิด” “เอาเถอะน่า มันเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะใช้ปรนนิบัติหญิงผู้มีพระคุณของอาจารย์ เจ้าทำไปเถอะ” “นี่ไงหญิงผู้มีพระคุณของอาจารย์ เจ้าต้องดูแลนางอย่างดี แล้วอย่าลืมพรรณนาชมโฉมให้นางฟังด้วยนะ” “เห็นอย่างนี้แล้ว ข้าพรรณนาไม่ออกหรอกอาจารย์” “เจ้าก็เยินยอไปสมัยอดีตที่ยังสาวของนางสิ ให้เกิดความหลงปลื้ม
 
ศิษย์หนุ่มเตรียมไม้มะเดื่อแทนร่างอาจารย์ตามแผนที่วางไว้
 
ศิษย์หนุ่มเตรียมไม้มะเดื่อแทนร่างอาจารย์ตามแผนที่วางไว้
 
    นางจะได้มีความสุข แล้วสังเกตด้วยว่านางมีกิริยาตอบมาว่าอย่างไร ต้องมาเล่าให้อาจารย์ฟังด้วยน่ะ ไหนเจ้าทดสอบให้อาจารย์ดูหน่อยซิ” “เอ่อๆ เอ่อ คุณแม่ขอรับเมื่อสมัยคุณแม่ยังสาวคงสวยไม่น้อย ขณะอายุมากแล้วเค้าความงามยังปรากฏ” “ดีมาก อย่างนี้แหละกล้าๆ ไว้” “เอ่อ..เสียงหนุ่มที่ไหนมาชมแม่เนี่ย เสียเจ้าช่างนุ่มนวลน่าฟังจริงๆ เข้ามาใกล้ๆ ชั้นหน่อยซิ” “ยิ่งดูใกล้ๆ ก็ยิ่งงาม หลังเอย แขนเอย ดูยังสวย ไม่น่าเชื่อว่าคุณแม่ยังสดใสขนาดนี้”
 
ศิษย์หนุ่มเตรียมขึงเชือกเป็นราวให้หญิงหม้ายใช้เกาะเดิน
 
ศิษย์หนุ่มเตรียมขึงเชือกเป็นราวให้หญิงหม้ายใช้เกาะเดิน
 
    ทุกวันนี้คราใดที่ปรนนิบัติหญิงแก่ไม่ว่าจะตอนอาบน้ำหรือนวดเฟ้น ชายหนุ่มก็จะพรรณนาความงามของเธอให้ฟังมิได้ขาด ในที่สุดกิเลสก็เข้ากุมจิตใจหญิงแก่ให้เผลอรักใคร่ชายหนุ่มเข้าจนได้ “เธอพูดจริงรึพ่อหนุ่ม ชั้นงามอย่างนั้นจริงๆ เรอะ ชั้นทนฟังความหวานของเธอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว” คุณแม่ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ” “ชั้นสวยถูกใจเธอใช่มั๊ยละ เธอต้องการชั้นอย่างงั้นใช่ไหม๊ ถ้าอย่างนั้นนะ เรามาอยู่กินกันที่นี่เลยเถอะ” “โอ๊ย ไม่ได้หรอกครับคุณแม่ เดี๋ยวอาจารย์ต้องเอาตายแน่ๆ”
 
หญิงหม้ายใช้ขวานฟันร่างคนที่นางเคยรักประหนึ่งบุตร
 
หญิงหม้ายใช้ขวานฟันร่างคนที่นางเคยรักประหนึ่งบุตร
 
    “มันจะยากอะไรละพ่อหนุ่ม เราก็ฆ่าเขาให้ตายซะก็หมดเรื่อง แล้วเราก็อยู่กินกัน 2_คนอย่างมีความสุข หึๆ” “ผมทำไม่ได้หรอกครับคุณแม่ ท่านเป็นอาจารย์ของผม” “ถ้าเธอทำไม่ได้ งั้นชั้นจะเป็นคนฆ่าเขาเอง ที่ชั้นทำไปก็เพื่อเรา 2 คน เธอต้องร่วมมือกับชั้นนะ” หญิงแก่ตาบอดผู้ถูกกิเลสหลุ่มหลงครอบงำ คิดวางแผนฆ่าอาจารย์อย่างหน้ามืด โดยให้บุตรพราหมณ์ช่วยทำตามแผนของเธอ “พ่อหนุ่มทำตามที่ชั้นบอกแค่นั้นก็พอ ส่วนที่เหลือเดี๋ยวชั้นจะจัดการลงมือฆ่าเขาเอง”
 
หญิงหม้ายรู้ตัวว่าโดนอุบายก็เป็นลมล้มลงในทันที
 
หญิงหม้ายรู้ตัวว่าโดนอุบายก็เป็นลมล้มลงในทันที
 
    “เฮ้อ..หญิงแก่ชั่งโหดเหี้ยมยิ่งนัก เสียแรงที่อาจารย์เคารพดุจมารดา เฮ้อ..อนิจจา” ชายหนุ่มเมื่อผละออกมาจากหญิงแก่ก็รีบนำแผนร้ายของนางมาเล่าให้อาจารย์ฟังโดยมิได้ปิดบังอำพลาง “เฮ้อ..เป็นไปอย่างที่ข้าคาดไว้แท้ๆ เช่นนั้นเรามาทดลองอะไรกันซักอย่างดีกว่านะศิษย์รัก” จากวันนั้นทั้งอาจารย์และศิษย์ต่างช่วยกันวางแผนลวงหญิงหม้ายอย่างแนบเนียน “เราใช้ไม้มะเดื่อนี้วางบนเตียงอาจารย์แล้วเธอจงขึงเชือกนี้เป็นราวนำทางไปยังห้องของหญิงหม้ายนั้นเถอะ”
 
อาจารย์และศิษย์หนุ่มได้ช่วยกันปลงศพของหญิงหม้าย
 
อาจารย์และศิษย์หนุ่มได้ช่วยกันปลงศพของหญิงหม้าย
 
    บุตรพราหมณ์จัดการทุกอย่างตามอาจารย์สั่ง แล้วออกมาให้สัญญาณหญิงแก่ เพื่อให้เธอทำตามแผนที่เธอวางไว้แต่แรก “คุณแม่มาจัดการได้เลยขอรับ อาจารย์กำลังหลับสนิท” หญิงหม้ายเมื่อได้รับสัญญาณก็รีบเกาะราวเชือกด้วยแรงเดินที่เหลืออยู่น้อยนิด นางเดินเข้าไปในห้องอาจารย์คนที่นางเคยรักประหนึ่งบุตรพร้อมขวานอันคมกริบ “พ่อหนุ่มอีกอึดใจเดียว เราก็จะทำสำเร็จแล้ว เฮ้อ..โอย..เหนื่อย เฮอ” เมื่อเดินสุดราวเชือกตามแผนนางก็เงื้อขวานฟันลงที่เตียงอาจารย์สุดแรง โป๊ะ!
 
อาจารย์ได้ชี้ให้ศิษย์หนุ่มได้เห็นถึงโทษความลุ่มหลงของอิสตรี
 
อาจารย์ได้ชี้ให้ศิษย์หนุ่มได้เห็นถึงโทษความลุ่มหลงของอิสตรี
 
    “ว้าย..อะไรกันเนี่ย..ทำไมถึงกลายเป็นขอนไม้ไปได้หล่ะ โอ้ย..ๆ ดึงไม่ออก ฮึย..โอ้ย เหนื่อย” “เธอเห็นโทษของความลุ่มหลงแล้วรึยัง โดยเฉพาะสตรีเพศอันเป็นดุจไฟที่เผาไหม้ทุกสิ่ง” “น่ากลัวจัง! นี่ขนาดแก่แล้วนะเนี่ย” เมื่อรู้ตัวว่าถูกอุบายหญิงหม้ายก็ตกใจจนลมสว่านตีขึ้น หน้ามืดหงายหลังล้มลงทันที “โอ๊ย..ทั้งเจ็บทั้งอาย เออ..เป็นลมดีกว่า” หญิงหม้ายตาบอดล้มลงแล้วก็มิได้ลุกขึ้นมาอีกเพราะหมดอายุขัย บุตรพราหมณ์ได้ช่วยอาจารย์ปลงศพผู้มีพระคุณแล้วก็อำลากลับบ้าน
 
พระบรมศาสดาตรัสชาดกจบก็ทรงประกาศ อริยสัจสี่โดยเอนกปริยาย
 
พระบรมศาสดาตรัสชาดกจบก็ทรงประกาศอริยสัจสี่โดยเอนกปริยาย
  
    “ไม่น่าเชื่อว่ากิเลสจะทำให้คนเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ น่าเศร้าจริงๆ” “เฮ้อ..ไปดีเถอะท่านแม่ เธอจงรู้ไว้เถิดวิชาอสาตมนต์นี้ไม่มีจริงหรอกเป็นเพียงอุบายที่มารดาของเธออยากให้เห็นโทษของหญิงที่เป็นศัตรูของการบวชเท่านั้น” “เป็นอย่างนี้นี่เอง ขอบคุณอาจารย์ที่ช่วยชี้ให้ศิษย์ให้ทางธรรม” อีกไม่นานต่อมาบุตรพราหมณ์ก็ออกบวชเพื่อมุ่งสูงพรหมโลกตามความหวังของบิดามารดา บำเพ็ญภาวนามิข้องแวะกับสตรีใดอีกจนหมดอายุขัยในมนุษยโลก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสชาดกนี่จบแล้ว ก็ทรงประกาศอริยสัจสี่โดยเอนกปริยาย ภิกษุผู้หม่นหมองเพราะหลงรูปสตรีก็รู้แจ้งในธรรม สามารถบำเพ็ญเพียรต่อไปโดยหมดทุกข์เผาใจอีกต่อไป
 
 
พระคาถาประจำชาดก
อาสา โลกิตฺถิโย นาม    เวลา ตาสํ น วิชฺชติ
สารตฺตา จ ปคพฺภา จ    สิขี สพฺพมโส ยถา
 
ขึ้นชื่อว่าหญิงส่วนมากในโลกไม่รู้จักยั้ง    พวกนางไม่มีขอบเขต ทั้งกำหนัดหนัก
ทั้งคะนองเหมือนไฟกินได้ทุกอย่าง    ข้าพเจ้าจักหลีกละพวกนางไปบวชเพิ่มพูนวิเวกฯ
 
ในสมัยพุทธกาลหญิงชรา กำเนิดเป็น ภิกษุณี ภัททกาปิลานี
บิดาของชายหนุ่ม กำเนิดเป็น พระมหากัสสป
ลูกศิษย์ กำเนิดเป็น พระอานนท์
อาจารย์เสวยพระชาติเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
 

http://goo.gl/RXPDV

     
Tag : เทศนา  อาจารย์  หลงลืม  วิดีโอ  พระสมณโคดม  บารมี  ธรรมะ  ทุกข์  ตาบอด  ตะวัน  ชาดก  ครอบครัว  กฎแห่งกรรม  

พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง
      เกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
      ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
      ชนสันธชาดก ชาดกว่าด้วยเหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
      ฆตาสนชาดก ชาดกว่าด้วยภัยที่เกิดจากที่พึ่ง
      มหาสุวราชชาดก ชาดกว่าด้วยความพอเพียง
      ฌานโสธนชาดก ชาดกว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
      สุนักขชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดย่อมช่วยตัวเองได้
      สังวรมหาราชชาดก ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
      อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว
      สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
      สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
      อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ