Mobile Version
ทันทีที่กุลบุตรหนุ่มพบกับพระภิกษุรูปงามท่านนั้น
ตัวเขาก็ลืมคำถามและความตั้งใจที่จะออกจากป่าแห่งนั้นไปเลยต่อจากตอนที่แล้ว.....ทันทีที่คุณไอวี่หรือกุลบุตรหนุ่มผู้มีจิตใจงดงามในภพชาตินั้น ได้พบกับพระภิกษุหนุ่มรูปงามท่านนั้นแล้ว ตัวเขาก็เกิดความรู้สึกอบอุ่นใจและเกิดความรู้สึกเลื่อมใสศรัทธาในพระภิกษุหนุ่มรูปนั้นขึ้นมาอย่างจับจิตจับใจ แล้วตัวเขาก็ไม่รอช้า ได้เข้าไปกราบพระภิกษุรูปนั้นด้วยความเคารพนอบน้อมในทันที และด้วยความที่ ณ ช่วงเวลานั้น ใจของคุณไอวี่ กำลังเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกเลื่อมใสศรัทธาในพระภิกษุหนุ่มท่านนั้นเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ตัวคุณไอวี่ลืมคำถามและความตั้งใจที่จะออกจากป่าแห่งนั้นไปเลย
คนเราเกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน อะไรเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนเราแตกต่างกัน
แต่สิ่งที่คุณไอวี่ นึกได้และอยากที่จะถามกับพระภิกษุหนุ่มรูปนั้นในตอนนั้น กลับกลายเป็นข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตว่า คนเราเกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน อะไรเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนเราแตกต่างกัน และอะไรคือแก่นแท้หรือเป้าหมายของชีวิตเป็นต้น ซึ่งข้อสงสัยต่างๆ เหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ติดค้างคาอยู่ภายในใจของคุณไอวี่มาโดยตลอด ซึ่งที่ผ่านๆ มาตัวเขาเองก็เคยได้ไปถามเกี่ยวกับคำถามประเภทนี้กับเจ้าลัทธิมาหลายๆ สำนักแล้ว แต่ตัวเขาก็ไม่เคยได้รับคำตอบที่ทำให้หายสงสัยแบบชัดเจนได้เลย
ส่วนสาเหตุที่ทำให้คุณไอวี่ นึกอยากที่จะถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตกับพระภิกษุหนุ่มรูปงามท่านนั้นตั้งแต่แรกพบนั้น ทั้งนี้ก็เป็นเพราะทันทีที่คุณไอวี่ได้เห็นพระภิกษุหนุ่มรูปนั้นแล้ว ตัวเขาก็เกิดความรู้สึกประทับใจและเลื่อมใสในบุคลิกลักษณะของพระภิกษุหนุ่มรูปนั้นที่มีความสงบเสงี่ยมสง่างามและแตกต่างไปจากพวกเจ้าลัทธิในความเชื่ออื่นๆ ที่ตัวเขาได้เคยพบเคยเห็น เป็นอย่างมาก อีกทั้ง ตัวเขายังสัมผัสได้ถึงกระแสแห่งความสุขใจที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของพระภิกษุหนุ่มรูปนั้นอีกด้วย
จะสามารถตอบคำถามที่ติดค้างคาอยู่ภายในใจของตัวเขาได้อย่างแน่นอนซึ่งกระแสแห่งความสุขใจที่คุณไอวี่หรือกุลบุตรหนุ่มผู้มีจิตใจงดงามในภพชาตินั้น สัมผัสได้จากพระภิกษุหนุ่มรูปนั้นมันก็ได้เข้าไปตรึงใจ และทำให้ตัวเขาเกิดความรู้สึกอยากที่จะซักถามถึงข้อสงสัยที่ติดค้างอยู่ภายในใจของเขามาอย่างยาวนาน โดยตัวเขามีความรู้สึกมั่นใจเป็นอย่างมากว่า “ พระภิกษุหนุ่มรูปนี้จะสามารถตอบคำถามที่ติดค้างคาอยู่ภายในใจของตัวเขาได้อย่างแน่นอน ”
และเมื่อตัวคุณไอวี่ในภพชาตินั้น เกิดความรู้สึกมั่นใจเช่นนั้น คุณไอวี่จึงไม่รอช้าได้ซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตกับพระภิกษุหนุ่มรูปนั้นอย่างมากมาย ซึ่งพระภิกษุหนุ่มรูปนั้นก็ได้ตั้งใจตอบทุกๆ คำถามและทุกๆ ข้อสงสัยของคุณไอวี่ อย่างมีเหตุมีผล และเคลียร์คัตชัดเจนในทุกๆ ประเด็น
แบบที่ตัวเขาไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลยในชีวิตเมื่อคุณไอวี่ ได้รับฟังคำตอบเกี่ยวกับเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต ที่เคลียร์คัตชัดเจนจากพระภิกษุหนุ่มรูปงามท่านนั้นแล้ว ตัวเขาก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกายเป็นอย่างมาก เมื่อข้อสงสัยต่างๆ ได้มลายหายสูญไปจากใจของคุณไอวี่แล้ว คุณไอวี่ก็มีโอกาสได้นั่งสมาธิ(Meditation)กับพระภิกษุหนุ่มรูปงามท่านนั้น ซึ่งในระหว่างที่ตัวเขากำลังนั่งสมาธิตัวเขาก็สามารถปล่อยใจไปตามเสียงนำนั่งสมาธิของพระภิกษุหนุ่มรูปนั้นได้
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้ใจของคุณไอวี่ ค่อยๆ กลับมารวมหยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกาย แล้วในที่สุดตัวเขาก็ได้เข้าถึงความสว่างภายในที่มาพร้อมกับความสุขใจแบบที่ตัวเขาไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลยในชีวิต
เป็นยอดกัลยาณมิตรแนะนำให้ทุกๆ คนภายในบ้านของเขาเลิกฆ่าสัตว์เมื่อคุณไอวี่ ได้เข้าถึงความสุขภายในเช่นนั้นแล้ว ตัวเขาก็ยิ่งเกิดความรู้สึกเลื่อมใสศรัทธาและซาบซึ้งในหลักธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมเป็นอย่างมาก และด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจในหลักธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้เอง จึงทำให้คุณไอวี่ มีความตั้งใจอย่างแรงกล้าว่า “ ถ้าหากตัวเขากลับไปถึงบ้านของเขาแล้ว ตัวเขาจะตั้งใจทำหน้าที่เป็นยอดกัลยาณมิตรแนะนำให้ทุกๆ คนภายในบ้านของเขาเลิกฆ่าสัตว์ และเลิกประกอบอาชีพการเป็นนายพรานให้ได้ ”
ซึ่งในช่วงระหว่างที่คุณไอวี่ กำลังซักถามและสนทนาธรรมกับพระภิกษุหนุ่มรูปงามที่บรรณศาลาอยู่นั้น คุณพ่อของคุณไอวี่ ก็ได้พยายามใช้เคล็ดวิชาของนายพรานในการสะกดรอยและแกะรอยเท้า เพื่อเดินตามหาคุณไอวี่มาเรื่อยๆ แล้วในที่สุดคุณพ่อของคุณไอวี่ก็สามารถแกะรอยจนได้มาเจอกับคุณไอวี่ที่บรรณศาลาแห่งนั้น
ทันทีที่คุณพ่อของคุณไอวี่ได้เจอคุณไอวี่ ที่บรรณศาลาของพระภิกษุหนุ่มรูปงามแล้ว ทั้งสองก็เกิดความรู้สึกที่ดีใจเป็นอย่างมากแล้วคุณไอวี่ก็ไม่รอช้าได้แนะนำให้คุณพ่อของเขาได้รู้จักกับพระภิกษุหนุ่มรูปงามท่านนั้น พร้อมกับบอกความในใจให้คุณพ่อของตัวเขา ได้ทราบว่า “ ตัวเขามีความปรารถนาอยากที่จะนิมนต์พระภิกษุหนุ่มรูปงามท่านนี้ให้ไปพักที่บ้าน เพื่อที่ตัวเขาจะได้ตอบแทนพระคุณของพระภิกษุหนุ่มรูปนี้ ด้วยการอุปัฏฐากดูแลท่านให้ดีที่สุด และที่สำคัญ เมื่อพระภิกษุหนุ่มรูปนี้ได้ไปพักอยู่ที่บ้านแล้ว ทุกๆ คนภายในบ้านจะได้มีโอกาสฟังธรรมะดีๆ จากท่านอีกด้วย ”
เมื่อคุณพ่อของคุณไอวี่ ได้เห็นถึงความตั้งใจอันดีงามของลูกชายแล้ว ตัวท่านก็รู้สึกยินดี เต็มใจ แล้วก็ไม่ได้ขัดอะไรลูกชายของท่านเลย เมื่อคุณไอวี่ เห็นว่าคุณพ่อของเขาอนุญาตเช่นนั้นแล้ว ตัวเขาจึงได้ไปกราบนิมนต์พระภิกษุหนุ่มรูปนั้นให้ไปพักที่บ้านของเขาด้วยความรู้สึกที่ดีใจเป็นอย่างมาก ซึ่งพระภิกษุหนุ่มรูปนั้นก็รับนิมนต์ของคุณไอวี่ ด้วยความยินดีเช่นเดียวกัน
จากนั้น ทั้งสามก็ได้ออกเดินทางออกจากป่าเพื่อมุ่งหน้ากลับไปยังที่บ้านของคุณไอวี่ในทันที ซึ่ง ณ ช่วงเวลานั้นคุณไอวี่จะดูมีความสุขและร่าเริงกว่าใครเพื่อน ที่ตัวคุณไอวี่ มีความรู้สึกเช่นนี้ ทั้งนี้ก็เป็นเพราะตัวเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า “ ตัวเขาจะได้มาค้นพบคำตอบเกี่ยวกับเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต พร้อมๆ กับการได้ออกไปจากป่าแห่งนี้ ” เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้คุณไอวี่ อดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าแววตาที่แลดูสดใสและมีความสุขอย่างนี้นั่นเองภายในสวนที่อยู่ในบริเวณบ้านของพวกเขา
เมื่อพระภิกษุหนุ่มรูปงามท่านนั้นได้มาพักที่บ้านของคุณไอวี่แล้ว คุณไอวี่ก็ได้ตั้งอกตั้งใจอุปัฏฐากดูแลพระภิกษุหนุ่มรูปนั้นเป็นอย่างดี หรืออย่างดีกว่าดีที่สุดในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขบฉันเรื่องที่หลับนอนที่จำวัด ตลอดจนเรื่องความเป็นอยู่ทั้งหลายนั้นตัวเขาได้ตั้งใจดูแลแบบไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่นิดเดียว
อีกทั้ง ตัวคุณไอวี่และคุณพ่อของเขา ยังได้ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างกุฏิเล็กๆ ที่ประณีตสวยงาม ขึ้นภายในสวนที่อยู่ในบริเวณบ้านของพวกเขา เพื่อให้พระภิกษุหนุ่มรูปงามท่านนี้ได้พักอาศัยและบำเพ็ญสมณะธรรมได้อย่างสะดวกสบายอีกด้วย
ให้แก่กุลบุตรหนุ่มและทุกๆ คนในครอบครัว
ในขณะเดียวกันพระภิกษุหนุ่มรูปงามท่านนี้ก็ได้ตอบแทนโลกียทรัพย์ ที่คุณพ่อของคุณไอวี่และคุณไอวี่ในภพชาตินั้น ได้ตั้งใจสร้างกุฏิถวายและอุปัฏฐากดูแลเป็นอย่างดี ด้วยการมอบอริยทรัพย์คือธรรมะ ให้กับพวกเขาอย่างเต็มที่
กล่าวคือตัวท่านได้ตั้งใจเทศน์สอนธรรมะทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติให้แก่คุณไอวี่และทุกๆ คนในครอบครัว โดยเริ่มต้นจากธรรมะในระดับพื้นฐานที่ทุกคนเข้าใจได้อย่างง่ายๆ ไล่เรื่อยไปจนถึงธรรมะที่มีความละเอียดลุ่มลึกมากขึ้นไปเรื่อยๆ ตามลำดับ ซึ่งทุกคนในครอบครัวของคุณไอวี่ก็สามารถตรองตามธรรมะที่พระภิกษุหนุ่มรูปนี้เทศน์สอนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
ทุกๆ คนในบ้านจะหักดิบ เลิกประกอบอาชีพนายพรานล่าสัตว์อย่างถาวร
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้ครอบครัวของคุณไอวี่ ในภพชาตินั้น เกิดความรู้ความเข้าใจในเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต และเรื่องของกฎแห่งกรรมมากขึ้น มากขึ้น แล้วก็มากขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วในที่สุด สมาชิกทุกคนในครอบครัวของคุณไอวี่ ซึ่งเป็นครอบครัวที่ประกอบอาชีพนายพรานมาหลายชั่วอายุคน ก็ได้ปรึกษาหารือกัน และก็ได้ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวและเด็ดขาดว่า ทุกๆ คนในบ้านจะหักดิบ เลิกประกอบอาชีพนายพรานล่าสัตว์อย่างถาวร เพื่อที่ทุกคนจะได้ไม่ต้องทำปาณาติบาตฯ อีกต่อไป โดยทุกคนในครอบครัวจะหันมาประกอบอาชีพหาสมุนไพรป่ามาขายแทน
ทำไมครอบครัวนายพรานจึงได้ตัดสินใจเลิก ประกอบอาชีพนายพราน
และเมื่อครอบครัวของคุณไอวี่ ได้ตัดสินใจ “แขวนคันธนู” หรือเลิกประกอบอาชีพนายพราน ลงอย่างถาวรเช่นนั้น จึงทำให้พวกชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนั้น ต่างก็เกิดความรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากถึงมากที่สุด จนทำให้เกิดเสียงเล่าลือ...เสียงเล่าอ้างอย่างมากมายว่า......
“เหตุไฉนหนอ ทำไมครอบครัวนายพรานที่มีความเก่งกาจในการล่าสัตว์ขนาดนี้ จึงได้ตัดสินใจไม่ลด ไม่ละ แต่หักดิบและเลิกประกอบอาชีพนายพรานแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย อย่างนี้”
และเมื่อความรู้สึกสงสัยได้เกิดขึ้นมาภายในใจของพวกชาวบ้านเช่นนั้นแล้ว จึงทำให้มีพวกชาวบ้านหลายๆ คนได้เข้าไปสอบถามคุณไอวี่ หรือกุลบุตรหนุ่มผู้มีจิตใจงดงามในภพชาตินั้น ถึงเรื่องนี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ส่วนว่า เหตุการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร คุณไอวี่หรือกุลบุตรหนุ่มผู้มีจิตใจงดงามในภพชาตินั้น จะสามารถตอบข้อสงสัยต่างๆ ของพวกชาวบ้านเหล่านั้นได้หรือไม่ อย่างไรนั้น เราก็คงจะต้องอดใจรอมารับฟังกันต่อในวันถัดไปสำหรับวันนี้ถ้าใครต้องการที่จะสร้างความดีอย่างอุกฤษฏ์แบบครอบครัวของคุณไอวี่ในภพชาตินั้น ก็ขอให้เริ่มต้นจากการหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันก่อน เพราะจุดเริ่มต้นของการทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่นั้นก็เริ่มต้นมาจากที่ใจของเราเองรับชมวิดีโอ
http://goo.gl/AseZL
พิมพ์บทความนี้
