เชียงตุงดินแดนพระพุทธศาสนาตอน วันออกพรรษาของชาวเชียงตุงวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 วันออกพรรษาของชาวเชียงตุง เป็นวันที่ทุกคนต้องไปวัดไปทำบุญ ในช่วงเช้า ชาวเชียงตุงจะหยุดงานกันทั้งเมือง ไม่เว้นแม้กระทั่งคนขับรถ รถทุกประเภท ทั้งรถสามล้อ รถตู้ จะหยุดรับผู้โดยสาร เพื่อพวกเขาจะได้ไปทำบุญที่วัด พอทำบุญเสร็จจึงมาทำงานต่อในวันออกพรรษา ชาวเชียงตุงจะไปวัดกันตั้งแต่เช้ามืด เวลาตี4 ผู้เฒ่า-ผู้แก่ จะใส่ชุดขาวมานอนวัดถือศีลแปด ผู้ที่มาถือศีลที่วัด จะหอบหิ้วนำสัมภาระมาจากบ้าน หรือที่พวกเราชาววัดพระธรรมกาย เรียกว่า “อุปกรณ์เข้าถึงธรรม” เตรียมมาเองจากบ้าน อย่างพร้อมเพรียง อุปกรณ์ที่ว่านั้นก็คือ เสื่อ หมอน ผ้าห่ม ข้าวของสำหรับทำบุญถวายพระ ไม้กวาด และต้องเป็นไม้กวาดใหม่ๆด้วย นำมาจากบ้านเพื่อนำมาทำความสะอาดวัด ซึ่งถือว่าเป็นหน้าที่ของชาวเชียงตุง ทุกคนที่เมื่อมาวัดแล้ว ต้องช่วยกันอุปัฏฐากพระ อุปัฏฐากวัดเริ่มต้นการมาถึงวัด ด้วยการกราบพระประธานในพระวิหาร และสวดมนต์เพื่อขอสมาทานที่อยู่อาศัย เสร็จแล้วก็หยิบไม้กวาดที่เตรียมมา เริ่มกวาดทำความสะอาดวัด (เหมือนกับวัดของเรา ที่ทุกคนช่วยกันเป็นเจ้าของบ้านเจ้าของวัด)เมื่อเสร็จแล้ว ชาวเชียงตุงก็จะนำอาหารที่เตรียมมา นำมาถวายพระพุทธเจ้า หลังจากพระภิกษุ สามเณร สวดมนต์ให้พรและกรวดน้ำอุทิศบุญกุศลให้บรรพบุรุษแล้ว ผู้มาอยู่วัดก็จะมาสวดมนต์ นั่งสมาธิ(Meditation)ประเพณีชาวพุทธที่สำคัญ และทำกันในวันนี้ทั่วทั้งเวียงเชียงตุง ในวันออกพรรษา คือ ประเพณีสัมมาคารวะผู้เฒ่า-ผู้แก่ ลูกหลานจะมาวัด มาสัมมาคารวะผู้เฒ่า-ผู้แก่ทุกคนที่มาวัด แม้ว่าจะไม่ใช่ญาติของตนก็ตาม โดยจะนำเทียน ดอกไม้ ของกิน ของใช้ ยารักษาโรค หรืออาจจะใส่เงินไว้ในพานด้วยก็ได้ (แล้วแต่ความพร้อมของแต่ละคน) ใช้เป็นสิ่งแทนในการสัมมาคารวะ และจะท่องบทสวดมนต์เป็นภาษาบาลีซึ่งประเพณีนี้ ดูแล้วคล้ายคลึงกับการปวารณาของพระภิกษุสงฆ์ การทำพิธีสัมมาคารวะ ก็เพื่อขอขมาที่อาจเคยทำสิ่งที่ผิดพลาดล่วงเกินซึ่งกันและกัน ผู้ที่มีอายุน้อยกว่าก็จะสัมมาคารวะผู้ที่มีอายุมากกว่าตอนเย็นลูกหลานก็จะไ็ปสัมมาคารวะผู้เฒ่า-ผู้แก่ตามบ้าน จะไปกันเป็นกลุ่มๆ ขึ้นบ้านโน้น ลงบ้านนี้ แล้วผู้เฒ่า-ผู้แก่ก็จะให้พรวันออกพรรษา จึงเป็นเสมือนวันครอบครัว ที่แสนอบอุ่น ที่ลูกหลานจะกลับมาบ้าน มาทำบุญและมาทำพิธีสัมมาคารวะผู้เฒ่า-ผู้แก่ หรือบรรพบุรุษ-บุพการีที่บ้านของตนคุณครูไม่ใหญ่: นี่เป็นความปรารถนาของคนสมัยก่อนที่อยากเห็นโลกเราเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมที่ดีงามเช่นนี้จึงได้ปลูกฝังคุณธรรมตั้งแต่เด็กๆ เพราะฉะนั้นตัวเล็กๆต้องช่วยกันช่วยกันสร้างโลกใบนี้ ให้เป็นโลกแก้วสำหรับพระภิกษุสงฆ์ตามวัดต่างๆ ก็จะมีการสัมมาคารวะพระผู้ใหญ่โดยจะทำ 2 ครั้ง คือ ช่วงเข้าพรรษา กับช่วงออกพรรษา โดยแต่ละวัดจะส่งตัวแทนไปกราบคารวะพระผู้ใหญ่ตามวัดต่างๆ ประเพณีนี้คล้ายคลึงกับประเพณีกราบทำวัตรพระผู้ใหญ่ของไทยนอกจากนี้ ในวันออกพรรษายังเป็นสัญลักษณ์ของความสว่างไสวของชีวิตของชาวเชียงตุง เพราะจะมีการถวายเทียน เรียกว่า “เทียนเหง” หรือประเพณีจุดเทียน 1,000เล่ม (เทียนเล่มเล็กๆที่ป้าเฮเลนถวายคุณครูไม่ใหญ่) แต่ก่อนยังไม่มีไฟฟ้า จึงจุดเทียนบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อส่องทางสว่าง ต้อนรับการเสด็จกลับจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หลังจากโปรดพุทธมารดา การถวายเทียนออกพรรษา ชาวบ้านจะขึ้นรถเดินทางไปถวายเทียนตามวัดต่างๆในเชียงตุง ตกกลางคืนก็จะมีการจุดเทียนตามวัดเมื่อถึงเวลา 6โมงเย็น ก็จะถึงเวลาสว่างที่สุดของชาวเชียงตุง ทุกๆวัดจะมี พิธีจุดไฟต้นแปก (ต้นแปก ทำมาจากไม้ฟืนของแต่ละบ้าน ที่ชาวเชียงตุงในแต่ละหมู่บ้านจะนำมารวมกันต่อประกอบเป็นโครงคล้ายต้นไม้ใหญ่ แล้วนำเปลือกสนมาหุ้มอีกชั้นหนึ่ง) โดยชาวบ้านจะมาช่วยกันทำที่วัด ก่อนออกพรรษา 2-3วัน เมื่อพิธีจุดต้นแปกเริ่มขึ้น ทำให้นึกถึง การจุดเทียนใจไฟนิรันดร์ อนันตชัย ที่พวกเราพร้อมใจกันจุดเทียนใจทุกวันอาทิตย์ ในช่วงเข้าพรรษาที่วัดพระธรรมกายแสงเทียนและภาพทุกภาพ ทุกกิจกรรม ในวันออกพรรษาที่เชียงตุง เป็นภาพที่ติดตาตรึงใจ ตอกย้ำให้พวกเราทุกคนที่ได้มาเยือนเชียงตุง เห็นถึงพลังศรัทธาของชาวเชียงตุง ที่ยึดมั่นในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างเคร่งครัด และถือปฏิบัติสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน เป็นแบบอย่างของวัฒนธรรมชาวพุทธอันดีงาม ที่ชาวโลกจะได้นำไปเป็นแบบอย่างเพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมที่ดีงาม แต่เสื่อมหายไปในยุคนี้ ให้หวนกลับคืนมาใหม่ เพื่อให้สมกับที่ยุคนี้เป็น ยุคของการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
http://goo.gl/6d5yY