เล่าเรื่องพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯโดย พระเดชพระคุณพระธรรมรัตนากรผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ เจ้าคณะเขตภาษีเจริญเรียบเรียงจาก คำบอกเล่าของพระเดชพระคุณพระธรรมรัตนากรพระเดชพระคุณพระธรรมรัตนากร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ เจ้าคณะเขตภาษีเจริญ ท่านเป็นพระอีกรูปหนึ่งที่บวชเรียนอยู่ที่วัดปากน้ำฯ ตั้งแต่ยังเยาว์วัย เมื่อครั้งอดีตยังเป็นสามเณร ท่านได้มีโอกาสอุปัฏฐากรับใช้ พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย อย่างใกล้ชิดพระเดชพระคุณพระธรรมรัตนากร ได้เมตตานำประสบการณ์และเหตุการณ์ ที่ท่านได้ยินได้ฟังจากพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯโดยตรง มาถ่ายทอดให้ทุกคนได้รับทราบถึงอานุภาพ และมโนปณิธานของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ดังต่อไปนี้...เมื่อปีที่ผมอยู่นั้น พ.ศ.2497 พอปี พ.ศ.2499 ที่วัดปากน้ำฯมีพระ-เณรเจ็ดร้อยกว่ารูป เป็นพระสามร้อยกว่ารูป เป็นสามเณรสามร้อยกว่ารูป ตอนนั้นที่พักมีไม่พอ หลวงพ่อต้องให้ไปพักบนโรงเรียนพระปริยัติธรรม หลังจากนั้น ผมก็ได้มีโอกาสได้ต้มน้ำชาถวายหลวงพ่อ ในจำนวนสามเณรสามร้อยกว่ารูป มีผม...สามเณรสงัด สะอาดเอี่ยม เพียงคนเดียวที่ได้ทำหน้าที่นี้ โดยในเวลาสี่โมงเย็นของทุกวัน ผมจะต้องไปต้มน้ำชาถวายหลวงพ่อ แล้วหลังจากนั้น เวลาที่หลวงพ่อจะสรงน้ำ ท่านก็จะเรียก “เณร...มาถูตัวให้หลวงพ่อหน่อย”หลวงพ่อได้คุยกับผมหลายเรื่อง แต่ผมจำได้บ้างไม่ได้บ้าง ที่จำได้ก็คือ ครั้งแรกท่านถามผมว่า...“เณร...รู้ไหม ชาวบ้านที่มาอยู่ข้างๆวัดนี้ เขามาอยู่อย่างไรกัน”ผมก็เรียนท่านว่า “เกล้ากระผมไม่ทราบหรอกครับ เขาคงมาอาศัยหลวงพ่ออยู่”ท่านก็พูดว่า “เออ...ไม่เห็นเขามาหาหลวงพ่อเลย”หลังจากนั้นก็คุยต่อไปอีก ท่านก็พูดว่า “เณร...เขาให้หลวงพ่อมาเกิดนี่...ให้มาปราบมาร” ผมก็อยากจะถามต่อแต่ไม่กล้า ผมอยากรู้มากๆเลยว่า หลวงพ่อมาจากไหน (หลวงพ่ออาจจะให้เราย้อนถามท่านว่า ท่านมาจากไหน แต่เราไม่กล้า) ผมก็ได้แต่คิดในใจว่า “เราจะถามใครดี” ก็ได้ไปถาม อาจารย์ตรีธา เนียมขำ (ปัจจุบันเป็นนายกสมาคมศิษย์หลวงพ่อวัดปากน้ำ)ถามว่า “พี่ธา...หลวงพ่อเคยพูดคำนี้ไหม”พี่ธาก็ตอบว่า “เคยพูด”“แล้วหลวงพ่อมาจากไหนล่ะ”พี่ธาได้ตอบว่า “หลวงพ่อแยกมาจากต้นธาตุต้นธรรม แยกกายออกมาจากต้นธาตุต้นธรรม เพื่อมาปราบมาร”ผมเคยได้ยินหลวงพ่อพูดว่า เหตุการณ์อะไรก็แล้วแต่ที่จะเกิดขึ้น หลวงพ่อจะทราบก่อนแล้ว เช่น บ้านเมืองไม่สงบ...อะไรต่างๆ ท่านจะสั่งให้แก้ให้หมด ดำให้เป็นขาวให้หมด ท่านจะทราบก่อน แล้วสั่งผู้ที่ได้วิชชาธรรมกายแก้ผัง สิ่งที่ไม่ดีให้กลับดีให้หมดเมื่อญาติโยมนำดอกมะลิมาถวายหลวงพ่อ ผมต้องถือดอกมะลิตามท่านไปยังที่พัก ท่านจะพักที่หลังกุฏิของท่าน เป็นเพิงหลังคามุงด้วยจาก เมื่อถึงที่พัก ท่านก็รับดอกไม้จากผม ท่านบอกว่า “เอาดอกไม้นี้ไปบูชาต้นธาตุต้นธรรม” แล้วท่านก็นำดอกมะลินี้มาทำพระผง (พระของขวัญ)มีครั้งหนึ่งที่หลวงพ่อป่วย ผมก็มีวาสนาได้เข้าไปปรนนิบัติหลวงพ่อ โดยจะมีการจัดเวรผลัดกันดูแลหลวงพ่อ เวรละสององค์ ผลัดละสองชั่วโมง แต่มีผมซึ่งเป็นเณรองค์เดียวที่ได้ไปอยู่คู่กับหลวงพ่อเล็ก คือ เจ้าคุณภาวนาโกศลเถระ (ธีระ คล้อสุวรรณ) ผมไปปรนนิบัติหลวงพ่อ ก็คือไปจดบันทึกอาการของท่าน ให้กับหมอที่มาทำหน้าที่รักษาท่านผู้ที่จะปรนนิบัติหลวงพ่อต้องนั่งสมาธิ(Meditation)ทุกคน แม้จะป่วยแต่หลวงพ่อก็จะเดินมาดูพระ-เณรที่มาปรนนิบัติ แล้วท่านก็จะพูดว่า “ดิ่งไว้นะ...ดิ่งไว้นะ...ดิ่งไว้นะ” คือ หมายความว่าให้จิตนิ่งหลวงพ่อเคยพูดว่า “อยากเผยแผ่วิชชาธรรมกายไปทั่วโลก” สมัยหนึ่งมีฝรั่งมาบวชที่วัดปากน้ำฯ เป็นชาวอังกฤษ หลวงพ่อมีความปรารถนาอย่างมากที่จะเผยแผ่วิชชาธรรมกายไปทั่วโลกในปัจจุบัน ผมนี้ชื่นชมมากๆที่เห็น วัดพระธรรมกาย ทำได้แล้ว ผมดีใจและปลื้มปีติมากๆ...อนุโมทนา...สาธุ ความปรารถนาของหลวงพ่อสด สำเร็จแล้วเรื่องราวชีวิตอันงดงามและทรงคุณค่าของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ที่พระเดชพระคุณพระธรรมรัตนากรได้เล่ามานี้ ทุกถ้อยคำแสดงถึงบารมีธรรมและมโนปณิธานอันไม่มีประมาณของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯว่า ท่าน คือ พระผู้ปราบมาร ที่ต้นธาตุต้นธรรมส่งมาเพื่อปราบมาร
http://goo.gl/9TufE