โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMCคำถาม: มีผู้สงสัยว่า พระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาโดยตลอด เมื่อมรณภาพลง และฌาปนกิจศพแล้ว กระดูกจะกลายเป็นพระธาตุได้อย่างไรครับ?คำตอบ: เรื่องนี้อธิบายได้ด้วยวิชาเคมี โชคดีว่าเมื่อก่อนที่หลวงพ่อจะบวช ได้มีโอกาสรวบรวมพระธาตุ และพระบรมสารีริกธาตุอยู่พอสมควร เราเรียกชื่อแตกต่างกันไป คือพระบรมสารีริกธาตุ หมายถึง กระดูกหรือพระอัฐิของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าส่วนพระธาตุ หมายถึง อัฐิของพระอริยเจ้า ตั้งแต่ระดับพระอรหันต์ลงมาจนถึงพระโสดาบัน รวมทั้งอัฐิของนักบวชที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบท่านอื่นๆ อัฐิหรือพระธาตุของนักบวชที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเหล่านี้ แต่ละท่านก็ยังมีลักษณะแตกต่างกันไปหลวงพ่อได้สะสมสิ่งเหล่านี้มาตั้งแต่ก่อนบวช ได้สัมผัสกับมือจึงพอจะเข้าใจว่ากระดูก หรืออัฐิกลายเป็นพระธาตุได้อย่างไร ความจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องการกลั่นธาตุนั่นเองในทางวิชาเคมีการกลั่นธาตุนั้น เราใช้คำว่าถลุง เช่น ถลุงเหล็ก ถลุงทองคำ วิธีถลุง เราถลุงด้วยไฟ ด้วยกรดหรือด้วยด่าง แต่ถ้าเป็นคนซึ่งทั้งเนื้อทั้งตัว คือองค์ประกอบของธาตุ ๔ ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งรวมตัวกันถูกส่วนพอเหมาะที่จะเป็นคนถ้าจะให้บริสุทธิ์เป็นคนสมคน ต้องใช้ศีล ๕ หรือศีล ๘ เป็นอุปกรณ์การถลุงบ้าง ใช้หิริโอตตัปปะ ใช้พรหมวิหาร ๔ ไปถลุงบ้าง หรือถ้าผู้ใดใช้มรรคมีองค์ ๘ ไปถลุง ก็จะยิ่งได้ความบริสุทธิ์เต็มที่ทั้งเนื้อทั้งตัว พระธรรมทั้ง ๘๔,๐๐๐ ข้อนั่นแหล่ะ คืออุปกรณ์การถลุงธาตุในตัวของคน ให้บริสุทธิ์ขึ้นมาตามลำดับๆ ในทางธรรมเรียกว่า กลั่นธาตุพระบรมสารีริกธาตุหทัยธาตุพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกลั่นธาตุของพระองค์ด้วยธรรมะ มานับภพนับชาติไม่ถ้วน เพราะฉะนั้นแม่แต่อัฐิของพระองค์ เมื่อปรินิพพานไปแล้ว ก็มีลักษณะใสเป็นแก้วกลมคล้ายๆ ไข่มุก ถึงจะเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก็มีลักษณะเฉพาะคล้ายๆ ไข่มุก ตามคัมภีร์กล่าวไว้ว่า พระองค์ได้ทรงอธิษฐานให้อัฐิของพระองค์แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ๘๔,๐๐๐ ชิ้น เท่าจำนวนธรรม ๘๔,๐๐๐ ข้อที่พระองค์ได้ทรงสั่งสอนไว้ส่วนพระธาตุของพระอรหันต์มีลักษณะกึ่งหินกึ่งกระดูก มีสีและขนาดแตกต่างกันไป เท่าที่ได้เคยเห็นเคยหยิบมากันมือ ก็อย่างเช่นพระธาตุของพระสารีบุตรพระสารีบุตร มีลักษณ์เหมือนบาตรคว่ำ แม้ชิ้นที่ใหญ่ขนาดหัวแม่มือก็คล้ายกับบาตรคว่ำ สัณฐานเป็นปริมณฑลบ้าง รีเป็นไข่จิ้งจกบ้างพระธาตุของพระโมคคัลลานะพระโมคคัลลานะ มีลักษณะเหมือนไข่นกปรอด มีสีคล้ายๆ หวายตะค้าพระธาตุของพระนางพิมพาเถรีพระนางพิมพาเถรี มีลักษณะเหมือนแป้งหยด เป็นหยดเหมือนหยดแป้งดินสอพอง สีออกคล้ายๆ ดอกมะลิแห้ง หรือดอกพิกุลแห้งพระธาตุของพระองคุลิมาลพระองคุลิมาล มีลักษณะเหมือนสากตำข้าว คือคอดกลางแม้ชิ้นเล็กชิ้นน้อยก็เป็นอย่างนั้นพระอนาคามี พระสกิทาคามี พระโสดาบัน มีลักษณะกึ่งหิน กึ่งกระดูก แต่มีความเป็นกระดูกมากกว่าหิน ลดหลั่นกันไปตามลำดับนี่เป็นผลของการกลั่นธาตุด้วยธรรมะมาตามลำดับ ตรงกันข้ามกับกระดูกของเราซึ่งยังมีกิเลสท่วมตัวอยู่ ถ้าเผาแล้วเอาไปกองรวมกับกระดูกวัวกระดูกควาย บางทีจะแยกไม่ออก มันเหมือนกันหมดเลย เพราะยังไม่ได้กลั่นสักทีคำตอบ: เชื่อเขาว่าหรือเปล่าล่ะ เขารู้ได้อย่างไรว่าท่านเป็นพระอรหันต์ เรื่องนี้ใครๆ ก็อย่าพยากรณ์เอาเอง มีตัวอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล พระสารีบุตรท่านเป็นพระอรหันต์แล้ว ขณะที่ท่านพักอยู่ ที่วัดพระเชตะวันมหาวิหารพระสารีบุตรผู้เป็นอัครสาวกเบื้องขวาท่านเป็นพระอรหันต์วันนั้นมีพระมาจากป่ารูปหนึ่ง ท่าทางเรียบร้อย ผิวพรรณผ่องใสงดงาม พระสารีบุตรเห็นเข้าก็นึกในใจว่า พระรูปนี้ท่าทางสำรวม ผิวพรรณดี สงบเสงี่ยมดีจังเลย อย่างนี้ถ้าเราเทศน์ให้ ฟังสักหน่อยเดียวรับรองสำเร็จเป็นพระอรหันต์แน่เลย ว่าแล้วท่านก็เดินเข้าไปหาพระรูปนี้ และก็ตั้งใจจะเทศน์ให้ฟังสักเรื่อง พอเทศน์ไปได้ ๒-๓ คำ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เสด็จตรงเข้ามาหาแล้วตรัสว่า “สารีบุตร ลูกเราผู้นี้ ชื่อว่าปุณณมันตานี เป็นพระอรหันต์ อย่างเธอแล้วนะ” ดูซิขนาดพระสารีบุตรยังดูไม่ออกว่าใครเป็นพระอรหันต์ แล้วเราคนธรรมดาจะรู้ได้อย่างไร ว่าใครเป็นพระอรหันต์ อย่าเที่ยวเดาๆ ไปเลยนะ เรื่องนี้มีแต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากับตัวของท่านผู้นั้นเองเท่านั้นที่รู้คำถาม: มีผู้สงสัยว่า อุบาสก อุบาสิกา ถ้าปฏิบัติธรรมจนกระทั่งบรรลุธรรมกายอรหัต เราจะเรียกท่านผู้นั้นว่าอะไร?อุบาสก อุบาสิกา ถ้าปฏิบัติธรรมจนบรรลุธรรมกายอรหัต ก็เรียกว่า "พระ"คำตอบ: อุบาสก อุบาสิกา เมื่อปฏิบัติธรรมจดหมดกิเลสจริงๆ ก็เรียกได้อย่างเดียวกันกับพระภิกษุที่หมดกิเลสนั่นแหล่ะ คือ "พระ"คำถาม: ผมมาวัดประมาณ ๖-๗ ครั้ง นั่งสมาธิติดต่อกันเกือบทุกวัน วันแรกเป็นเหมือนดวงอาทิตย์มีเมฆบัง วันต่อมาเห็นเหมือนแสงไฟฉาย มีคนมาบอกว่าให้เลิกนั่งสมาธิ เพราะจะเสียสติ จึงไม่แน่ใจว่าจะปฏิบัติอย่างไรดี?การฝึกสมาธิเป็นการฝึกให้มีสติ มิใช่ฝึกให้เสียสติคำตอบ: ฝึกต่อไปเถอะลูกเอ๊ย...เวลากำหนดนิมิตดวงแก้วหรือองค์พระก็ตาม จะเห็นชัดหรือไม่ชัด ก็ขอให้กำหนดต่อไป กำหนดเบาๆ ไม่ต้องไปกลัวอะไรทั้งนั้น ถ้าเห็นนิมิตหรืออะไรอยู่นอกตัว อย่างไปสนใจ ถ้าอยู่ในตัว ลอยขึ้นมาที่ศูนย์กลางกาย นั่นถูกแล้วประคองเอาไว้ให้มั่น ประคองให้อยู่ที่ศูนย์กลางกายตลอดเวลานะการฝึกสมาธิเป็นการฝึกให้มีสตินะลูก มิใช่ฝึกให้เสียสติ
http://goo.gl/cIJdJ