โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMCคำถาม: ในพระพุทธศาสนามีหลักการอะไรที่จะพิสูจน์ให้เราเห็นชัดว่า กฎแห่งกรรมมีจริง คือทำดีได้ดีจริง ทำชั่วได้ชั่วจริงและเราจะมีวิธีการพิสูจน์ได้อย่างไรว่า สิ่งนั้นเป็นกรรมที่เราทำเอาไว้ในชาติก่อน ?
คำตอบ: สำหรับคนทั่วไปค่อนข้างจะยากสักหน่อยหนึ่ง ที่จะรู้ว่าเมื่อเราไปเกิดในชาติหน้า ผลกรรมที่เราทำเอาไว้ในชาตินี้จะออกผลเป็นอย่างไรหรือชาติก่อนทำกรรมอะไรไว้ จึงมาเกิดเป็นอย่างนี้ เรื่องข้ามภพข้ามชาตินี่พิสูจน์ยากเอาง่ายๆ ดูผลในชาตินี้กันจะดีกว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราตรัสไว้ชัดเลยว่า “การกระทำอะไรก็ตามที่ทำแล้ว ร้อนเขา ร้อนเรา อย่าทำ เพราะเป็นกรรมชั่ว ไม่ดี การกระทำอะไรที่ทำแล้วร้อนเขาแม้จะเย็นเรา ก็ไม่ดี อย่าทำ แม้ที่สุดเย็นเขาแต่ร้อนเราก็ไม่ควรทำเช่นกัน เพราะเป็นกรรมที่ไม่ดี”กฎแห่งกรรมทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วกรรมไม่ดีเหล่านี้จะส่งผลทันตาเห็นเป็นความร้อนใจเดี๋ยวนั้นแหละ ไม่ต้องรอไปถึงชาติหน้าหรอก มีบ้างเหมือนกันในบางครั้งที่กรรมชั่วส่งผลช้าไปหน่อย แต่ก็ไม่ทันข้ามชาติต้องเดือดร้อนแน่ ตรองดูสักหน่อยก็จะเห็นจริง เพราะฉะนั้นในบางแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านจึงตรัสว่า การกระทำอะไร ที่ทำแล้วร้อนใจในภายหลัง อย่าทำ ขึ้นชื่อว่ากรรมชั่วแล้วไม่ทำเสียเลยจะดีกว่าสำหรับวิธีพิสูจน์ว่าสิ่งนี้เป็นผลกรรมที่ทำเอาไว้ก็มีอยู่ ไม่ยากอะไรที่จะไปรู้ไปเห็น ขอให้หมั่นฝึกสมาธิ(Meditation)เป็นประจำ นั่งสมาธิให้ได้ทุกวัน แล้ววันหนึ่งใจของเราจะใส พอใจใสความสว่างจะเกิดขึ้นในใจของเราโดยอัตโนมัติ แล้วเราก็อาศัยความสว่างนี่แหละย้อนไปดูภาพในอดีต ภาษาพระท่านเรียกว่า ระลึกชาติ เมื่อเราย้อนดูภาพในอดีต หรือการกระทำของเราแต่หนหลังได้ เราก็จะเข้าใจได้ว่าเพราะเราทำอย่างนี้ๆ จึงเกิดผลอย่างนั้นๆ ขึ้นมาเพราะฉะนั้น เราทำสิ่งใดในวันนี้ แล้วผลจะเกิดในวันพรุ่งนี้อย่างไร มะรืนนี้ ชาตินี้ ชาติหน้าอย่างไร เราจึงสามารถพิสูจน์ได้โดยวิธีฝึกสมาธิ ซึ่งใครๆ ก็ปฏิบัติได้ไม่ยากเกินไปนักคำถาม: อยากทราบว่าพระอานนท์ได้ลักษณะมหาบุรุษเหมือนกับพระพุทธเจ้าหรือไม่ พระอานนท์ทำงานอย่างไร ติดตามพระพุทธองค์ได้อย่างไร ขอความกรุณาหลวงพ่ออธิบายด้วยครับ ?
คำตอบ: พระอานนท์นั้น ไม่ได้ลักษณะมหาบุรุษสมบูรณ์อย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงแต่ได้ลักษณะคล้ายๆ กัน คือท่านบำเพ็ญบุญมามาก แต่ก็ไม่ถึงกับได้ลักษณะมหาบุรุษ ท่านติดตามรับใช้เป็นลูกศิษย์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามานับภพนับชาติไม่ถ้วน ชาตินี้จึงได้มาเกิดเป็น พระอนุชาพระอานนท์ พุทธอุปัฏฐาก ทำหน้าที่เสมือนเลขาส่วนพระองค์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อบวชแล้วก็ทำหน้าที่เสมือนเลขาส่วนพระองค์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เรียกว่า พุทธอุปัฏฐาก ที่สำคัญที่สุดเมื่อตอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าใกล้จะปรินิพพาน ได้ตรัสชมพระอานนท์ไว้ว่าอย่างนี้“อานนท์ พุทธอุปัฏฐากของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ในอดีตจะมีมากน้อยเท่าไร ก็ตามทีเถิด อย่างดีที่สุดก็มีความสามารถ ทำได้แค่เธอเท่านั้น ไม่มีใครสามารถเกินกว่าเธอเลย” นี้เป็นคำชมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ให้ไว้กับพระอานนท์คำถาม: ผู้ที่มีบุตรมากกับผู้ที่มีบุตรน้อย เป็นเพราะบุญกรรมอะไร ?
คำตอบ: มีบุตรน้อยก็มีเวรกรรมน้อย ยิ่งไม่มีเลยก็ไม่มีเวร เนื่องจากบุตรทำให้ทุกข์ยาก เป็นห่วงคล้องคอให้พะวงหน้าพะวงหลัง แต่ไม่ได้หมายความว่าคนไม่มีบุตรหมดเวรนะ พวกที่มีลูกมากเท่าไรยิ่งมีเวรมาก หลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ ท่านบอกว่าพวกลูกมากเมียมาก ผัวมาก พวกนี้เป็นขี้ข้ากามทั้งชาติ หลวงพ่อเองสลัดบ่วงนี้หลุดออกมาแล้วไม่เป็นขี้ข้ากาม มานั่งเป็นพระอยู่นี่สบายมากเลย เพราะฉะนั้นใครไม่ได้แต่งงาน ก็โชคดีแล้วนะมีบุตรน้อยก็มีเวรกรรมน้อย ไม่มีเลยก็ไม่มีเวร เนื่องจากบุตรทำให้ทุกข์ยากส่วนที่ว่าเป็นบุญกรรมอะไร หลวงพ่อไม่รู้หรอกว่าเป็นบุญหรือบาป เพราะไม่รู้ว่าลูกของเขาเป็นคนดีหรือคนชั่ว รู้แต่ว่าเป็นเวรกรรม คำว่าเวรแปลว่าผลัดกันเป็นคราวๆ ลูกบางคนอาจเกิดมาทวงหนี้เก่า? ก็ถือว่าเป็นผลบาปของพ่อแม่คู่นั้น ลูกบางคนพอเลี้ยงโตแล้วก็ตอบแทนพระคุณให้มากมาย อาจจะถือว่าเขามาชำระหนี้ให้แล้วแถมดอกเบี้ยให้ด้วย เป็นผลบุญของพ่อแม่ แต่ที่แน่ๆ คือเลี้ยงลูกแต่ละคนกว่าจะโต เป็นขี้ข้าลูกเสียอาน หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านจึงว่า คนลูกมากเมียมากเป็นขี้ข้ากาม
http://goo.gl/lahEc