โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMCคำถาม: หลวงพ่อครับ ผมและเพื่อนๆ ชอบเล่นสเก็ตน้ำแข็งมาก แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่ค่อยยอมอนุญาต บอกว่าห่วง ผมไม่เห็นมีอะไรน่าห่วงเลยครับ?
คำตอบ: ลูกพูดอย่างนี้ หลวงพ่อขอเป็นตัวแทนของลูก พูดไปถึงคุณพ่อคุณแม่ทางบ้านหน่อยนะ แล้วในเวลาเดียวกัน ก็จะเป็นตัวแทนของคุณพ่อคุณแม่ ตอบคำถามของลูกด้วยว่าคุณพ่อคุณแม่ท่านห่วงทำไม หลวงพ่อจะทำตัวเป็นกลางที่สุดนะขอเป็นตัวแทนคุณพ่อคุณแม่อธิบายให้คุณลูกฟังก่อนว่าทำไมต้องห่วง ทำไมไม่อยากอนุญาตในเรื่องบางเรื่อง สิ่งที่อยากให้คุณลูกได้รับรู้ไว้มี 3 เรื่องใหญ่ๆ คือเรื่องที่หนึ่ง การที่ลูกจะไปเล่นอะไรที่ไหนก็ตาม จะเป็นสเก็ตหรือสกีอะไรอีกก็ตามทีเถอะ การเที่ยวเล่นลักษณะนี้ที่แน่ๆ เลยคือ ค่าใช้จ่ายสูง คุณพ่อคุณแม่ต้องควักกระเป๋าแน่นอน ถ้าอนุญาต ลูกลองคิดดูซิว่ามันคุ้มกันไหม คุณพ่อคุณแม่เหนื่อยแทบตายกว่าจะหาเงินมาได้เป็นกอบเป็นกำ เสร็จแล้วเงินนั่นกลับกลายเป็นค่าความสนุกของเราไป เดี๋ยวนี้เงินทองก็ไม่ใช่หาง่ายๆ มันหายากนะ หรือแม้ว่าคุณพ่อคุณแม่ของคุณหนูจะมีฐานะดี เงินทองหาง่าย แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ ขอให้ลูกๆ วัยรุ่นทั้งหลายมองเรื่องนี้ให้กว้างๆ จะได้เข้าใจหัวอกคุณแม่คุณพ่อว่าเป็นธรรมดาที่ท่านต้องคิดว่าท่านต้องแก่ ต้องตายจากลูกไปแน่ๆ จะช้าจะเร็วไม่รู้ อะไรที่จะเป็นสมบัติทิ้งไว้ให้ลูกทุกคนได้ ท่านก็ยินดีจะเก็บสมบัตินั้นไว้มากกว่าที่จะปล่อยให้มันละลายไป เพราะตามใจลูกเรื่องเที่ยว เรื่องเล่นคุณหนูอาจจะแย้งว่า การเล่นสเก็ตน้ำแข็งเป็นการออกกำลังกาย ข้อนี้หลวงพ่อไม่เถียง แต่ว่าการออกกำลังกายนี่ ยังมีวิธีอื่นอีกตั้งมากที่จะทำให้ได้เรี่ยวแรง แล้วก็ได้สุขภาพพลานามัยดี ไม่น้อยหน้ากว่าเจ้าสเก็ตน้ำแข็งนี้ และวิธีนั้นก็ไม่ต้องใช้เงินอะไรเลยมุมมองตรงนี้ขอให้คุณหนูมองด้วย แต่ว่าถ้าจะไปเพื่อให้รู้จักโลกกว้าง ว่าเขามีอะไรกันบ้าง แล้วก็ได้สนุกด้วยได้สุขภาพพลานามัยดีด้วย แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็ฐานะดีมีเงินให้ลูกใช้มากมาย ก็ไปเถิด แต่ขอให้ไปเป็นครั้งเป็นคราว ประเด็นนี้อาจบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าไม่น่าห่วงเรื่องที่สอง คุณลูกควรจะต้องพิจารณาว่า เมื่อไปรวมกันที่ลานสเก็ตมากๆ ทุกคนล้วนเป็นวัยรุ่น วัยหนุ่มวัยสาว วัยรุ่นเป็นวัยที่กำลังจะต้องศึกษาว่า อะไรดี อะไรชั่ว อะไรบุญ อะไรบาป อะไรผิด อะไรถูก อะไรควร อะไรไม่ควร แม้จะสนใจศึกษาแต่ว่าจะไม่ค่อยถ่องแท้หรอกเพราะชีวิตวัยรุ่นผ่านโลกมาไม่นาน เมื่อรวมกันมากๆ โอกาสจะเกิดเรื่องไม่ดีไม่งาม ด้วยความคึกคะนองเกิดขึ้นได้ง่าย การต่อยการตีกัน เท่าที่เรามีอยู่บ่อยๆ รวมทั้งการคบเพื่อนต่างเพศด้วย ก็สมควรที่คุณพ่อคุณแม่ของเราท่านจะต้องห่วงนะเรื่องที่สาม ความปลอดภัย เรื่องนี้คุณพ่อคุณแม่ท่านเป็นห่วงมากที่สุด กลัวลูกจะหกล้มบาดเจ็บ กลัวอุบัติเหตุทั้งจากการเล่น และจากการเดินทาง กลัวไปสารพัด แต่ถ้าลูกอยากไปมาก ก็ขอให้ไปเป็นครั้งเป็นคราว แล้วก็ขอให้ไปกับเพื่อนๆ ที่มีความประพฤติเรียบร้อยด้วยกัน ไม่อย่างนั้นอาจมีเรื่องราวทะเลาะเบาะแว้งให้คุณพ่อคุณแม่ต้องเดือดร้อน แล้วก็ต้องเล่นด้วยความระมัดระวังด้วย จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว ต้องเข้าโรงพยาบาล เสียเงินเสียทองอีกด้วยเหตุผลดังกล่าวเป็นสิ่งที่ลูกๆ ต้องเข้าใจคุณพ่อคุณแม่ว่า ทำไมท่านจึงไม่ค่อยอนุญาตไม่อยากให้ไปเที่ยว ไปเล่นในสถานที่บางแห่งพ่อแม่เป็นห่วงลูกคราวนี้ขอพูดแทนคุณลูกบ้าง คุณพ่อคุณแม่ที่อยู่ทางบ้าน หลวงพ่อขอฝากข้อคิดไว้ว่า ลูกของเราเขาจะต้องโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต เขาจะต้องยืนหยัดอยู่ด้วยลำแข้งของตัวเองให้ได้ เราจะไปตามดูแลลูกจนกระทั่งตายจากกันไปข้างหนึ่งไม่ได้ เราคงจะต้องตายก่อนเขา ถ้าห่วงลูกรักลูกจริงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงสอนให้ไว้ว่า หน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นประการสำคัญ มี 5 ประการ คือ1. สอนให้ลูกเว้นจากความชั่ว2. สอนให้ลูกตั้งอยู่ในความดี3. ส่งเสริมให้ลูกได้ศึกษาศิลปวิทยา4. เมื่อถึงคราวที่ลูกจะมีคู่ครอง ให้ช่วยคัดเลือก ช่วยอธิบายให้เข้าใจว่าเหมาะสมหรือไม่เพียงไร5. เมื่อถึงเวลาสมควร ให้ยกทรัพย์สมบัติ ยกมรดกให้ลูกไปบริหารให้เกิดดอกออกผลเอาเองหน้าที่สำคัญมีอย่างนี้ แต่เท่าที่หลวงพ่อเห็นอยู่ขณะนี้คือ คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายอย่าว่าแต่จะไปสอนให้ลูกเว้นความชั่วตั้งอยู่ในความดีเลย แม้ตัวคุณพ่อคุณแม่เอง บางท่านก็ยังแยกไม่ออกว่าอะไรดีอะไรชั่วไม่รู้แม้กระทั่งเรื่องบุญบาปว่าเป็นอย่างไรบางคนทำตัวอย่างไม่ดีให้ลูกดูเสียด้วย อย่างนี้แหละที่น่ากลัวที่สุด คุณพ่อคุณแม่บางคนแยกออกได้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว แต่ว่าไม่ค่อยได้สั่งสอนอบรมลูกเท่าที่ควรจะเป็น ความรักความห่วงใยมีมากก็เลยทำให้ละล้าละลัง ห้ามลูกไม่ให้ไปโน่นไปนี่ เอาแต่ห้ามๆ ไม่อธิบายเหตุผล ขอให้คุณพ่อคุณแม่คิดพิจารณาบ้างเถิดว่า เราจะตามห้ามตามดูได้สักกี่ครั้ง ในที่สุดเขาก็ไปอีกจนได้ เพราะฉะนั้นแทนที่จะเอาแต่ห้ามว่าลูกเอ๋ยอย่าไปที่โน่นที่นี่ สู้เอาเวลาไปสอนให้ลูกรู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว อะไรถูก อะไรผิด อะไรควร อะไรไม่ควร จะดีกว่า แล้วต้องสอนบ่อยๆ แบบพร่ำสอนทีเดียว แล้วก็ทำสิ่งที่ดีๆ ให้ลูกดูด้วยคุณพ่อคุณแม่ยุคปัจจุบัน เท่าที่หลวงพ่อเห็น ไม่ค่อยรู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว แต่ว่าก็มีความเป็นห่วงลูกมาก อยากให้ลูกได้ดีรีบเอาลูกไปฝากตามโรงเรียนต่างๆ ที่มีชื่อเสียงว่าเป็นชั้นเยี่ยมของเมืองไทย ไปแย่งกันฝากลูกเข้าโรงเรียน จะเสียค่าแป๊ะเจี๊ยะเป็นหมื่นเป็นแสนก็ไม่เกี่ยง ขอให้ลูกฉันเข้าได้เถอะ พอให้เข้าได้แล้ว ก็คิดว่าลูกจะเป็นคนดีคนเก่ง เพราะครูเขาคงจะสอนให้ดีได้ก็ขอฝากไว้ในที่นี้ว่าคุณพ่อคุณแม่คิดผิดแล้ว เพราะการสอนเด็กให้รู้ดี รู้ชั่ว รู้บุญ รู้บาป เป็นเรื่องยาก ต้องอธิบายมากและต้องสอนเดี่ยวๆ หรือสอนกลุ่มเล็กๆ เพียง 2-3 คน ต้องอธิบายกันไป ประคบประหงมกันไป จึงจะสามารถให้ซึมซับเข้าไปในใจ ที่จะหวังให้คุณครูที่โรงเรียนสอนนั้น ขอบอกว่าหวังมากเกินไป สู้ทำตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนดีกว่า คือสอนลูกให้ละชั่ว ตั้งอยู่ในความดีให้ได้ก่อน แล้วจึงมุ่งมาที่เรื่องโรงเรียน เรื่องหาคู่ครองให้และเรื่องสมบัติใครทำได้อย่างนี้ก็เป็นอันสบายใจได้ ไม่ต้องตามห่วงว่าลูกจะไปอย่างนั้นอย่างนี้ ลูกจะรู้เองว่าเขาควรไปหรือไม่ควรไป แม้ที่สุดเรื่องการเล่นสเก็ต สกี หรืออะไรที่แปลกใหม่ที่พ่อแม่ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างไรเพราะตามโลกไม่ทันลูกก็สามารถวินิจฉัยตัดสินใจได้เองว่าควรไปหรือไม่ควรไปใครที่ห่วงลูก แล้วไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร ให้ทำอย่างที่หลวงพ่อว่า ไม่นานหรอกลูกจะเข้าใจบทบาทของลูก พ่อแม่ก็จะเข้าใจบทบาทของตน จะร่มเย็นเป็นสุขทั้งครอบครัว พ่อแม่ได้ลูกแก้ว ลูกก็ได้พ่อแก้วแม่แก้วไว้กราบไหว้จนวันตาย
http://goo.gl/mnuP6