อดีตรองประธานาธิบดีอเมริกา ถ่ายทอดเรื่องราวสภาวะโลกร้อน

 

“มนุษยชาติกำลังนั่งอยู่บนสุสานแห่งเวลา ถ้านักวิทยาศาสตร์โลกพูดถูก เรามีเวลาอีกเพียงสิบปีเท่านั้นที่จะปัดเป่าหายนะครั้งใหญ่ที่อาจทำให้ระบบอากาศของทั้งโลก

กลายเป็นเครื่องทำลายล้าง อาทิ สภาพอากาศอันรุนแรง น้ำท่วม ความแห้งแล้ง โรคระบาด และคลื่นความร้อนที่มีอำนาจทำลายร้ายแรงกว่าที่พวกเราเคยพบมา เป็นหายนะที่มนุษย์เราก่อขึ้นมาเอง” นักเขียนชื่อดัง มาร์ก ทเวน กล่าว 

 

ถ้าคำกล่าวข้างบนฟังเหมือนเป็นสูตรสำเร็จของความเศร้าสลดและการพิพากษา จงคิดดูใหม่อีกครั้ง จากฝีมือของผู้กำกับ เดวิส กุกเกนไฮม์ คือ ผลงานสุดฮิตจากเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์  “AN INCONVENIENT TRUTH”  ซึ่งนำเสนอมุมมองที่สร้างแรงบันดาลใจที่มีต่อความทุ่มเทของชายผู้หนึ่งซึ่งเปิดเผย

เรื่องราวและความเข้าใจผิดเกี่ยวกับภาวะอุณหภูมิโลกร้อนและก่อให้เกิดการกระทำ

เพื่อปกป้องสถานการณ์นี้   ชายผู้นั้นก็คืออดีตรองประธานาธิบดี อัล กอร์ ผู้ซึ่งหลังจากพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งปี 2000 เขาได้วางเส้นทางชีวิตใหม่โดยมุ่งเน้นไปที่ความพยายามที่จะช่วยโลกให้พ้นจาก

การเปลี่ยนแปลงที่ยากจะทำให้คืนดังเดิม

 
การนำเสนอภาพของ กอร์ และการออกตระเวนโชว์เพื่อเปิดเผยถึงเรื่องภาวะโลกร้อน กอร์ ทั้งตลก ทั้งน่าเอ็นดู เปิดเผย และตรงไปตรงมาเกี่ยวกับการนำเสนอความจริงที่เขาแสดงให้เห็นถึง “เรื่องเร่งด่วนของโลก” ต่อประชาชนธรรมดา ก่อนที่ทุกอย่าง จะสายเกินไป 
 
กอร์ เปิดเผยถึงที่มาตระเวนโชว์การแสดงครั้งนี้ว่า “ผมเริ่มศึกษาเรื่องนี้ในช่วงปลายยุค 60 เพราะได้รับการกระตุ้นเตือน จากโรเจอร์ เรเวลล์ อาจารย์คนหนึ่งของผมที่มหาวิทยาลัย ผมช่วยให้สภาคองเกรสหันมาใส่ใจกับเรื่องนี้เป็นครั้งแรกในช่วงปลายยุค 70 หลังจากที่ผมได้รับเลือกเข้าสู่สภาล่างของสหรัฐ ผมเริ่มพูดคุยกับพวกผู้นำของประเทศต่าง ๆ ในช่วงยุค 80 และได้จัดตั้งเครือข่ายระดับโลกลีจิสเลเตอร์เพื่อนำเสนอประเด็นนี้ ในฐานะวุฒิสมาชิกสหรัฐ และต่อมาก็คือในตำแหน่งรองประธานาธิบดี ผมได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการเจรจาถึงปัญหาเรื่องภาวะโลกร้อน ซึ่งรวมถึงการประชุมซัมมิทโลกที่รีโอเดจาเนโรในปี 1992 และที่การเจรจาเกียวโตโปรโตคอลในปี 1997 และเมื่อการศึกษาใหม่ ๆ ทางด้านวิทยาศาสตร์ได้ยืนยันและเจาะลึกถึงเหตุผลต่าง ๆ ผมเริ่มเข้าใจถึงภารกิจที่จะต้องเผยแพร่ถึงความเร่งด่วนของวิกฤตินี้ในฐานะที่เป็นภารกิจหนึ่ง แต่ผมยังทำงานนี้ไม่เสร็จ ผมได้เรียนรู้ทุกวันว่าจะสื่อสารถึงเรื่องนี้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อย่างไร”.
 
ที่มาจากหนังสือพิมพ์