เมื่อ 16 มี.ค. บีบีซีรายงานว่า องค์การบริหารมหาสมุทรและสภาพบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือเอ็นโอเอเอ เปิดรายงานระบุว่า ในปี 2550 เป็นปีที่ซีกโลกเหนือร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ในรอบกว่า 125 ปี อันเป็นผลมาจากอุณหภูมิพื้นดินและมหาสมุทรตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีก่อนถึงก.พ.ปีนี้เพิ่มขึ้น 0.72 องศาเซลเซียส เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญเป็นสาเหตุสำคัญ โดยเป็นระดับอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มบันทึกสถิติอุณหภูมิโลกเมื่อปี 2423 แต่รายงานไม่กล่าวโทษว่าโลกร้อนเพราะฝีมือมนุษย์
รายงานของเอ็นโอเอเอกล่าวว่า อุณหภูมิของซีกโลกเหนือสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 0.2 องศาเซลเซียส ทุกๆ 10 ปี โดยตั้งแต่ปี 2538 ซีกโลกเหนือทำสถิติร้อนที่สุดอย่างต่อเนื่องมา 10 ปี และคาดว่าปีนี้จะร้อนยิ่งขึ้นไปอีก โดยมีสาเหตุจากปรากฏการณ์เอลนีโญที่เป็นการไหลย้อนกลับของกระแสน้ำอุ่นไปแทนที่กระแสน้ำเย็นในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งมีจุดวิกฤตที่สุดเมื่อปี 2540-2541 เป็นปัจจัยทำให้อากาศร้อน ส่งผลให้ฤดูหนาวในยุโรปปีนี้หิมะตกน้อยกว่าปกติ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจสถานตากอากาศและการเล่นสกีหิมะ
นายเจย์ ลอว์ริมอร์ เจ้าหน้าที่ศูนย์ข้อมูลสภาพอากาศแห่งชาติของเอ็นโอเอเอ กล่าวว่า มีหลายปัจจัย รวมถึงปรากฏการณ์เอลนีโญในแปซิฟิก ส่งผลให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นในระยะยาว แต่ไม่ได้ชี้ว่าทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากอิทธิพลของก๊าซเรือนกระจกซึ่งเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์
อย่างไรก็ตามเมื่อเดือนก่อนคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือไอพีซีซี ของสหประชาชาติ ชี้ว่า ก๊าซเรือนกระจกอย่างน้อย 90% ที่มนุษย์สร้างทำให้โลกร้อนขึ้นและภายในปี 2643 โลกน่าจะร้อนขึ้นอีก 1.1-6.4 องศาเซลเซียส
ที่มา-
http://goo.gl/Ub8ns