เวลลิงตัน-เครื่องบินชิลีหวิดวอดกลางอากาศ หลังกลุ่มลูกไฟเชื่อว่าเป็นอุกกาบาตตกล้อมหน้าล้อมหลังห่างจากเครื่องฉิวเฉียดแค่ 20 วินาที รัสเซียยันไม่ใช่ขยะอวกาศของตัวเอง
นายเคน มิทเชลล์ โฆษกสายการบินนิวซีแลนด์ที่ดูแลการจราจรทางอากาศในภูมิภาคมหาสมุทรแปซิฟิกใต้แถลงเมื่อวันพฤหัสบดี (29 มี.ค.) ว่าเครื่องบินแอร์บัส เอ 340 ของสายการบินแลนของชิลีที่เดินทางจากกรุงซานติอาโกไปยังนิวซีแลนด์หวิดเกิดโศกนาฏกรรม หลังลูกไฟซึ่งไม่ทราบที่มาที่ไปแต่เชื่อว่าอาจจะเป็นอุกกาบาตจากนอกโลกที่กำลังลุกไหม้จำนวนมากพุ่งลงมาในเส้นทางบินก่อนหน้าที่เครื่องบินจะบินไปถึงจุดที่อุกกาบาตตกเพียง 20 วินาทีรายงานข่าวเผยว่า วัตถุนี้พุ่งลงมาทั้งด้านหน้าและด้านหลังของเครื่องบิน หลังจากเครื่องบินลำนี้เข้าสู่น่านฟ้าของนิวซีแลนด์ได้เพียง 10 นาทีเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา โดยสายการบินเผยว่า นักบินที่ไม่ได้รับการเปิดเผยชื่อได้เห็นภาพลูกไฟเหล่านี้ตกลงมากับตา โดยอยู่ห่างจากเครื่องบินไปราว 9.2 กิโลเมตรหรือเพียง 20 วินาทีก่อนเครื่องบินจะไปถึง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเผยว่า ไม่นานพอที่นักบินจะหาทางหลบหลีกได้ทัน
หลังเกิดเหตุ นักบินได้รายงานเหตุการณ์นี้กับทางการชิลีและนิวซีแลนด์ ขณะที่เจ้าหน้าที่จากองค์การบริหารการบินและอวกาศสหรัฐ (นาซา) หลายคนกล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้อาจจะเป็นการเฉียดชนอุกกาบาตมากที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้น
เบื้องต้นหลายฝ่ายคาดว่า ลูกไฟที่ตกลงมานี้อาจจะเป็นขยะอวกาศของรัสเซียที่มีกำหนดจะตกโลกในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน แต่ถือเป็นเหตุผิดปกติมากที่ขยะอวกาศจะตกลงในมหาสมุทรแปซิฟิกใต้ โดยนายมิทเชลล์ กล่าวว่า ที่ผิดปกติมากกว่านั้นคือมีเครื่องบินอยู่ท่ามกลางลูกไฟเหล่านี้ ขณะที่ทางรัสเซียปฏิเสธไม่ใช่ขยะอวกาศของตัวเอง เนื่องจากลูกไฟที่ตกลงมานี้ร่วงลงมายังโลกก่อนหน้าที่ยานขนส่งสินค้าจะกำหนดตกสู่โลกนานถึง 12 ชั่วโมง
สำนักงานอวกาศรัสเซียแถลงว่า ก่อนหน้านี้ได้แจ้งเตือนสำนักงานการบินเรื่องเวลาที่ยานส่งของโพรเกรส เอ็ม-58 จะตกลงสู่โลกในมหาสมุทรแปซิฟิกทางฝั่งตะวันออกของนิวซีแลนด์ราว 11.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา 23.30 น.ของคืนวันอังคารตามเวลาสากล ซึ่งเป็นเวลาที่เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์เครื่องบินอยู่ท่ามกลางกลุ่มลูกไฟถึง 12 ชั่วโมง อีกทั้งยังเป็นเวลาที่ตัวยานโพรเกรสยังติดอยู่ที่สถานีอวกาศนานาชาติ (ไอเอสเอส) ด้วยซ้ำ
ด้าน นายนิโคลาส จอห์นสัน ประธานคณะนักวิทยาศาสตร์ด้านขยะอวกาศที่โคจรอยู่นอกโลกเผยว่า ดูเหมือนเหตุการณ์ทั้ง 2 เหตุการณ์จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน หากไม่มีฝ่ายใดบอกเวลาผิดพลาด อีกทั้งยังไม่มีรายงานใดๆ จากระบบเฝ้าระวังทางอากาศของสหรัฐที่ระบุด้วยว่า จะมีขยะอากาศตกลงมาในช่วงเวลานั้น จึงเป็นไปได้ว่า ลูกไฟเหล่านั้นเป็นอุกกาบาต ซึ่งมักจะตกลงสู่โลกวันละประมาณ 50 ชิ้น แต่ส่วนใหญ่จะถูกเผาไหม้จนหมดจากการเสียดสีในชั้นบรรยากาศ
ที่มา-
http://goo.gl/ePeQ2