ดรุณสิกขาลัยปั้นว่าที่วิศวกร นำร่องรับคน-สภาอุตฯผนึกมจธ.ร่วมสอน

 

 

 

 

 

 

 

โรงเรียนดรุณสิกขาลัยเปิดห้องเรียนวิทยาศาสตร์ปั้นเด็กให้เป็นวิศวกรมาพัฒนาชาติ 

เผยปีแรกรับ 30 คน

ก่อนขยายผลรับเพิ่มให้ครบ 90 คนใน 3 ปี ด้านสภาอุตสาหกรรมดูแลร่างหลักสูตรการสอน 

ขณะที่ "พระจอมเกล้าธนบุรี" สวมบทมหาวิทยาลัยพี่เลี้ยง 

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 

เพื่อจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนดรุณสิกขาลัย โดยมุ่งเตรียมความพร้อมสำหรับการศึกษาต่อ

ในหลักสูตรวิศวกรรมในอนาคต 

เพื่อตอบสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรมระดับชาติ ที่นับวันจะขาดแคลนวิศวกรผู้เชี่ยวชาญมากขึ้น 

 

รศ.ดร.ไกรวุฒิ เกียรติโกมล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) กล่าวว่า 

ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ที่โรงเรียนดรุณสิกขาลัย มุ่งผลิตวิศวกร ซึ่งต่างจากโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ 

ที่มุ่งผลิตนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ 

โดยกำหนดเปิดห้องเรียนในปี 2551 เป็นปีแรก กับนักเรียนนำร่อง 1 ห้องเรียน 30 คน 

และจะทยอยเพิ่มจนครบ 3 ห้องภายใน 3 ปี

ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนเป็นโครงการที่ริเริ่มโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

และมีสถาบันอุดมศึกษาทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้แก่โรงเรียนนั้นๆ เช่น 

มจธ.ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงของโรงเรียนดรุณสิกขาลัย 

ด้วยการส่งอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะวิทยาศาสตร์ ไปร่วมสอนด้วย 

โดยเน้นการเรียนสอนแบบบูรณาการวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ มากกว่าการเรียนมัธยมศึกษาปกติ 

นอกจากนี้เด็กในห้องเรียนวิทย์จะได้ทำโครงงานมากกว่าการท่องตำรา 

ทั้งยังได้รับสิทธิพิเศษในการใช้ห้องปฏิบัติการของ มจธ.

และเครื่องมือที่ทันสมัยในโรงงานอุตสาหกรรม ที่เป็นสมาชิกของสภาอุตสาหกรรมด้วย 

นอกจากการสนับสนุนในระดับมัธยมศึกษาแล้ว 

หากนักเรียนคนไหนมีความประสงค์ จะเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย แล้วไม่มีเงินทุน 

ทางมหาวิทยาลัยก็จะมีทุนรองรับ เช่น ทุนเพชรพระจอมเกล้าจนกระทั่งเรียนจบ 

พร้อมกับมีงานมารองรับให้อีกด้วย

นายสันติวิลาสศักดานนท์ ประธานอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า 

ความร่วมมือดังกล่าว สภาอุตสาหกรรมจะดูแลการร่างหลักสูตรการสอน 

ให้สอดคล้องกับความต้องการบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 

ในภาคอุตสาหกรรมของประเทศ 

พร้อมทั้งจะสนับสนุนทุนการศึกษาเพิ่มด้วย จากเดิมที่นักเรียนในโครงการห้องเรียนวิทย์ 

ได้รับงบอุดหนุนรายหัว 2 แสนบาทต่อปี

จากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ

 

 

 

 

ที่มา-