ในโอกาสสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จเป็นผู้แทนพระองค์ทรงเปิดการประชุมใหญ่คณะแม่ชีไทย ของมูลนิธิแม่ชีไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ ณ มหาวิทยาลัยมกุฎราชวิทยาลัย วัดบวรนิเวศวิหาร แม่ชีประทิน ขวัญอ่อน ประธานมูลนิธิแม่ชีไทยฯกราบทูลรายงานการดำเนินงานมูลนิธิฯ อาทิ โครงการต่อเนื่องด้านการเรียนการสอนธรรมศึกษา อภิธรรมศึกษาและภาษาบาลี ,โครงการระยะสั้นเฉพาะกิจด้วยการจัดค่ายคุณธรรม ศีลธรรม โครงการปฏิบัติธรรม โครงการฝึกอบรมแม่ชีวิทยากรและโครงการฝึกอบรมวิชาชีพเสริมรายได้ชุมชนจำนวนแม่ชีร่วมประชุมในปีนี้ประมาณ 200 ท่าน ซึ่งลดน้อยกว่าปีที่ผ่านมาเป็นจำนวนมาก โดยจากการเปิดเผยของแม่ชีจำเนียร กำเหนิดโทน จากวัดชนะสงคราม ซึ่งบวชชีนาน 34 ปี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ แม่ชีเข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนนับพันท่าน แต่เนื่องด้วยปัจจุบันแม่ชีมีภารกิจเพิ่มขึ้น นอกจากหน้าที่หลักคือทำอาหาร ยังช่วยด้านการศึกษา จึงไม่สามารถละทิ้งงานมาร่วมประชุมได้จำนวนมากเหมือนก่อน
“โดยเฉพาะแม่ชีที่ศึกษาถึงระดับปริญญาโทและปริญญาเอก จะออกสอนหนังสือกันมาก รวมทั้งโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ อย่างสถาบันแม่ชีไทยที่อ.ปากท่อ จ.ราชบุรีจะมี มูลนิธิธรรมจารินีวิทยาฯ ซึ่งแม่ชีอุปถัมภ์เด็กกำพร้าได้เรียนฟรีจนจบระดับปริญญาตรี โดยค่าใช้จ่ายที่ได้ จะมาจากเงินบริจาคของญาติโยม”
แม่ชีจำเนียร กล่าวว่านอกจากนี้แม่ชียังช่วยสอนในค่ายธรรมะตามคำเชิญจากโรงเรียนต่างๆ โดยแม่ชีอบรมแยกเฉพาะนักเรียนหญิง ส่วนพระจะแยกอบรมนักเรียนชาย ซึ่งการเข้าค่ายธรรมะได้ผลมาก นักเรียนมีจิตสำนึกดีขึ้น แค่ 7 วันสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมเด็กนักเรียนมัธยมชั้นม.2-ม.3 จาก 4 วันแรกที่แสดงให้เห็นว่าไม่รับ บอกให้นั่งพับเพียบก็นั่งขัดสมาธิ(Meditation) แต่จากนั้น 3 วันหลัง เมื่อเข้าใจแล้วว่า เราไม่ได้หวังอะไรจากเขาเลย นอกจากหวังให้เป็นคนดี เขาก็จะฟัง โดยเราให้เปิดใจเป็นกลุ่มๆ เด็กจะมีความอ่อนน้อมขึ้น
จากความเข้าใจของผู้คนส่วนใหญ่ในสังคม ว่าผู้หญิงที่ตัดสินปลงผมบวชเป็นแม่ชี มักประสบปัญหาชีวิต จึงเลือกหันเข้ามาพึ่งพระธรรมเพื่อดับทุกข์ แม่ชีจำเนียรชี้แจงในกรณีนี้ว่า แม่ชีถึงร้อยละ 80 ที่ก้าวเข้ามาอยู่ใต้ร่มเงาของพระพุทธศาสนาเต็มตัว ล้วนมาจากความเลื่อมใสศรัทธาส่วนบุคคลในศาสนาพุทธทั้งสิ้น มีเพียงส่วนน้อยที่บวชชีเพราะปลงเรื่องความรัก ซึ่งมักเป็นในกลุ่มหญิงวัยกลางคนที่สามีมีภรรยาใหม่
แม่ชีจำเนียรย้ำว่า “ถ้าอกหักมา บวชไม่ได้หรอก เพราะใจร้อนรุ่ม การบวชชีเป็นเรื่องบุญเรื่องกรรมด้วย หากไม่มีบุญก็บวชไม่ได้ ส่วนใหญ่แม่ชีเลื่อมใสแล้วมาบวช ไม่เช่นนั้นอยู่ไม่ได้ จะอยากออกไปแต่งตัวสวยข้างนอก บางคนบวชตั้งแต่อายุ18 กระทั่งอายุ 80 ตายในผ้าขาวเลยด้วยซ้ำ ตัวแม่ชีเองหากให้สึกออกไปอยู่บ้าน จะเป็นทุกข์มาก เพราะชอบสวดมนต์อยู่ที่วัด ชอบที่ได้นำธรรมะไปเผยแผ่ ชีวิตแม่ชีเหนื่อยกว่าอยู่บ้านอีก”แม่ชีธัญพร นวพิริยนนท์ บวชเป็นแม่ชีตั้งแต่อายุ 23 ปี ปัจจุบันศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาพุทธศาสตร์ เอกปรัชญา ที่มหาปชาบดีเถรีวิทยาลัย จ. นครราชสีมา วิทยาลัยพระพุทธศาสนาสำหรับแม่ชีและสตรีทั่วไปแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย กล่าวถึงเหตุที่ทำให้อยากบวชชีและอยู่ใกล้ชิดพระพุทธศาสนา เป็นเวลาหนึ่งพรรษาแล้วว่า เกิดจากแรงบันดาลใจง่ายๆ เมื่อชีวิตเกิดทุกข์ โลกแห่งธรรมได้ชี้นำหนทางพ้นทุกข์ให้ได้ประจักษ์แจ้ง ทั้งที่ช่วงชีวิตวัยรุ่นทั่วไปที่จ.พะเยา ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ใช่คนเคร่งศาสนา ทางบ้านก็ไม่ได้สนับสนุน กระทั่งได้เข้ามาเรียนที่วิทยาลัยแห่งนี้จากการแนะนำของพระสงฆ์ที่นับถือรูปหนึ่ง“ตอนแรกที่ไม่ได้เข้ามาเรียน รู้สึกเหมือนอยู่คนละโลก ไม่รู้ว่าจะได้มาเรียนอย่างเจาะลึกมากขนาดนี้ ได้เห็นแม่ชีทุกวัน เมื่อได้เรียนก็คิดว่า มีโอกาสก็อยากบวช จึงตัดสินใจบวช เพราะถ้าใช้ชีวิตปกติ คงได้แต่ทำมาหากิน พอได้สัมผัสแล้ว เราก็จะเทียบว่าทางโลกกับทางธรรมเป็นอย่างไร หลังจากเรียนได้10 กว่าวิชาในเทอมกว่าๆ รู้สึกชอบโลกทางธรรมมากกว่า อยากบวชตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”
“การที่เราทุกข์ใจ จะหาอะไรกลบไว้ก็ไม่หาย เราต้องดูตัวเอง แล้วก็จะสงบ ไม่ทุกข์ไม่ร้อน”แม่ชีธัญพรยืนยันว่า มีหญิงสาววัยรุ่นหลายรายตัดสินใจบวชเป็นแม่ชีตั้งแต่อายุ 18-19 ปี ซึ่งแม่ชีอายุน้อยๆประมาณ18-19 ปี หรือ 20 ปีต้นๆ อยู่ที่สถาบันแม่ชีไทย สาขาปากท่อ จ.ราชบุรี จำนวนมาก ในจำนวนนี้มีลูกสาวนายพลคนหนึ่ง อายุ 21 ปี ทางบ้านฐานะดี ยังมาบวชชี โดยพ่อแม่สนับสนุน คนมักคิดว่าแม่ชีสาวๆอกหักแล้วมาบวช แต่จริงๆ เกิดจากความเลื่อมใสส่วนตัวจริงๆส่วนมากมาเรียนแล้วชอบ เมื่อมีโอกาสก็อยากบวช ทุกคน ซึ่งจะต้องมีโอกาสคือ การได้เข้ามาเรียนธรรมตรงนี้ และมีเหตุปัจจัยคือ เกิดความเลื่อมใสจนอยากบวช
“ที่มหาปชาบดีฯ แม่ชีจัดเวรออกบิณฑบาตเอง ตั้งแต่ 6โมงครึ่ง ถ้าเป็นแม่ชีที่อยู่วัด พระเป็นผู้ออกไปบิณฑบาต แม่ชีรับประทานอาหารมื้อเช้าและเพล ถือศีล8 ทำวัตรเช้า-เย็น สวดมนต์เช้า-เย็น ที่นี่มีหอพักให้แม่ชีและอุบาสิกาแยกพักคนละชั้น ตอนนี้กำลังก่อสร้างหอพักเพิ่มเพื่อแยกให้แม่ชี พ่อแม่มาเยี่ยมแม่ชีที่นี่ได้ตลอดเวลา แม่ชีจะกลับบ้านก็ได้มากสุด7 วัน”“แม่ชี” เป็นพุทธศาสนิกชน เพศหญิง นุ่งขาวห่มขาว โกนศีรษะ อาศัยในวัดเช่นเดียวกับพระภิกษุ ในทางพุทธศาสนา มิได้ถือว่าแม่ชีเป็นนักบวช แต่เป็นหนึ่งในพุทธบริษัทสี่ คือเป็นอุบาสิกา เท่านั้น
การจัดประชุมใหญ่แม่ชีไทย ดำเนินต่อเนื่องปีละครั้งในวันที่ 7-9 เมษายน เป็นเวลานานกว่า 30 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้แม่ชีจาก 25 สาขาทั่วประเทศ ที่จดทะเบียนขึ้นกับสถาบันแม่ชีไทย มีโอกาสเดินทางมาพบปะเพื่อร่วมพูดคุยและรายงานถึงโครงการสร้างสรรค์สังคมต่างๆ ที่เหล่าแม่ชีในแต่ละสาขาได้ดำเนินการตลอดห้วงปีที่ผ่านมา ตามเจตนารมณ์หลักที่สถาบันแม่ชีไทยกำหนดให้แม่ชีทำงานช่วยเหลือสังคม
สำหรับผู้หญิงที่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ประสงค์จะบวชชี สามารถติดต่อขอใบรับรองจากวัดหรือสถานปฏิบัติธรรมเพื่อให้ผู้ปกครองรับรอง ก่อนเข้าสู่พิธีบวชชี โดยปัจจุบัน แม่ชีจะมีบัตรประจำตัวประชาชนแบบฆราวาสทั่วไปหนึ่งใบ ที่ขึ้นทะเบียนตามทะเบียนบ้าน และภายหลังบวชชีจนครบวาระ 5 ปี จึงสามารถทำ “ใบสุทธิบรร” ซึ่งเป็นใบรับรองสถานภาพว่าเป็นแม่ชีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยใบนี้จะขึ้นทะเบียนตามทะเบียนวัดที่แม่ชีพำนัก.
ที่มา-
http://goo.gl/mSvPU