สาเหตุที่ทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อมจากอินเดียทั้งๆที่พระพุทธศาสนากำเนิดในอินเดีย และแผ่ขยายเจริญรุ่งเรืองไปในดินแดนต่างๆทั่วโลก พระพุทธศาสนาในอินเดียเองกลับเสื่อมลง จนในยุคหนึ่งกล่าวได้ว่า แทบไม่มีชาวพุทธหลงเหลืออยู่เลย ที่เป็นเช่นนี้มาจาก 2สาเหตุหลักดังต่อไปนี้1. สาเหตุภายในพระพุทธศาสนา มีพระสงฆ์เป็นผู้นำ โดยมีวัดเป็นศูนย์กลาง ในระยะแรกพระสงฆ์ที่บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์มีอยู่เป็นจำนวนมาก ปฏิบัติตนเป็นผู้นำเป็นแบบอย่างแก่พระภิกษุสงฆ์อื่นในการเผยแผ่พระศาสนา เป้าหมายการบวชในสมัยนั้นคือบวชเพื่อมุ่งพระนิพพานกันจริงๆ ให้ความสำคัญทั้งการศึกษาปริยัติและการปฏิบัติควบคู่กันไป นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เผยแผ่สั่งสอนประชาชน ให้ปฏิบัติตามต่อไป พระพุทธศาสนาจึงเจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างรวดเร็วต่อมาผู้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์มีจำนวนน้อยลง ในหมู่พระสงฆ์ก็มีทั้งผู้ที่มีใจรัก มีความเชี่ยวชาญทางด้านปริยัติและผู้ที่เชี่ยวชาญในด้านปฏิบัติ แต่เนื่องจากการศึกษาปริยัติเป็นสิ่งที่สามารถวัดความรู้ได้ ในขณะที่ธรรมปฏิบัตินั้นเป็นสิ่งที่รู้เฉพาะตน เป็นของละเอียด วัดได้ยาก และพระสงฆ์ผู้เชี่ยวชาญด้านธรรมปฏิบัติ มักมีใจโน้มเอียงไปในทางแสวงหาความสงบสงัด มักไม่ชอบการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ เมื่อเป็นเช่นนี้ หลังจากเวลาผ่านไป พระภิกษุสงฆ์ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านปริยัติ จึงขึ้นมาเป็นผู้บริหารคณะสงฆ์ไปโดยปริยาย เมื่อพระภิกษุรุ่นใหม่ๆเกิดขึ้น จึงมักได้รับการฝึกอบรม ในด้านพระปริยัติธรรมเป็นหลัก ส่วนธรรมปฏิบัติก็ค่อยๆ ลดน้อยถอยลงต่อมาเมื่อศึกษา มากขึ้นๆ ก็มีพระภิกษุที่เป็นนักคิด นักทฤษฎีจำนวนหนึ่ง ทนการท้าทายจากนักคิดนักปรัชญาของศาสนาอื่นๆไม่ได้ เมื่อถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องอภิปรัชญา เช่น โลกนี้โลกหน้า มีจริงหรือไม่, จิตมีการรับรู้ได้อย่างไรจึงได้เกิดแนวคิดของพระนักทฤษฎีสำนักต่างๆเพิ่มขึ้น ผลที่เกิดคือ เกิดความขัดแย้งในหมู่ชาวพุทธ และพระพุทธศาสนาได้กลายเป็นศาสนาที่มีหลักคำสอนสลับซับซ้อน จนชาวบ้านฟังไม่เข้าใจ ประหนึ่งว่าพระพุทธศาสนากลายเป็นศาสนาของพระภิกษุเท่านั้น ส่วนชาวพุทธทั่วไปกลายเป็นชาวพุทธแต่ในนาม ไปวัดทำบุญตามเทศกาลตามประเพณีเท่านั้นขณะเดียวกัน ก็มีพระภิกษุอีกกลุ่มหนึ่ง ได้หันไปปฏิบัติตามใจชาวบ้าน ซึ่งต้องการพึ่งพาอำนาจลึกลับและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงมีการเล่นเครื่องราง, ของขลัง, เวทมนตร์, คาถาต่างๆ วัตรปฏิบัติย่อหย่อนลงสรุป สาเหตุภายใน คือ
แนวคิดทฤษฎีของนักปริยัติ ที่ทะเลาะเบาะแว้งกันไม่จบสิ้น พระภิกษุตามใจชาวบ้าน หันมาใช้เครื่องรางของขลัง เวทมนตร์ คาถา ในขณะที่ธรรมปฏิบัติ อันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา กลับถูกละเลยไป พระพุทธศาสนาในอินเดียจึงอ่อนแอลง2.สาเหตุภายนอกเมื่อพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง ศาสนาพราหมณ์ก็สูญเสียศาสนิก จึงโจมตีพระพุทธศาสนาบ้าง พยายามหยิบยกเอาคำสอนของพระพุทธศาสนาไปดัดแปลงเป็นคำสอนของตนบ้าง ปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมเทพเจ้าที่นับถืออยู่บ้าง จนกลายเป็นฮินดูวิธีการกลืนศาสนาพุทธให้เป็นฮินดูสรุปได้ 4วิธี คือ
แต่งเรื่องให้พระพุทธเจ้าเป็นอวตารปางหนึ่งของพระวิษณุ อธิบายหลักธรรมในพระพุทธศาสนาให้เหมือนกันกับในศาสนาฮินดู ลอกเลียนหลักธรรม ในพระพุทธศาสนา ไปไว้ในศาสนาฮินดู และอธิบายในแนวของฮินดู และเผยแผ่ว่า ศาสนาพราหมณ์ และศาสนาพุทธ มีลักษณะตรงกัน ยึดครองพุทธสถาน และดัดแปลงพุทธสถานนั้นให้เป็นศาสนสถานของฮินดูและเหตุกระทบครั้งใหญ่ คือ พ.ศ.1600 กองทัพมุสลิม บุกเข้ายึดอินเดีย ไล่มาจากทางตอนเหนือ และประกาศทำลายพระพุทธศาสนา เมื่อพบปูชนียสถานโบราณวัตถุของศาสนาอื่นในที่ใด ก็ใช้อาวุธเป็นเครื่องทำลายล้างวัตถุนั้นๆ รวมถึงโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ สังฆารามของพุทธศาสนากองทัพมุสลิม มีอคติเป็นพิเศษต่อพระภิกษุ จึงพากันเผาวัดทุกวัดราบเป็นหน้ากลอง ฆ่าพระจนเลือดแดงฉานนองแผ่นดิน มีการให้รางวัลแก่ผู้ที่ตัดศีรษะพระภิกษุมาส่งให้ พระภิกษุสงฆ์จึงต้องสึก มิฉะนั้นก็ต้องอพยพหลบหนีไปสถูปเจดีย์จำนวนมหาศาลถูกทำลาย บ้างก็ถูกขโมยอิฐไปสร้างบ้าน ไปทำถนน พระพุทธรูปถูกไฟเผา และมิใช่การทำลายครั้งเดียว แต่เกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน พวกมุสลิมพากันเข้าใจผิดว่า มหาวิทยาลัยนาลันทา คือป้อมปราการของชาวพุทธจึงได้เข่นฆ่าพระภิกษุทุกรูปในวัด โดยคิดว่าพระภิกษุคือทหารจากบทเรียนที่เกิดขึ้นสรุปได้ว่า ความมั่นคงของพระพุทธศาสนาจะต้องประกอบด้วยปัจจัยที่สำคัญคือ ชาวพุทธต้องเป็นชาวพุทธที่แท้จริง มีความรู้ความเข้าใจในคำสอนของพระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง โดยต้องศึกษาทั้งปริยัติ และปฏิบัติ เพื่อให้เกิดปฏิเวธ และปัจจัยที่สำคัญยิ่งอีกประการหนึ่งก็คือ ชาวพุทธจะต้องมีความสามัคคีกัน เว้นจากการให้ร้ายกัน พระพุทธศาสนาจึงจะมั่นคงอยู่ได้อย่างแท้จริงชาวพุทธในยุคปัจจุบันของบังคลาเทศเป็นที่ทราบกันดีว่า ประเทศบังคลาเทศ มีเพื่อนต่างศาสนิก อยู่รวมกันเป็นส่วนใหญ่ กลุ่มชาวพุทธซึ่งมีเพียง 1% จึงพยายามรักษาวัฒนธรรมชาวพุทธอันดีจนสุดความสามารถหากเรามีโอกาสเดินทางไป เมืองจิตตะกอง ดินแดนที่มีชุมชนชาวพุทธมากที่สุดในบังคลาเทศ เราจะเห็นวัดอยู่ในทุกๆหมู่บ้าน หากหมู่บ้านไหนมีคนจำนวนมาก 300-400หลังคาเรือน ก็จะมีวัดถึง 2-3วัดทุกเช้าเย็น ผู้ใหญ่จะพาลูกหลานมาวัด รับศีล สวดมนต์ร่วมกัน และหากมาวัดก็มักนิยมใส่สีขาวเนื่องจาก พระ, เณร ส่วนใหญ่ไม่ได้บิณฑบาต เพราะจำนวนพระ และชาวพุทธมีน้อย ชาวบ้านก็จะ จัดตารางบุญ ว่าบ้านไหนจะรับบุญไปถวายภัตตาหาร หมุนเวียนกันไปจนครบทั้งหมู่บ้านเมื่อวันสำคัญมาถึง เช่น วันพระ มาฆบูชา เข้าพรรษา ชาวพุทธแต่ละหมู่บ้านจะหลั่งไหลเข้ามาทำบุญที่วัดของตน หากเป็นชุมชนเล็กๆ ก็จะมีสาธุชน ประมาณ 30-40คน และแม้มีชาวพุทธจำนวนน้อย แต่ทางการก็ให้วันวิสาขบูชา เป็นวันหยุดทางราชการของประเทศ พิธีกรรมในวันสำคัญทางศาสนา ตอนเช้าจะมี พิธีสำคัญ โดยผู้คนจะนำอาหารต่างๆ อย่างดี จัดอย่างสวยงาม มาถวายเป็นพุทธบูชา โดยคนจะยืนเรียงแถว ส่งอาหารต่อๆกันไป จนถึงหน้าพระพุทธรูปหลังจากนั้นจะ สวดมนต์ รับศีล ฟังธรรม หลังไหว้พระเสร็จแล้วก็จะพากันนำน้ำไปรด ต้นโพธิ์ เพื่อเป็นการบูชา เพราะชาวบังคลาเทศ ให้ความสำคัญกับต้นโพธิ์มาก รองจากพระพุทธเจ้าวัดเป็นศูนย์รวมใจของชาวพุทธทุกคน เวลามีงานประชุมของหมู่บ้าน หรือมีปัญหาอะไร ก็จะมาปรึกษาหารือกันที่วัด บังคลาเทศมีวัดทั้งหมดประมาณ 300-400วัด โดยอยู่ในจิตตะกองมากที่สุด ประมาณ 300กว่า (ในดั๊กก้าเมืองหลวงมีวัดเพียง 3-4วัดเท่านั้น)วัดใหญ่ จะมีไม่กี่วัด เช่น วัดธรรมราชิกะ วัดกาบัลพูระ สุธัมมะนันทะพุทธวิหาร ซึ่งมีเณรประมาณ 40รูป และสามารถจัดบวชสามเณร ภาคฤดูร้อนได้ทุกปี แต่วัดส่วนใหญ่ จะมีพระภิกษุ และสามเณร เพียง 3-5 รูปเท่านั้น พระบางรูปบวช 2-3พรรษา พอเทศน์ สอนญาติโยม ทำพิธีกรรมต่างๆได้ ก็สามารถไปเป็นเจ้าอาวาสได้แล้วโดยหน้าที่ของพระคือ การสอนศีลธรรมญาติโยม ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และ ศึกษาภาษาบาลี ซึ่งเปิดสอนในมหาวิทยาลัยของรัฐ (ซึ่งเป็นอิสลาม) เพราะไม่มีมหาวิทยาลัยของพุทธศาสนาโดยเฉพาะวัดส่วนใหญ่ มีสิ่งปลูกสร้างไม่มากนัก จนแทบจะนับได้ ตั้งแต่ธรรมศาลาเล็กๆ กุฏิพระ ห้องพระ ซึ่งก่ออิฐถือปูนหลังเล็กๆ พอบรรจุพระพุทธรูป 1 องค์ และบรรจุคนได้อีกเล็กน้อยเวลาบวชพระ หรือทำกิจกรรมสงฆ์ วัดหลายแห่ง ไม่มีโบสถ์ แต่จะใช้ เสาสีมา 4ด้านเป็นอาณาเขตแทน ซึ่งบางแห่งจะมีหลังคา แต่บางแห่งก็ไม่มีแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากขนาดไหน แต่ชาวพุทธก็มิได้ย่อท้อ แต่เหตุการณ์ต่างๆกลับยิ่งทำให้พุทธบริษัทสี่ สามัคคีเหนียวแน่น และหวงแหนความเป็นชาวพุทธด้วยชีวิต
http://goo.gl/Bj1mg