มงคลที่ ๑๖ ประพฤติธรรม - ตั้งเป้าหมายชีวิตเพื่อพิชิตพระนิพพาน

พระพุทธองค์ทรงชี้ทางรั่วไหลออกของทรัพย์ว่า โภคทรัพย์ที่เกิดโดยชอบนี้ มีทางเสื่อม ๔ ประการ คือ เที่ยวผู้หญิง ดื่มสุรา เล่นการพนันและคบมิตรชั่ว เหมือนสระ น้ำใหญ่ มีทางไหลเข้า ๔ ทาง ทางไหลออก ๔ ทาง จึงจำเป็นต้องเปิดทางไหลเข้า ปิดทางไหลออกของสระ ด้วยการไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขทุกชนิด https://dmc.tv/a2945

บทความธรรมะ Dhamma Articles > ธรรมะเพื่อประชาชน
[ 28 ม.ค. 2551 ] - [ ผู้อ่าน : 18326 ]
 
มงคลที่ ๑๖

ประพฤติธรรม
ตั้งเป้าหมายชีวิตเพื่อพระนิพพาน


        นักสร้างบารมีจะต้องอดทนต่อการสร้างบารมี  ส่วนความสะดวกสบายนั้น ถือเป็นผลพลอยได้ เป็นผลพลอยดีที่เราได้รับจากผลของการทำความดีเท่านั้น เราจึงควรยินดีต่อความลำบากที่เกิดจากการสร้างบารมี อุปสรรคทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ หรือดินฟ้าอากาศ จะกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่เป็นอุปสรรคต่อการสร้างบารมีของเรา ให้ดูอย่างพระโพธิสัตว์ทั้งหลายที่ต้องประสบอุปสรรคมากมาย แต่ทรงอาศัยขันติธรรม และยึดมั่นในอุดมการณ์ อุปสรรคที่เกิดขึ้นจึงไม่อาจบั่นทอนกำลังใจของท่านได้ ท่านมีใจจดจ่อต่อการสร้างบารมีอย่างแท้จริง อัธยาศัยนี้จึงติดตัวมาจนกระทั่งถึงชาติสุดท้าย ทรงออกบำเพ็ญเพียรทุ่มเทเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ในที่สุดพระองค์ได้เข้าถึงความสุขอันไพบูลย์ ความสุขอันเป็นอมตะ พวกเราทั้งหลายต้องสวมหัวใจของพระบรมโพธิสัตว์เจ้า ไม่เข้าถึงธรรมกายเป็นไม่ยอม  หากทำได้เช่นนี้เราจะสมปรารถนา เข้าถึงพระธรรมกายภายในได้ทุกคน

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ทีฆชาณุสูตร ว่า

        “คนหมั่นในการทำงาน ไม่ประมาท จัดการงานเหมาะสม เลี้ยงชีพพอเหมาะ รักษาทรัพย์ที่หามาได้ เป็นผู้มีศรัทธา ถึงพร้อมด้วยศีล เป็นผู้ร้อยถ้อยคำ ปราศจากความตระหนี่ ชำระทางแห่งสัมปรายิกประโยชน์เป็นนิตย์ ธรรม ๘ ประการนี้ของผู้ครองเรือน ผู้มีศรัทธา อันพระพุทธองค์ตรัสว่า นำสุขมาให้ในโลกทั้งสอง คือ ประโยชน์ในปัจจุบันนี้ และความสุขในอนาคต”
 
        ตลอดเวลาที่ผ่านมา หลวงพ่อได้นำเรื่องเป้าหมายชีวิตมาเล่าให้พวกเราได้รับฟังเป็นประจำ เพื่อเป็นการตอกย้ำซ้ำเดิมถึงความเป็นจริงของการมาเกิดเป็นมนุษย์ เราจะได้ไม่ประมาท และดำเนินชีวิตไม่ผิดพลาด  การที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้นั้น จะต้องตั้งเป้าหมายในการดำเนินชีวิต        เหมือนเรือที่ฝ่าคลื่นอยู่กลางมหาสมุทร จะแล่นไปถึงฝั่งได้ นายเรือจะต้องตั้งจุดหมายปลายทางไว้ถูกต้อง และรู้จักควบคุมหางเสือให้เรือวิ่งไปถูกทิศทาง
 
        เป้าหมายชีวิตมี ๓ ระดับ ได้แก่
  • เป้าหมายชีวิตขั้นต้น คือ ตั้งเป้าหมายชีวิตเพื่อประโยชน์ในชาตินี้
  • เป้าหมายชีวิตขั้นกลาง คือ การตั้งเป้าหมายชีวิตเพื่อประโยชน์ในชาติหน้า
  • และเป้าหมายขั้นสูงสุด คือ การตั้งเป้าหมายชีวิตให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน 
        พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอนให้เรามีเป้าหมายทั้ง ๓ ประการนี้ เพื่อชีวิตการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏจะได้ไม่ผิดพลาด  ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น เรามาติดตามกันต่อไป
 
        *สมัยหนึ่ง พราหมณ์ชื่อ ทีฆชาณุรู้ข่าวว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ฉลาดในการวางแผนชีวิต ทรงรู้จักเส้นทางไปสวรรค์และนิพพาน จึงไปเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า กราบขอคำปรึกษาว่า
 
        "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เป็นคฤหัสถ์ ยังบริโภคกาม อยู่ครองเรือน นอนเบียดบุตรและภรรยา ยังทัดทรงดอกไม้ของหอมและเครื่องลูบไล้ ยินดีเงินและทองอยู่ ขอพระองค์โปรดแสดงธรรมที่เหมาะแก่ข้าพระองค์ อันจะพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขในปัจจุบัน และเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขในอนาคตด้วยเถิด"

        พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า "ธรรม ๔ ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขในปัจจุบัน คือ อุฏฐานสัมปทา อารักขสัมปทา กัลยาณมิตตตาและสมชีวิตา"

        อุฏฐานสัมปทา หมายถึง การเป็นผู้มีความขยันหมั่นเพียรในการทำธุรกิจการงานทุกชนิด ให้ทุ่มเทสติปัญญาและความสามารถ เป็นผู้ขยัน ไม่เกียจคร้าน มีปฏิภาณไหวพริบ จนสามารถทำงานให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
 
        อารักขสัมปทา หมายถึง เป็นผู้รู้จักรักษาทรัพย์ที่หามาได้ เมื่อนึกย้อนหลังไปในสมัยก่อนที่ทางบ้านเมืองยังไม่มีธนาคาร ใครได้ทรัพย์มาแล้ว ต้องหาทางเก็บงำไว้ในที่ที่ปลอดภัย เช่น ขุดหลุมฝังไว้ ถ้าเป็นเศรษฐีจะมีเรือนคลังเป็นของตน เมื่อมีทรัพย์มากแล้ว จึงจำเป็นต้องรู้จักเก็บงำไว้ ไม่ให้เกิดโจรภัย อัคคีภัย อุทกภัย หรือภัยที่เกิดจากทายาทผู้ไม่ประสงค์ดี มาลักขโมยไปได้ แต่ถึงอย่างไร ในยุคปัจจุบัน ปัญหาที่เกิดจากโจรผู้ร้าย น้ำท่วม ไฟไหม้ ก็ยังเกิดขึ้นเสมอ เพราะฉะนั้น พระพุทธองค์สอนให้เรารู้จักการเก็บงำทรัพย์สมบัติไว้ให้ดี
 
        กัลยาณมิตตตา หมายถึง หาพรรคพวกที่เป็นคนดี มีศีลมีธรรม ที่จะมาช่วยทำให้ชีวิตของเราเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป การเลือกคบคน อย่าไปดูเพียงรูปร่างหน้าตา ฐานะความเป็นอยู่ หรือคำพูดจาดีเท่านั้น แต่ให้สังเกตเพื่อนคนนั้นว่า มีความประพฤติดี มีศรัทธา มีศีล รักในการบริจาคทาน มีปัญญาแนะนำตักเตือนเราได้ คนที่คิดดี พูดดีและทำดี แม้จะอยู่ในสถานะใด ย่อมได้ชื่อว่าเป็นกัลยาณมิตรให้กับเราได้เช่นกัน

        สมชีวิตา หมายถึง จะต้องรู้ทางเจริญขึ้นและทางเสื่อมของทรัพย์และเลี้ยงชีพพอเหมาะ ไม่ให้ฟุ่มเฟื่อยหรือฝืดเคืองจนเกินไป บางคนมีความขยันหมั่นเพียรหาทรัพย์มาได้มากก็จริง แต่ไม่รู้จักวิธีใช้ทรัพย์ หามาได้เท่าไรก็ไม่พอ จึงกลายเป็นบุคคลผู้ที่มีรายจ่ายมากกว่ารายรับ ในทำนองเดียวกัน แม้มีรายได้น้อย แต่รู้จักประหยัด ก็สามารถอยู่อย่างมีความสุขได้ เพราะความสุขอยู่ที่การรู้จักพอและสันโดษ

        จากนั้นพระพุทธองค์ทรงชี้ทางรั่วไหลออกของทรัพย์ว่า โภคทรัพย์ที่เกิดโดยชอบนี้ มีทางเสื่อม ๔ ประการ คือ เที่ยวผู้หญิง ดื่มสุรา เล่นการพนันและคบมิตรชั่ว หมือนสระน้ำใหญ่ มีทางไหลเข้า ๔ ทาง ทางไหลออก ๔ ทาง จึงจำเป็นต้องเปิดทางไหลเข้า ปิดทางไหลออกของสระ ด้วยการไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขทุกชนิด

        ส่วนธรรมอีก ๔ ประการที่พระองค์ตรัสไว้คือ
 
        “กุลบุตรผู้ถึงพร้อมด้วยสัทธาสัมปทา สีลสัมปทา จาคสัมปทา ปัญญาสัมปทา ย่อมเป็นไปเพื่อความสุขในอนาคตแก่กุลบุตร” 
 
เนื่องจากชีวิตหลังความตายของเราไม่สูญ ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกนับภพนับชาติไม่ถ้วน จึงต้องวางแผนชีวิตในสัมปรายภพให้กับตัวเราไว้ด้วย

        พระพุทธองค์ทรงสอนให้เราเป็นผู้มีศรัทธา คือ เชื่อพระปัญญาตรัสรู้ของพระตถาคตเจ้า โดยเฉพาะความเชื่อในสัมมาทิฏฐิ ๑๐ ประการเบื้องต้น เป็นสิ่งที่ผู้ปรารถนาไปสู่สวรรค์หรือนิพพานจะต้องให้สัมมาทิฏฐิเข้าไปอยู่ในใจให้ได้ จากนั้นท่านสอนให้เราเป็นผู้มีศีลที่บริสุทธิ์ ไม่ให้ด่างพร้อย อย่างน้อยให้สมาทานศีล ๕ กันทุกคน

        ประการต่อมา บุคคลนั้นจะต้องเป็นผู้ไม่ตระหนี่ พระพุทธองค์ตรัสว่า น เว กทริยา เทวโลกํ วชนฺติ คนตระหนี่ไปเทวโลกไม่ได้  ดังนั้น เมื่อมีศรัทธาดี มีศีลบริสุทธิ์แล้ว ต้องหาโอกาสให้ทาน เพราะทานคือเสบียงในการเดินทางไกล ที่จะทำให้มีชีวิตไม่อดอยาก เป็นชีวิตที่สูงขึ้นไป ประการสุดท้าย ต้องแสวงหาปัญญาเป็นเครื่องพ้นทุกข์ให้กับตน หมั่นเข้าหาครูบาอาจารย์ที่สามารถชี้แนะหนทางไปสู่สวรรค์และนิพพานให้กับเราได้

        ทั้งหมดนี้คือการทำประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับตัวเราเอง ประโยชน์ในปัจจุบันคือการสร้างฐานะให้มั่นคง ประโยชน์ในสัมปรายภพ เริ่มต้นที่การสร้างบุญกุศลอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นเสบียงบุญในการเดินทางในสังสารวัฏ แต่ประโยชน์ทั้งสองอย่างนี้ ยังทำให้เราติดข้องอยู่ในโลก ไม่อาจหลุดพ้นจากทุกข์ไปได้ จะหลุดพ้นได้มีหนทางเดียว คือต้องทำประโยชน์อย่างยิ่งให้เกิดขึ้น ด้วยการทำพระนิพพานให้แจ้ง โดยเริ่มต้นจากการทำใจของเราให้หยุดนิ่งอยู่ในกลางกาย จนเข้าถึงพระธรรมกายภายใน เมื่อเข้าถึงแล้ว ย่อมมีความสุขทั้งภพนี้ ภพหน้า เป็นทั้งประโยชน์ในปัจจุบัน ในสัมปรายภพและในสังสารวัฏ  ดังนั้น อย่าได้ประมาท ให้ตั้งเป้าหมายชีวิตไว้ให้ดี และหมั่นขวนขวายในการปฏิบัติธรรม ทำใจของเราหยุดนิ่งเรื่อยไป เพื่อเราจะได้ไปถึงจุดหมายปลายทางกันทุกคน
 
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 
*(มก.ทีฆชาณุสูตร  เล่ม ๓๗ หน้า ๕๖๐) 

http://goo.gl/OxGuA


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      มงคลที่ ๑๕ บำเพ็ญทาน - อานิสงส์ทำบุญทอดกฐิน
      หลุดพ้นจากสังสารวัฏ
      โสฬสญาณ
      เบื้องต้นเบื้องปลายไม่ปรากฏ
      พระอรหันต์รู้ได้ยาก
      ความวิเศษสุดของพระพุทธศาสนา
      พระอรหันต์มีจริง
      พระอริยเจ้า
      ผลแห่งการชวนคนมารู้จักพระรัตนตรัย
      คนดีที่โลกต้องการ
      นักสร้างบารมีพันธุ์อาชาไนย
      เวสารัชชธรรม ๔
      ต้นแบบแห่งความดี




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related