ตายแล้วไปไหน
ชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไร
รหัสผ่านเดินทางสู่ปรโลกจากบทความที่ผ่านมาเราจะทราบได้ว่า ทุกการกระทำของคนเราไม่ว่าจะเป็นทางกาย ทางวาจา ทางใจ ล้วนมีผลต่อความคิด คำพูด และการกระทำทั้งสิ้น เพราะการกระทำนั้นจะถูกเก็บบันทึกไว้ด้วยเครื่องบันทึกภาพที่ดีที่สุดในโลก มีความจุที่ไม่มีประมาณ คือ ใจของเรานั่นเอง เมื่อใกล้จะหลับตาลาโลก ภาพแห่งการกระทำทั้งหมดจะกรอกลับมาฉายเป็นภาพให้เราเห็นเป็นกรรมนิมิตตารมณ์ ดังกล่าวมาแล้ว ภาพแห่งการกระทำเหล่านั้น มีเราเป็นผู้เห็นเพียงคนเดียว คนที่มาเยี่ยมรอบเตียงผู้ป่วยเป็นเพียงผู้ให้กำลังใจเท่านั้นถ้าหากภาพที่มาฉายให้เห็น เป็นภาพแห่งความดีงามที่ได้สั่งสมเอาไว้ครั้งที่ยังแข็งแรง จะทำให้ใจผ่องใส และเป็นเหมือนรหัสผ่านไปสู่สุคติภูมิ ตรงกันข้าม ถ้าภาพที่มาฉายให้เห็น เป็นภาพของการกระทำบาปอกุศล มีผลทำให้ใจเศร้าหมอง เป็นเหตุให้นำไปสู่ทุคติภูมิ ดังพุทธพจน์ที่กล่าวไว้ใน วัตถูปมสูตร* ว่าจิตฺเต สงฺกิลิฏฺเฐ ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา เมื่อจิตเศร้าหมอง ทุคติเป็นอันหวังได้จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ สุคติ ปาฏิกงฺขา เมื่อจิตไม่เศร้าหมอง สุคติเป็นอันหวังได้ถ้าใครใจหมองต้องไปอบายเมื่อละโลกใจหมองต้องไปอบาย สำหรับผู้ที่ทำบาปตลอดชีวิต ก่อนตายนึกถึงภาพดีๆ ไม่ออกเลย พอกายหลุดออกจากร่าง ก็จะถูกดูดไปภพภูมิที่เหมาะสมแก่กรรมที่ชอบทำตอนเป็นมนุษย์ ตัวอย่างเช่น ผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำ ตายไปขณะจิตที่เศร้าหมอง คตินิมิตดำมืด กายละเอียดจะถูกดูดไปสู่มหานรกขุม 5 ที่มีเปลวไฟนรกดำสนิท มีความร้อนแรงกว่าบนโลกมนุษย์หลายล้านๆ ๆ เท่า สัตว์นรกเปลือยกาย ถูกนายนิรยบาลที่ตัวใหญ่มาก มีผิวดำสนิท จับขึงพืด แล้วกรอกน้ำกรดสีดำร้อนแรงเข้าไปในปาก น้ำกรดนั้นจะกัดกินละลายสัตว์นรกจนขาดใจตาย พอตายแล้วก็ฟื้นขึ้นมาใหม่ ถูกจับกรอกอย่างนี้ยาวนานเป็นหลาย ล้านๆ ๆ ปียมทูตมารับตัวไปดำเนินคดีตามบุญ กรรมที่เคยทำไว้เมื่อละโลกใจไม่หมองไม่ใสไปยมโลก สำหรับผู้ที่ละโลกแล้วใจไม่หมองไม่ใส คือ ก่อนตายภาพแห่งความชั่ว หรือความดี ยังไม่มีฝ่ายใดที่จะส่งผลชัดเจนกว่ากัน เมื่อตายแล้วกายละเอียดก็ออกจากกายหยาบ วนเวียนอยู่บนโลกมนุษย์ เนื่องจากตนไม่เคยศึกษาเรื่องความจริงของชีวิตหลังความตาย จึงทำอะไรไม่ถูก ก็วนเวียนไปเยี่ยมญาติตามที่ต่างๆ แต่ไม่สามารถสื่อสารกันได้ วนเวียนจนครบ 7 วัน ที่ต้อง 7 วัน เพราะ เป็นระยะเวลาที่เปิดโอกาสให้นึกถึงบุญให้ได้เมื่อครบ 7 วัน ถ้านึกถึงบุญไม่ออก เพราะว่าใจสับสน หรือไม่ค่อยทำบุญ ผู้ตายก็จะกลับไปที่เดิมที่ตนเองเสียชีวิต เมื่อถึงเวลา เจ้าหน้าที่จากยมโลกที่เราเรียกว่า ยมทูต มีลักษณะผมหยิก ตัวดำ ตาโปน นุ่งผ้าหยักรั้งสีแดง จะมารับตัวไป โดยวิธีการต่างๆ เช่น ล่ามโซ่ตรวน หรือใช้อาวุธคุมไปเฉยๆ แล้วแต่ความถือตัวของผู้ตาย หากเป็นพวกนายทหารมียศมาก ไม่เชื่อฟังก็จะต้องใส่โซ่ตรวนล่ามไปยมโลก หากดิ้นรนขัดขืน ก็จะถูกทุบตี ทำร้าย อย่างไม่มีปรานีรอรับการตัดสินบุญบาปจากพญายมราชในยมโลกเมื่อไปถึงยมโลก เจ้าหน้าที่จะให้รอขานชื่อ เพื่อรอรับการพิพากษาตัดสินบุญบาปจากพญายมราช เมื่อได้เวลาตัดสิน ผู้ตายจะมานั่งคุกเข่าหน้าบัลลังก์ ต่อหน้าพญายมราช ขณะที่ตัดสินนั้นภาพกรรมดีและกรรมชั่วจะมาปรากฏหน้าบัลลังก์ ซึ่งผู้ตายไม่สามารถปฏิเสธได้ เมื่อพิพากษาแล้ว พบว่ามีบัญชีบุญมากกว่าบัญชีบาป ก็จะตัดสินให้ไปสุคติภูมิ ส่วนใหญ่จะได้ไปภูมิต่ำ หรือถ้าตัดสินว่า บัญชีบาปมากกว่า จะต้องถูกลงโทษในทุคติภูมิ ถ้าโทษไม่หนักมากอาจจะถูกทรมาน ณ ที่ยมโลกนั้นเลย หรือไปเป็น เปรต อสุรกาย สัตว์เดียรัจฉาน หรือลงมหานรก แล้วแต่ความหนักเบาของบาปก่อนตายใครใจใส นึกถึงบุญที่เคยกระทำไว้ก็ย่อมไปสุคติเมื่อละโลกใจใสก็ไปสวรรค์ สำหรับผู้ที่สั่งสมคุณงามความดีอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต แม้จะอยู่บนเตียงผู้ป่วย อาการดูน่าหนักใจ แต่ไม่หนักใจ เพราะใจคุ้นกับความดีที่ตนได้ทำ จะตรึกระลึกนึกถึงบุญได้ ภาพแห่งความดีงามก็จะทำให้ใจผ่องใส ละโลกไปด้วยอาการสงบ เมื่อตื่นขึ้นมากายละเอียดก็จะเปลี่ยนเป็นกายทิพย์ อาจจะไปเกิดกลางวิมาน ในสุคติภูมิ หรือมีราชรถมารอรับกลับไปสุคติภูมิ ก็แล้วแต่กำลังบุญที่สั่งสมไว้สรุปว่า ปรโลกเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องไป เราไม่ควรปฏิเสธว่า สิ่งที่เรามองไม่เห็น แปลว่าสิ่งนั้นไม่มี ทางที่ดีควรเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ศึกษาเรื่องเหล่านี้ก่อน หรือแม้บางท่านจะไม่เชื่อจริงๆ ก็ขอให้เผื่อเหนียว ไว้ก่อน แต่สำหรับผู้มีสัมมาทิฏฐิก็ควรเชื่อผู้รู้อย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ผู้เป็นบรมครูของมนุษย์และเทวดา ชีวิตก็จะปลอดภัยและมีชัยไปสู่ฝั่งแห่งพระนิพพานในที่สุด*วัตถูปมสูตร, มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์, มก. เล่ม 17 ข้อ 92 หน้า 433.คลิปวิดีโอ ทำบุญเถอะเราบทความที่เกี่ยวข้องกับตายแล้วไปไหน
http://goo.gl/LzJe5