ศาสนพิธีของศาสนาพุทธศาสนพิธีทางพระพุทธศาสนาและหน้าที่ชาวพุทธพิธีกรรมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาพิธีเวียนเทียนในวันวิสาขบูชา ณ วัดพระธรรมกายพิธีวิสาขบูชาตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เป็นวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประชาชนจะพากันทำบุญตักบาตร ฟังพระธรรมเทศนาตอนเช้า ครั้นตอนย่ำค่ำ ต่างพากันนำดอกไม้ธูปเทียน เครื่องสักการะไปพร้อมกันที่วัด เพื่อเวียนเทียน โดยยืนเบื้องหน้าพระพุทธปฏิมากร กล่าวคำบูชา และ เดินเวียนเทียน ทำวัตรสวดมนต์ และฟังพระธรรมเทศนาต่อไปจนเสร็จพิธีพิธีเข้าพรรษาและออกพรรษาปฐมเหตุที่จะมีประเพณีเข้าพรรษาในพระพุทธศาสนานั้น ปรารภเหตุจาก สมัยหนึ่งพระพุทธองค์ประทับอยู่ ร กรุงราชคฤห์ ในขณะนั้นยังไม่มีการอนุญาตเรื่องจำพรรษา พระภิกษุสงฆ์จึงนำเที่ยวจาริกไปตลอดฤดูกาลแม้แต่ในฤดูฝนก็ยังเที่ยวสัญจรไปมา ทำให้ไปเหยียบย่ำข้าวกล้าในนาของชาวเมืองจนเสียหายประชาชนพากันติเตียน พระพุทธองค์จึงทรงบัญญัติเป็นธรรมเนียมให้พระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่จำพรรษา 3 เดือน นับตั้งแต่แรม 1 ค่ำเดือน 8 จนถึงกลางเดือน 11 ห้ามมิให้ไปพักค้าง ณ ที่อื่น ยกเว้นมีเหตุจำเป็นถือกันว่าเป็นวันพิเศษในพระพุทธศาสนา พุทธศาสนิกชนขะมักเขม้นในการบุญกุศลยิ่งกว่าธรรมดาบางคนรักษาศีลอุโบสถตลอด 3 เดือน (ไตรมาส) บางคนไปวัดฟังเทศน์ทั้ง 3 เดือน บางคนตั้งใจงดเว้นบาปทั้งปวงพระภิกษุสงฆ์เมื่อใกล้ถึงวันเข้าพรรษาก็ปัดกวาดเสนาสนะตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปส่วนพระภิกษุสงฆ์ เมื่อใกล้ถึงวันเข้าพรรษา ก็ปัดกวาดเสนาสนะ ตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปในวันเข้าพรรษา จะประชุมกันในพระอุโบสถ ไหว้พระ สวดมนต์ ทำพิธีเข้าพรรษา(อธิษฐานพรรษา) แล้วขอขมาต่อกันและกัน ครั้นในวันถัดไปก็เอาดอกไม้ ธูป เทียน ไปขอขมาพระเถรานุเถระต่างวัดซึ่งเป็นที่เคารพนับถือพระภิกษุสงฆ์จะทำการปวารณาแทนการทำอุโบสถ คือ เปิดโอกาสให้ว่ากล่าวตักเตือนกันได้และเมื่อออกพรรษาแล้วพระภิกษุจะไปค้างแรมที่ใดๆ ก็ได้ตามพุทธานุญาต สำหรับพุทธศาสนิกชนเมื่อถึงวันออกพรรษาต่างพากันไปทำบุญตักบาตร รักษาศีล เจริญภาวนา ฟังเทศน์ตาวัดวาอารามต่างๆพิธีทอดกฐินคำว่ากฐิน คือ กรอบไม้สำหรับขึงผ้าให้ตึง เพื่อสะดวกแก่การเย็บผ้า ซึ่งเรียกว่า สะดึงผ้ากฐิน คือ ผ้าสำเร็จรูปโดยอาศัยไม้สะดึงขึงผ้าแล้วช่วยกันเย็บ เมื่อสำเร็จเป็นรูปแล้วก็ปลดออกจากสะดึงการทอดกฐิน คือ การทอดผ้าซึ่งเย็บจากไม้สะดึง (แม้ปัจจุบันไม่ได้ใช้ไม้สะดึงแล้วก็ยังเรียกเหมือนเดิม จึงเป็นความหมายสำหรับพิธีประจำปี) ระยะเวลาในการอนุญาตให้ทอดกฐินได้ ตามพระวินัยบัญญัติ คือ ตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 รวมเป็นเวลา 1 เดือนพิธีมาฆบูชาตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 เป็นวันที่เรียกว่า จาตุรงคสันนิบาต แปลว่าการประชุมที่ประกอบด้วยองค์ 4 คือพิธีจุดมาฆประทีป ณ ลานธรรมมหาธรรมกายเจดีย์ วัดพระธรรมกาย1. วันนั้นเป็นวันเพ็ญเต็มดวงเสวยมาฆฤกษ์2. พระภิกษุสงฆ์ 1250 รูป มาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย3. พระภิกษุสงฆ์เหล่านั้นล้วนเป็นพระอรหันต์ผู้ได้อภิญญาทั้งสิ้น4. พระภิกษุสงฆ์เหล่านั้นล้วนเป็นผู้ได้รับการอุปสมบทแบบเอหิภิกขุ คือ ได้รับการบวชจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตรงทั้งสิ้นและวันเพ็ญมาฆะนี้ เป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปลงอายุสังขาร (ตกลงพระทัยเพื่อจะปรินิพพาน) ในพรรษาสุดท้ายของพระพุทธองค์พุทธศาสนิกชนนิยมทำบุญตักบาตร ไปวัดฟังธรรมเทศนา ส่วนทางวัดก็มีการจัดประทีป ธูปเทียน เป็นเครื่องบูชา บางวัดก็เทศน์สอนตลอดรุ่ง บางวัดก็จุดมาฆประทีปบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างยิ่งใหญ่และเมื่อถึงเวลาประกอบพิธี พระภิกษุสงฆ์และสามเณรตลอดทั้งพุทธศาสนิกชนต่างเตรียมดอกไม้ ธูป เทียน ไปประชุมพร้อมกันในพระอุโบสถ พุทธศาสนิกชนยืนเบื้องหลังพระภิกษุสงฆ์สามเณร จุดเทียนธูปประนมมือ กล่าวคำบูชาพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ และกล่าวถึงกาลกำหนดวันมาฆบูชา ซึ่งพระพุทธองค์ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ในที่ประชุมสงฆ์ ฯลฯ ต่อจากนั้นก็เดินเวียนเทียนรอบพระสถูปหรือพระเจดีย์ 3 รอบ เดินด้วยอาการสงบสำรวม ระลึกถึงพระพุทธคุณ พระสังฆคุณ ด้วยการสวดบท “อิติปิโส ภะคะวา” จากนั้นพุทธศาสนิกชนก็จะมาประชุมพร้อมกันในพระอุโบสถ หรือศาลาเพื่อฟังธรรม ซึ่งบางวัดอาจจะมีการทำวัตรสวดมนต์ หรือนั่งสมาธิ(Meditation)รับชมวิดีโอบทความที่เกี่ยวข้องกับศาสนพิธี ตอนพิธีกรรมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
http://goo.gl/WGQX0