ลูกเลี้ยงรันทด

ผู้หญิงคนหนึ่ง...คุณแม่ของเธอหนีตามคุณพ่อมา และได้มาทราบในภายหลังว่า คุณพ่อมีลูกมีเมียอยู่ก่อนแล้ว ต่อมา เมื่อเธออายุประมาณ 4 เดือน คุณแม่ทนอยู่กับคุณพ่อไม่ได้จึงได้พาเธอหนีมาอยู่กับคุณตาคุณยาย พอเธออายุได้ 2 ปี คุณแม่ก็มีสามีใหม่ และมีลูกกับสามีใหม่อีก 3 คน...พอเธออายุได้ 4 ปี ก็ต้องไปช่วยคุณแม่ทำงานและเลี้ยงน้องๆ...พ่อเลี้ยง ไม่ชอบเธอ มักจะด่าว่า ทุบตีเธอเสมอๆ เธอต้องกินข้าวกับน้ำปลา หรือซีอิ๊ว เป็นประจำเพราะพ่อเลี้ยงไม่ให้เธอกินกับข้าวของเขา...เธอมีโอกาสได้เรียนหนังสือ เพราะมีผู้หญิงมีฐานะดี มาขอไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม...เธอใฝ่ฝันอยากที่จะเป็นครูใหญ่...ด้วยความพากเพียร เธอก็ได้เป็นครูใหญ่สมใจ และได้เป็นเจ้าของโรงเรียนอนุบาล ได้เป็น Woman of the year 2001 ได้รับรางวัลบุคคลดีเด่นอีกมากมาย... https://dmc.tv/a1303

บทความธรรมะ Dhamma Articles > กรณีศึกษากฎแห่งกรรม
[ 7 ธ.ค. 2547 ] - [ ผู้อ่าน : 18291 ]
Case study
ลูกเลี้ยงรันทด
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
 
    พ่อของลูก เป็นพระเอกลิเก  คุณตา เป็นหมอขวัญ  เมื่อมีงานบวชที่ไหน  ตาจะต้องไปทำขวัญนาค เจ้าภาพก็จะหาลิเกคณะพ่อไปแสดงทำให้ตากับพ่อของลูกสนิทกัน  ตาพาพ่อมาเที่ยวบ้านบ่อยๆ  จนพ่อชอบลูกสาวของตา คือ แม่ของลูก และต่อมาแม่ก็หนีตามพ่อไป ทำให้ตาโกรธมากตัดขาดความเป็นพ่อลูกกัน 
 
    เมื่อแม่ไปอยู่กับพ่อจึงรู้ว่าพ่อมีเมียมีลูกแล้ว แม่ต้องลำบากมาก  เพราะพ่อยังคงไปแสดงลิเกและเจ้าชู้เหมือนเดิม ส่วน ย่า ก็ติดการพนัน และอบายมุขทุกชนิด ด่าทอแม่ตลอดเวลา เมื่อแม่คลอดลูกได้ 2 เดือน  ย่าให้แม่ออกไปทำนา แม่ต้องเอาลูกไปด้วยโดยเอาลูกนอนในเรือพายลำเล็กแล้วเอาผ้าขาวม้าผูกขึงจากซ้ายไปขวากันแดดให้ลูก แม่ทำนาไปก็มองเรือไปว่าเรือยังโคลงเคลงอยู่หรือไม่ เกรงว่าลูกจะตกน้ำไป  ต่อมาลูกอายุประมาณ 4 เดือน แม่ทนความลำบากไม่ไหวจึงนำลูกใส่เรือลำเดิมแล้วพายหนีออกจากบ้านย่าเพื่อมาหา ตา-ยายของลูก แม่ออกจากบ้านย่า 2 ทุ่ม ถึงบ้านยายประมาณตีหนึ่ง  และนับแต่นั้นมาลูกก็อยู่กับตายายตลอด พอลูกอายุได้  2  ขวบ แม่ก็มีสามีใหม่ และมีลูกติดๆกันถึง 3 คน  ตั้งแต่แม่นำลูกมาอยู่กับยาย  แม่ไม่เคยสนใจเลี้ยงดูลูกเลย ทำให้ลูกเข้าใจว่าตายายคือ พ่อแม่ของลูก  ลูกจึงเรียกท่านทั้งสองว่า “พ่อ-แม่” และเรียกแม่ตัวเองว่า “อีเจ๊” โดยเรียกตามน้องๆของแม่ 
 
    ต่อมา ลูกอายุได้ 4 ขวบ แม่มาเอาลูกไปเลี้ยงน้องๆ ซึ่งเกิดกับสามีใหม่ของแม่ แม่มีอาชีพพายเรือขายขนม พ่อเลี้ยง ก็ต้องทำนาไม่มีใครดูแลน้อง จึงให้ลูกซึ่งมีอายุ 4 ขวบ ไปเลี้ยงน้อง 3 คน ลูกต้องตื่นเช้าพร้อมแม่ ช่วยแม่ล้างถั่วเขียว กวนแป้งมัน ขนฟืน แม่ทำขนมเสร็จพร้อมทั้งทำกับข้าวเช้าเสร็จไปด้วย  หลังจากนั้นก็จะไปกินข้าวรวมกันทั้งหมดซึ่งมีกับข้าวอยู่เพียงอย่างเดียว เช่น แกงส้มหรือไม่ก็ปลาเค็มอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่กับข้าวของลูกไม่ใช่ปลาเค็มหรือแกงส้ม  แต่เป็นน้ำปลา หรือซีอิ๊วเค็มทุกมื้อ ลูกไม่สามารถกินอาหารอื่นได้เลย  เนื่องจากพ่อเลี้ยงจะกำชับไว้ว่าห้ามกินกับข้าวของเขาเด็ดขาด เวลากินข้าวลูกต้องนั่งก้มหน้าตลอด ถ้าเงยหน้ามาจะพบกับสายตาเกรี้ยวกราดดุดันของพ่อเลี้ยง แม่มักจะถามลูกทุกครั้งว่า “เอาแกงไหมลูก” ลูกก็จะตอบว่า “ไม่เอา ไม่ชอบ” เป็นอย่างนี้ทุกครั้งไป ถ้าลูกดื้อดึงกินกับข้าวของเขา เมื่อแม่ออกไปขายขนมแล้ว ลูกจะถูกพ่อเลี้ยงตบศีรษะจนหัวทิ่มหัวตำทุกครั้งไป และจะพูดว่า “กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้กินของกู” ลูกจะกลัวจนลนลาน และต้องร้องไห้แบบไม่มีเสียงเพราะเขาห้ามไว้ 
 
    เมื่อกินอาหารเสร็จแล้ว ลูกจะต้องขนขนมทุกอย่างไปเรียงในเรือพายลำเล็ก  พร้อมทั้งเตรียมอุปกรณ์ตักขนมให้พร้อม ใส่เรือไว้ให้แม่ ในขณะที่แม่กำลังอาบน้ำ  เมื่อแม่ออกจากบ้านไปขายขนมแล้ว ลูกก็จะต้องขนภาชนะที่แม่ทำไว้ทั้งหมดในครัว ลงไปล้างที่หัวสะพานด้วยจิตใจที่หดหู่หวาดระแวงลนลานกลัวพ่อเลี้ยงจะมาหาเรื่องตบตี เพราะพ่อเลี้ยงเกลียดลูกมาก เขากลัวว่า แม่จะรักลูกมากกว่าลูกของเขา เมื่อเสร็จภารกิจแล้วก็ไปเปลี่ยนพ่อเลี้ยงไกวเปลน้อง และดูแลน้อง  ส่วนพ่อเลี้ยงก็จะออกไปท้องนาทั้งวัน  เมื่อน้องหลับ  ลูกก็จะต้องกวาดบ้านถูบ้าน และหาบน้ำใส่ตุ่มให้เต็มทุกตุ่มที่พร่องไปจากการใช้งาน  ทำงานไปหูก็จะต้องฟังไปว่าน้องจะตื่นขึ้นมาร้องหรือไม่  ถ้าน้องร้องเสียงดังจะต้องได้ยินไปถึงหูพ่อเลี้ยงเพราะนาอยู่หลังบ้าน  จึงต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงแกว่งเปลน้องไปด้วย ทำงานไปด้วย เมื่อเสร็จงานทุกอย่างแล้วลูกก็จะอยู่บนบ้านเฝ้าน้องในขณะที่น้องหลับ จนกว่าน้องจะตื่นโดยการไปยืนเกาะขอบหน้าต่าง แล้วชะเง้อมองหาพ่อเลี้ยงว่ายังอยู่ที่ท้องนาหรือไม่ เมื่อเห็นเขายังอยู่ก็ดีใจเพราะไม่อยากให้เขากลับมาบ้าน อยากให้เขาอยู่ที่ท้องนาไปตลอดชีวิต  ทุกวันประมาณ 3 โมงเย็น  จะต้องรีบหุงข้าวด้วยเตาฟืน ดงข้าว เช็ดน้ำเตรียมรอแม่กลับจากขายขนม เวลานี้จะมีความสุขมากเพราะแม่ใกล้จะกลับแล้ว 
 
    ตกกลางคืนหลังอาบน้ำเสร็จแล้ว แม่กับพ่อเลี้ยงจะช่วยกันนับเงินเหรียญจากการขายขนม ส่วนน้องจะวิ่งเล่นอยู่รอบๆ พ่อแม่ของเขา ลูกก็จะนั่งแอบอยู่ข้างเสากลางบ้านซึ่งมืด เพราะทั้งบ้านมีตะเกียงอยู่ดวงเดียว  แต่ลูกก็ไม่ต้องการแสงสว่าง ลูกกลัวว่าเขาทุกคนจะเห็นว่าลูกแอบร้องไห้ข้างเสาทุกวัน เมื่อนับเงินเสร็จแล้วแม่จะชงโอวัลตินให้น้องๆ และพ่อเลี้ยงกินกันอย่างมีความสุข ลูกนั่งฟังเสียงช้อนกระทบกันดังกิ๊กๆ และแอบดูเขากินกัน  โดยที่ไม่มีใครเห็น  แม่ก็จะถามว่าเอาไหมลูก  ลูกก็ตอบว่า “ไม่เอา ไม่ชอบ” เป็นเช่นนี้ทุกครั้ง
 
    เมื่อถึงเวลาที่เขาจะนอนกัน พ่อเลี้ยงก็จะบอกให้ลูกปูที่นอนให้เขา  พวกเขาก็จะพากันไปเข้าห้องน้ำข้างล่าง เมื่อขึ้นมาก็จะเข้ามุ้งนอน ในขณะที่ลูกนั่งรอคำสั่งที่เสากลางบ้านต้นเดิม จนกว่าพ่อเลี้ยงจะสั่งว่านอนได้แล้ว
 
    เมื่อเข้ามุ้งนอนลูกจะร้องไห้และพึมพำว่า “แม่ไม่รักหนู หนูไม่ใช่ลูกแม่หรือ แม่ไม่รู้หรือว่าหนูถูกตบตีทุกวัน แม่ไม่รู้หรือว่าหนูอยากกินกับข้าวทุกอย่างที่แม่กิน แม่ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่” ลูกจะพูดเช่นนี้ทุกวัน และร้องไห้จนหลับไป 
 
    ทุกวันอาทิตย์ แม่จะหยุดขายขนม 1 วัน แม่จะพาลูกและน้องๆ ไปเที่ยวบ้านยาย ลูกจะดีใจมาก  เมื่อถึงบ้านยายลูกจะแอบหลังบ้านยายเพื่อหนีแม่ เพราะไม่อยากกลับไปกับแม่อีก แต่แม่ก็หาเจอทุกครั้ง ครั้งหนึ่งลูกไปแอบที่หลังบ่อน้ำที่เดิม ลูกเห็นหอยโข่งตัวใหญ่ลอยน้ำมาเกาะขอบบ่อ ลูกอยากรู้รสชาติของเนื้อสัตว์ว่าเป็นอย่างไร ลูกจึงจับหอยโข่งขึ้นมาแล้วใช้ไม้ตีจนเปลือกแตกหมด  แล้วลูกก็กินหอยโข่งดิบๆ มันลื่นไปลื่นมาเพราะเมือกเต็มไปหมด ลูกเห็นหอยโข่งมันบิดตัวเป็นเกลียวด้วยความเจ็บปวดจากการถูกลูกกัดกิน ลูกกินได้นิดหน่อยก็โยนลงน้ำไปเพราะไม่อร่อยเลย
 
    ลูกอยู่กับแม่จนจบ ป.4  ก็มี คุณนาย มาซื้อที่ดินของยาย  และขอให้ยายหาเด็กผู้หญิงให้ 1 คน  เพื่อจะเอาไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ยายจึงยกลูกให้ไปอยู่กับคุณนาย ลูกก็เสียใจร้องไห้ฟูมฟายและเขียนจดหมายพรรณนาถึงความอาภัพของตนเอง ส่งมาให้ยายอ่านทุกเดือน  ขณะที่ลูกอยู่กับคุณนาย ลูกเรียกเธอว่า “คุณป้าหญิง”  เธอส่งลูกไปเรียนโรงเรียนเอกชนเกรดดี มีแต่ลูกคนรวยๆไปเรียน  มีลูกเท่านั้นที่ดูสกปรก  หน้าตาเต็มไปด้วยกลากเกลื้น  ไม่มีใครเล่นกับลูกเลย  ทุกคนรังเกียจลูกหมด  คุณนายให้เงินลูกไปกินขนมสัปดาห์ละ 10 บาท  จะจ่ายให้ทุกวันจันทร์  ซึ่งลูกก็จะใช้หมดในวันจันทร์วันเดียวเลย พอวันอังคารถึงวันศุกร์ลูกไม่มีเงินซื้อขนมลูกก็จะไปขโมยขนมของร้านค้าที่โรงเรียนกินทุกวัน  สำหรับน้ำดื่มลูกจะดื่มน้ำจากก๊อกล้างมือ  เพื่อนๆก็จะมามุงมองกันและล้อเลียนว่า “พวกเราดูอีเกลื้อนกินน้ำก๊อก”  ทำท่าสะอิดสะเอียนใส่ลูก ลูกก็จะเอาน้ำสาดเพื่อน เมื่อเวลากลางวันลูกไม่มีเพื่อนแล่น ลูกก็จะนั่งที่ม้าหินของโรงเรียน และสังเกตครูที่เดินไป-มา และลูกก็จะจินตนาการว่า โตขึ้นลูกจะเป็นเหมือนคนนั้นคนนี้  ต้องมีรถขับ  ต้องมีกระเป๋าแบบนี้  ต้องสวมรองเท้าแบบนี้  ครูคนที่สะดุดตาลูกมากคือ คุณครูใหญ่  ลูกสังเกตว่าคุณครูทุกคนที่เดินผ่านคุณครูใหญ่ จะยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ลูกจึงจินตนาการว่า ลูกอยากเป็นครูใหญ่  และเมื่อใครถามว่าโตขึ้นจะเป็นอะไร  ลูกก็จะตอบว่า  “เป็นครูใหญ่” ทุกคนก็จะพากันขำว่า ลูกทำไมต้องเป็นครูใหญ่ด้วย เป็นครูเฉยๆไม่ได้หรือ  ลูกก็จะไม่ตอบอะไรเพียงคิดในใจว่า ครูใหญ่นี่ใหญ่จริงๆ
 
    ต่อมาลูกเรียนถึง ม.4  คุณป้าหญิงก็เสียชีวิตลง หลานๆของคุณป้าหญิงซึ่งมีท่าทางรังเกียจลูกมาตั้งแต่แรก ก็เนรเทศลูกออกจากตระกูลของเขา ทั้งที่ยังไม่ได้เผาศพคุณป้าหญิง  เขาเกรงว่าลูกจะได้รับมรดกบางส่วนจากคุณป้าหญิง เมื่อเปิดพินัยกรรมหลังเสร็จงานศพแล้ว  เขาจึงรีบไล่ลูกออกมาก่อน
 
    ลูกจึงต้องกลับมาอยู่กับแม่และพ่อเลี้ยงเหมือนเดิม โดยแม่หางานให้ลูกเป็นครูสอนเด็กเล็กที่โรงเรียนที่แม่ขายขนมเด็กอยู่ ลูกได้เงินเดือนๆละ 750 บาท พ่อเลี้ยงขอเดือนละ 300 บาท แม่ขอค่ากับข้าวเดือนละ 300 บาท  ลูกเหลือเงินใช้เดือนละ 150 บาท และยังถูกกระแนะกระแหนจากพ่อเลี้ยงเหมือนเดิม ลูกทนอยู่ได้ 3 ปี ลูกจึงขอมาอยู่กับยาย แต่ก็โดนพ่อเลี้ยงด่าทออย่างรุนแรง แม่ก็รุมซ้ำด้วยว่า จองหองอวดดี น้องสามคนซึ่งเป็นลูกพ่อเลี้ยงก็เก็บเสื้อผ้าของลูกปาสุมใส่หัวลูกพร้อมกับบอกให้รีบออกไปให้พ้นจากบ้านนี้ ลูกก็กลับมาอยู่กับยายและขอยายเรียนต่อ ยายก็บอกว่าจะเรียนไปทำไม ลูกผู้หญิงเดี๋ยวแต่งงานแล้วความรู้ก็ไม่ได้ใช้อะไร ยายก็ไม่ให้เรียน 
 
    ต่อมา สามีของลูก มาขอแต่งงานชีวิตลูกก็ดีขึ้น  และลูกได้ย้ายมาอยู่บ้านสามีได้สอนหนังสือที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสมุทรปราการ โดยมีวุฒิแค่เพียง ม.3 เท่านั้น  ลูกจึงไปเรียน กศน.ต่อ และศึกษาในระดับปริญญาตรี
 
    ช่วงที่ลูกอยู่กับสามี ลูกยังนอนร้องไห้อยู่เหมือนเดิม เพราะติดภาพและอารมณ์เก่าๆ โดยที่สามีไม่รู้ บัดนี้อารมณ์ต่างๆ เหล่านั้นได้หายหมดแล้ว เพราะลูกคิดว่าที่ลูกถูกทารุณกรรมเป็นเพราะวิบากกรรมของลูก ซึ่งความคิดเช่นนี้มีมาตั้งแต่ลูกถูกทารุณใหม่ๆ ลูกยังคิดว่า ทำไมลูกถึงคิดได้เช่นนั้นทั้งๆที่ลูกยังเป็นเด็ก บัดนี้ ลูกพากเพียรจนจบปริญญาโท ด้านบริหารการศึกษา และความฝันของลูกที่เคยคิดว่าลูกจะเป็นครูใหญ่นั้น ลูกก็ได้เป็นสมใจ และยังได้เป็นเจ้าของโรงเรียนอนุบาลอีกด้วย นอกจากนี้ลูกยังได้เป็นสตรีตัวอย่างแห่งปี (Woman of the year 2001) และเป็นบุคคลดีเด่น อื่นๆอีกหลายโล่ ลูกไม่เคยคิดเลยว่า ลูกจะได้เป็นถึงเพียงนี้
 
    ลูกไม่มีบุตรกับสามี แต่ได้นำเด็กมาเลี้ยง 1 คน ซึ่งผู้ปกครองของเด็กได้จ้างเลี้ยงไว้เป็นเวลา 5 ปีแล้ว เด็กเรียกลูกว่า “แม่” และเรียกสามีลูกว่า “ป๊า” ทั้งลูกและสามีรักเด็กคนนี้มากเหมือนลูกของเราเองเลยค่ะ
 
ลูกขอกราบเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อดังนี้คะ  
 
1.ลูกมีกรรมอะไรจึงถูกพ่อเลี้ยงตบตีทารุณตลอดเวลา
 
2.กรรมอะไรคะที่ทำให้ลูกต้องกินข้าวกับน้ำปลานานถึง 4 - 5 ปีจนทำให้ลูกชอบกินอาหารรสเค็มจัดจนถึงทุกวันนี้ ทำไมชีวิตลูกต้องระเหเร่ร่อนตั้งแต่ยังเด็ก
 
3.บุญอะไรทำให้มีคุณนายมารับตัวลูกไปเลี้ยงอย่างดี   แต่ทำไมตอนเป็นนักเรียนลูกจึงมีนิสัยชอบขโมยไม่ว่าจะเป็นการขโมยเงิน หรือของกิน ถึงแม้จะเรียนมัธยมแล้วก็ตามเมื่อกลับถึงบ้านลูกจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดหลวมๆ แล้วออกไปขโมยขนมใส่พุงมาจนเต็ม
 
4.แม่ของลูกไม่รักลูกเท่ากับน้องๆทั้ง 3 คน เพราะอะไรคะ และแม่มักพูดให้ลูกเสียใจน้อยใจเสมอ ถึงแม้ลูกจะเป็นเจ้าของโรงเรียนแล้ว แม่ก็ยังพูดอยู่
 
5.แม่ของลูกเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งที่โพรงจมูก ก่อนแม่เสียชีวิตลูกก็รักษาแม่ด้วยเงินของลูกคนเดียว เมื่อแม่ใกล้สิ้นใจ แม่ก็ยังไม่เรียกหาลูก แต่แม่เรียกหาน้องๆ   แม่พูดว่า แม่อยากกอดน้องๆ ทำไมเป็นเช่นนั้นคะ ลูกทำบุญทุกบุญอุทิศให้แม่ทั้งหมด แม่ได้รับบุญที่ลูกอุทิศให้หรือไม่คะ ตอนนี้แม่ของลูกอยู่ที่ไหน  แม่ฝากอะไรถึงลูกบ้างหรือเปล่าคะ
 
6.ทุกวันนี้น้องของลูกซึ่งเป็นลูกของพ่อเลี้ยงทั้ง 3 คน อยู่ในความอุปการะของลูก โดยทุกคนทำงานอยู่ในโรงเรียนของลูก บางคนก็ดีกับลูก บางคนก็ไม่ดีกับลูกคอยจะคิดเอาเปรียบตลอดเวลาเป็นเพราะอะไรคะ
 
7.ลูกกับเด็กที่เลี้ยงไว้ มีวิบากกรรมอะไรร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อนหรือเปล่าคะ แม้กระทั่งย่าของเด็กทุกวันนี้ เธอก็ยังเป็นผู้นำบุญให้ลูก และคอยเกื้อกูลลูกตลอดเวลา
 
8.ทำไมลูกชอบฝันถึงอะไรแปลกๆ ฝันถึงของสูงที่อยู่เบื้องบน เช่น ฝันถึงพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 5, 7 และ 9 บ่อยครั้ง โดยเฉพาะรัชกาลที่ 5 ฝันเห็นเรือสุพรรณหงส์พาดขอบฟ้าทั้งลำ ฝันว่ามีคนพาไปเที่ยวเมืองสวรรค์และเมืองนรก ฝันเช่นนี้ติดต่อกันเป็นเดือนๆ จนทำให้ลูกคิดว่าลูกจะตายหรือเปล่า หรือว่ามันเป็นเพียงความฝันเพ้อเจ้อของลูกไปเองหรือเปล่าคะ
 
9.ลูกชอบขึ้นพนาวัฒน์มาก ได้ขึ้นไปปฏิบัติธรรมหลายครั้งแล้วลูกคิดว่า อนาคตลูกจะเลิกทำกิจการทั้งปวง โดยยกกิจการทั้งหมดให้น้องๆ แล้วลูกจะช่วยงานวัด ทำตัวให้เป็นประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา หลวงพ่อว่าจะเป็นไปได้ไหมคะ ลูกเคยสร้างบารมีมากับหมู่คณะบ้างไหมคะ
 
    สุดท้ายนี้ลูกกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อมากค่ะที่ได้อ่าน Case study ของลูกซึ่งค่อนข้างยาว ลูกชอบเพลงจดหมายจากตะวันมาก ฟังครั้งแรกลูกร้องไห้เลยค่ะ เหมือนพระเดชพระคุณหลวงพ่อแต่งให้กับลูกเลยค่ะ 
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากัน นะจ๊ะ
 
1.ในอดีตลูกเป็นผู้ชาย เป็นพ่อค้าฐานะร่ำรวย ช่วงเริ่มต้นชีวิตเป็นคนดุร้าย และตระหนี่ ชอบตีข้าทาสบริวารในเรือน เมื่อไม่พอใจข้าทาสก็ให้อดข้าว และบอกว่าทำงานไม่คุ้มข้าวสุก ด้วยกรรมนี้ทำให้มาเจอพ่อเลี้ยงที่ชอบตบตีทำทารุณกรรม
 
 
2.ในอดีตมีความตระหนี่มาก จะหวงข้าวปลาอาหาร ไม่ให้ข้าทาสบริวารอยู่ดีกินดี ให้อดๆอยากๆ ลงโทษให้อดอาหารและบางทีก็ไล่ออกจากเรือนไปเลย ทำให้ชาตินี้ต้องระเหเร่ร่อนตั้งแต่เด็ก อดๆอยากๆ ต้องกินข้าวกับน้ำปลาอยู่หลายปี
 
 
3.ภายหลังเจอกัลยาณมิตร ตอนมีปัญหาเรื่องกิจการค้าตกต่ำ จึงได้รับคำแนะนำให้มาเจอหมู่คณะ ได้รับรู้เรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตทำให้เริ่มปรับปรุงตัวเองจากความตระหนี่และโหดร้ายต่อข้าทาสบริวาร
 
 
  • วจีกรรมที่เคยพูดไม่ดีกับข้าทาสบริวารทำให้เป็นกลากเกลื้อน
  • เมื่อเลิกตระหนี่จึงเลี้ยงดูบริวารดีขึ้น ให้การศึกษาแก่ข้าทาสบริวาร และสนับสนุนให้พระเณรเรียนหนังสือ ทำให้มีคุณนายมารับไปเลี้ยงดูอย่างดี และให้การศึกษา
 
 
  • ที่มีนิสัยขโมยตอนเป็นนักเรียน เพราะติดนิสัยข้ามชาติตอนเป็นพ่อค้าชอบรับซื้อของโจร ชอบประกอบการค้าด้วยความคดโกง
 
 
  • วิบากกรรมเจ้าชู้ในอดีตทำให้มาเป็นผู้หญิง และมีบิดาเจ้าชู้คล้ายตัวเองในอดีต
 
 
4.กรรมเจ้าชู้ในอดีตที่มีลูกเมียหลายคน ไม่ได้ให้ความใส่ใจกับลูกเมียบางคน ทำให้ในปัจจุบันเวลาแม่เห็นตัวลูกมักจะพูดให้น้อยใจ เสียใจ อีกทั้งนึกถึงความเจ้าชู้ของพ่อที่ทำให้แม่ช้ำใจเลยมาลงที่ลูก ทำให้รู้สึกว่าแม่ไม่รัก ทั้งๆที่แม่ก็รัก
 
 
5.แม่ตายแล้วไปเกิดเป็นบริวารของภุมมเทวาสายยักษ์
  • ได้รับบุญที่อุทิศไปให้ มีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม มีอาหารทิพย์ มีเสื้อผ้าดีขึ้น แต่ยังเป็นบริวารรับใช้เขาอยู่
 
 
  • แม่ดีใจที่ได้รับบุญที่ลูกอุทิศไปให้ และฝากขอบคุณมาถึงลูกที่อุทิศบุญไปให้ท่าน ซึ่งเป็นลูกเพียงคนเดียวในหลายคนที่ทำบุญไปให้ อีกทั้งขอโทษที่ตอนเป็นมนุษย์ได้ทำให้ลูกต้องเสียใจ และน้อยใจ
 
 
6.ที่น้องๆของลูกบางคนดี บางคนไม่ดี คิดจะเอาเปรียบลูกตลอดเวลา ลูกอย่าไปคิดอะไรเลย คิดว่าเราทำบุญสงเคราะห์ญาติ จะได้เป็นบุญกุศลของเราที่จะไปตัดรอนวิบากกรรมเก่าที่ลูกทำ
 
 
7.ลูกกับเด็กที่เลี้ยงเอาไว้ในอดีตเคยเป็นพ่อลูกกันในชาติที่เกิดเป็นพ่อค้าร่ำรวยแต่ตระหนี่ ส่วนคุณย่าของเด็ก คือ กัลยาณมิตรในชาตินั้น ทำให้ลูกมาเจอหมู่คณะ ชาตินี้ก็มาเป็นกัลยาณมิตรให้อีก
 
 
8.ลูกชอบฝันเห็นรัชกาลต่างๆโดยเฉพาะ ร.5 เพราะความนับถือเทิดทูนเป็นพิเศษก็เลยเก็บเอาไปฝัน 
  • ส่วนที่ฝันว่ามีคนพาไปนรก-สวรรค์ติดต่อกันเป็นเดือน เพราะมีความเชื่อเรื่องเหล่านี้อยู่ อย่ากังวลเกินไป ไม่มีเหตุหรือกรรมอะไรเป็นพิเศษ
 
 
9.ลูกเคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาโดยเป็นกองเสบียงมาหลายชาติ บางชาติก็พลัดกัน ชาตินี้ให้สร้างบารมีร่วมกันให้ตลอดจะได้ไม่พลัดพรากกันอีก
 
 
  • ให้ดูแลกิจการโรงเรียนไปเหมือนเดิมจะได้สอนให้เด็กเป็นคนเก่งและดี แล้วพาเด็กเข้าวัดฟังธรรมจะได้มีความรู้คู่คุณธรรม เป็นพลเมืองดีของชาติ เป็นต้นบุญต้นแบบที่ดีของโลก อย่างนี้ก็ถือว่าได้ทำประโยชน์ให้แก่พระศาสนา
 

http://goo.gl/fNL8E

กรณีศึกษากฎแห่งกรรมจากชีวิตจริง (Case study in real life)

บุคคลที่ปรากฏในเรื่องราวต่อไปนี้ มีตัวตนจริงในปัจจุบัน ประสบชะตากรรมขึ้นลงตามกระแสของวัฏฏะและกฎแห่งกรรม (ชมตัวอย่างบทสัมภาษณ์จากรายการชีวิตในสังสารวัฏ) ผู้อ่าน-ผู้ชมก็อย่าเพิ่งเชื่อหรือปฏิเสธในทันที ควรศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา แล้วค่อยนำไปเป็นอุทธาหรณ์ในการดำเนินชีวิตต่อไป

"วิชชาธรรมกาย" เป็นความรู้ดั้งเดิมในพระพุทธศาสนา เมื่อปฏิบัติแล้วสามารถไปรู้ไปเห็นเรื่องราวกฎแห่งกรรม การเวียนว่ายในภพภูมิต่างๆ ตรงตามพระธรรมคำสอนในพระไตรปิฎก วิชชาธรรมกายจึงเป็นหลักฐานยืนยันการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทันสมัยตลอดกาล (อกาลิโก)



พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      Case Study โรคมะเร็งลำไส้และภาวะลำไส้อุดตัน (คุณแม่ชื้น)
      Case Study โรคปอดติดเชื้อ (คุณพ่อกิตติ)
      Case Study โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (คุณพ่อวิศิษฎ์)
      Case Study โรคมะเร็งท่อไต (โยมแม่นุชชดา)
      ราชองครักษ์ชาตินักรบ ตอนที่ 16 (ตอนจบ)
      Case Study วิบากกรรมใดทำให้ไปเป็นสัมภะเวสี (คุณพ่อหัน)
      วิบากกรรม "คนหาปลา" ตอนจบ
      Case Study โรคมะเร็งลำไส้ (อุบาสกปองสิชฌ์) ตอนที่ 2 (ตอนจบ)
      Case Study โรคมะเร็งลำไส้ (อุบาสกปองสิชฌ์) ตอนที่ 1
      Case Study โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ (พระจุมพล)
      วิบากกรรมน้ำท่วมปอด (คุณแม่พยอม)
      Case Study โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ (โยมพ่อเกษมศักดิ์) ตอนที่ 3 (ตอนจบ)
      Case Study โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ (โยมพ่อเกษมศักดิ์) ตอนที่ 2




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related