แม่จ๋า...คิดถึงหนูบ้างไหม

คุณแม่จำใจต้องยกเธอให้คนอื่นตั้งแต่เธอยังเล็ก ด้วยความจำเป็น …ผ่านมากว่า 20ปี เธอจึงมีโอกาสได้พบญาติและคุณแม่ที่แท้จริงอีกครั้ง …เธอประกอบเหตุมาอย่างไร แม้จะแต่งงานโดยวิธีการคลุมถุงชน แต่เธอก็ได้สามีที่ดี ทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านที่ดีตลอดมา อีกทั้งลูกๆทุกคนของเธอเป็นเด็กดี น่ารัก เชื่อฟังพ่อแม่ https://dmc.tv/a926

บทความธรรมะ Dhamma Articles > กรณีศึกษากฎแห่งกรรม
[ 12 ส.ค. 2548 ] - [ ผู้อ่าน : 18272 ]
CASE  STUDY
แม่จ๋า..คิดถึงหนูบ้างไหม  
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
 
    ลูก เป็นนักเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาได้เพียง 2 เดือนเท่านั้นค่ะ ก่อนนั้นลูกก็เหมือนคนทั่วไปที่ยังไม่เข้าใจวัด แต่โชคดีที่มีลูกสาวเป็นกัลยาณมิตรชวนไปปฏิบัติธรรมที่ชลพฤกษ์รีสอร์ท จังหวัดนครนายก  จึงทำให้ลูกได้มารู้จักเส้นทางการสร้างบารมี เมื่อกลับมาจากการปฏิบัติธรรมแล้ว ลูกก็ได้ติดตามชม DMC อย่างสม่ำเสมอทุกวันค่ะ ลูกกราบขอความเมตตาคุณครูไม่ใหญ่ฝันในฝันเรื่องของลูกดังนี้ค่ะ
 
    ลูก เติบโตมาในครอบครัวคนจีนย่านนางเลิ้ง ที่บ้านเปิดเป็นร้านขายของชำขนาดย่อม  ลูกเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของครอบครัว   เมื่อเรียนจบ ป.4 แม่ก็ให้ออกมาเป็นกำลังหลักในการค้าขาย เพราะเห็นว่าลูกอ่านหนังสือออก  เขียนได้
 
    ตั้งแต่เล็กจนโต พ่อกับแม่ มักทะเลาะกันให้ลูกได้ยินอยู่บ่อยๆ ที่ทะเลาะกันก็เพราะแม่หึงหวงที่พ่อแอบไปมีผู้หญิงใหม่ บางครั้งก็มีปากเสียงกันรุนแรงถึงขนาดจะแยกกันอยู่   จนลูกชินเสียแล้วค่ะ
 
    แล้ววันหนึ่ง เสียงทะเลาะก็ดังขึ้นอีก แต่คราวนี้ดังจนลั่นบ้าน ขณะนั้นแม้ลูกจะอายุเพียง 8 ขวบ แต่ก็พอจะรู้ความ เหตุที่ต้องทะเลาะกันเพราะแม่จับได้ว่าพ่อไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยจริงๆ  แทนที่พ่อจะกลัว กลับยืนกรานว่าจะเอาภรรยาใหม่เข้ามาอยู่ในบ้านให้ได้ แต่คนอย่างแม่หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอม  จึงขึ้นเสียงดัง   ลูกสะดุดใจกับเหตุผลที่พ่อบอกว่า...พ่อต้องมีเมียน้อย ก็เพราะอยากจะได้ลูกชาย แต่แม่เป็นหมัน จึงมีลูกให้พ่อไม่ได้...ลูกฟังแล้วก็ยังงงๆ เกิดความสงสัยขึ้นมาทันทีว่า “ถ้าหากว่าแม่เป็นหมัน แล้วตัวลูกจะเกิดมาได้อย่างไร” 
 
    ลูกสังเกตว่าที่ผ่านมา แม่ก็ไม่เคยแสดงออกเลยสักนิดว่า “รักลูก”  ตรงกันข้าม พอลูกทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ แม่ทั้งดุทั้งด่า ด่าซ้ำๆซากๆ  บางครั้งด่าด้วยคำหยาบคาย จนลูกต้องเก็บไปถามคนอื่นว่า ไอ้คำนี้มันหมายความว่าอะไร  บางครั้งแม่ก็ขู่ว่า “เดี๋ยวจะเอามีดสับให้เละเลย”  ไม่ใช่แค่นั้นค่ะ ทั้งรองเท้า ไม้กวาด และไม่ว่าอะไรที่อยู่ใกล้มือ พอที่แม่จะหยิบฉวยได้ แม่ก็จะขว้างใส่ลูกอย่างไม่ไยดี  จนลูกสุดที่จะทน เคยหนีไปอยู่ที่อื่นหลายครั้ง แต่ด้วยความรักและความสงสารแม่ จนแล้วจนรอดลูกก็ต้องกลับมาอีก เพราะรู้ว่าแม่ไม่มีใครอีกแล้ว นอกจากลูกเพียงคนเดียว
 
    วันหนึ่งพอได้โอกาส ลูกก็เลยตัดสินใจถามแม่ตรงๆ ด้วยความอยากรู้ แม่อึ้งไปพักใหญ่ แล้วก็ตอบลูกอย่างไม่ปิดบังว่า  “ใช่น่ะสิ เอ็งมันไม่ใช่ลูกฉันหรอก เอ็งถูกยกให้กับฉันตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย แล้วแม่เอ็งก็หายไปไหนไม่รู้ ” 
 
    เมื่อรู้ว่าลูกเป็นเพียงเด็กที่แม่รับมาเลี้ยงเท่านั้น ลูกก็เอาแต่ร้องไห้  มีน้ำตาไว้เป็นเพื่อน  ตัดพ้อต่อว่าโชคชะตาชีวิตด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ  ทำไมเราต้องไม่มีแม่  เกิดความรู้สึกว้าเหว่ใจอย่างบอกไม่ถูก แล้วแม่ของเราอยู่ที่ไหนล่ะ พอเห็นลูกค้าที่เป็นผู้หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาซื้อของที่ร้านครั้งใด ลูกก็จะนึกในใจว่า “เอ้ะ! จะใช่แม่ของเราหรือเปล่านะ”  ในใจเฝ้าแต่โหยหาแม่อยู่ตลอดเวลา  โดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้แม่ไปอยู่ที่ไหน  ได้แต่หวังว่าอยากมีโอกาสเห็นหน้าแม่สักครั้ง  เวลาได้ผ่านไปนานหลายปี ความรู้สึกในใจก็ยังโหยหาแม่อยู่เสมอ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้เห็นหน้าแม่เลยสักนิดเดียว แล้วในที่สุดความหวังที่เคยมีก็ค่อยๆลิบหรี่ลงไปเรื่อยๆ 
 
    พอโตเป็นสาว ลูกเริ่มมีหนุ่มๆ มาชอบพอ และวานให้คนมาสู่ขอที่บ้าน ตอนแรกๆ แม่ก็ยังไม่ยอมยกให้ พยายามรั้งลูกไว้เพราะกลัวว่าหากออกเรือนไปแล้ว ก็จะไม่มีใครช่วยงานที่ร้าน จนลูกอายุได้ 28 ปี แม่ถึงอนุญาตให้แต่งงานอย่างเสียไม่ได้ เพราะความเกรงใจน้าสาวที่คอยเป็นแม่สื่อแม่ชัก แล้วลูกกับสามีก็ถูกคลุมถุงชนโดยที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน พอแต่งงานแล้ว ลูกก็ย้ายมาอยู่บ้านสามีได้พักหนึ่ง จากนั้นลูกกับสามีก็ตัดสินใจแยกออกไปตั้งกิจการส่วนตัว เราสองคนช่วยกันก่อร่างสร้างตัวโดยเปิดร้านทำกรอบรูป กระจก และอะลูมิเนียม จนกระทั่งมีฐานะมั่นคงขึ้นตามลำดับ
 
    อยู่มาวันหนึ่ง  ขณะที่ลูกกำลังวุ่นอยู่กับงานที่ร้าน ก็มีเด็กสาวคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหาลูก เธอบอกกับลูกว่า ลูกคือคนที่แม่ของเธอให้ออกตามหา เพราะแม่ของเธอเป็นพี่สาวแท้ๆ ของลูก ที่พลัดพรากกันมาตั้งแต่ยังเด็ก แล้ววันต่อมา เธอก็พาแม่ของเธอมายืนยันกับลูกด้วยตัวเอง  ทันทีที่ได้เห็นหน้า ลูกก็มั่นใจเลยว่า ใช่พี่สาวของลูกจริงๆค่ะ เพราะหน้าตาของเราคล้ายกันมาก แก่กว่ากันแค่เพียงสามปี พี่สาว บอกว่าได้เคยแวะเวียนมาหาลูกหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่กล้าบอกความจริง พอเธอแต่งงานแล้ว ก็ไม่ได้มาหาลูกอีกเลย จนกระทั่งลูกย้ายไปอยู่ร้านใหม่ พี่สาวจึงวานให้ลูกสาวของตนออกตามหาตัวลูก เพื่อจะได้พาลูกไปพบกับแม่ที่แท้จริง
 
    แล้วในที่สุด ลูกก็ได้มาพบกับแม่ผู้ให้กำเนิดจริงๆ สมกับที่หวังและรอคอยมานานกว่า 30 ปี พอได้เจอกันเท่านั้น ลูกเอาแต่ร้องไห้น้ำตาไหลอาบสองแก้ม จนพูดอะไรไม่ออก ส่วน แม่ ก็น้ำตาคลอเบ้า พร่ำรำพันว่าเสียใจและขอโทษที่ปล่อยให้ลูกต้องมาตกระกำลำบาก แล้วแม่ก็เล่าย้อนอดีตให้ฟังว่า ภายหลังจากพ่อของลูกเสียชีวิตในช่วงสงครามที่ประเทศจีน แม่ก็พาพี่สาวและลูกซึ่งขณะนั้นอายุได้เพียง 2 ขวบ นั่งเรือมาจากเมืองจีน หวังมาตายเอาดาบหน้า พอมาถึงเมืองไทย แม่ก็ออกหางานทำ มือทั้งสองจูงลูกสองคนไปด้วย ทั้งเหนื่อยทั้งหิว แต่ก็ไม่มีใครรับเข้าทำงานเลย  เพราะรังเกียจว่ามีลูกเล็กๆ ติดมาด้วย แม่ก็เลยตัดใจยกลูกสาวคนเล็กให้เพื่อนคนหนึ่งไป เหลือไว้เพียงลูกสาวคนโต แล้วไม่นานแม่ก็มาแต่งงานใหม่ จากนั้นชีวิตก็เริ่มสุขสบายขึ้น แม่บอกว่า ที่ไม่ได้กลับไปเยี่ยมลูกเลย เพราะคิดว่า ในเมื่อได้ให้เขาไปแล้ว ก็ไม่น่าจะไปตามทวงคืนค่ะ หลังจากที่ลูกได้มาพบแม่และพี่สาว ก็เลยทำให้ลูกมีญาติเพิ่มขึ้นอีกหลายสิบคน คุ้มกับที่รอคอยค่ะ
 
    สามีของลูก เป็นคนขยันขันแข็ง ทำงานเก่ง  เรียนจบแค่ ป.4 แต่มีหัวทางการค้า แม้เราสองคนจะถูกคลุมถุงชน แต่เมื่อได้ตัดสินใจอยู่ร่วมกันแล้ว สามีก็ทำหน้าที่พ่อบ้านที่ดีตลอดมา แต่เขาก็มีข้อเสียนิดเดียว ตรงที่เป็นคนไม่ค่อยตามเก็บเงิน บัญชีจึงรั่วไหลง่ายๆ ทำให้สูญเสียรายได้ไปเสียเฉยๆ ผิดกับลูกที่เป็นโรคกลัวความจนมาก จึงทั้งประหยัดมัธยัสถ์และจะเก็บเงินเก่งเป็นพิเศษ
 
    สามีชอบสะสมพระเครื่องเป็นชีวิตจิตใจ จะเรียกว่าเป็นเซียนพระก็ได้ค่ะ เพราะรู้ไปหมดว่าองค์นั้นองค์นี้เป็นรุ่นไหน รุ่นไหน  โดยเฉพาะช่วงหลัง  พอเห็นว่าฐานะมั่นคงแล้ว เขาก็เริ่มวางงาน จึงมีเวลาว่างมากพอที่จะไปเดินเตร็ดเตร่แถวท่าพระจันทร์และแหล่งเช่าพระที่อื่นๆ อีกหลายต่อหลายแห่ง แล้วก็จะได้พระเครื่องมาเก็บสะสมไว้แทบทุกครั้ง มีทั้งองค์เล็ก องค์ใหญ่ ทั้งใส่กรอบ ไม่ใส่กรอบ ทั้งที่ใส่ตู้และแขวนไว้ที่ข้างฝา แม้แต่กรอบกระจกบานใหญ่ที่ติดไว้ข้างฝาห้อง เขาจะซ่อนพระเก็บไว้ข้างใน ซ้อนเรียงไว้เป็นชั้นๆ อย่างสวยงาม  ส่วนตัวเขาเองก็ห้อยพระเสียจนเต็มราวคอ หากรวมพระที่มีอยู่ทั้งหมดมีประมาณพันกว่าองค์ค่ะ
 
    ต้นเดือนมีนาคม 2548 จู่ๆ สามีเกิดอุบัติเหตุพลาดหกล้ม จนหมดสติคาห้องน้ำ มีเลือดไหลออกทางปากเลอะเต็มพื้นห้องน้ำ ลูกๆ จึงรีบส่งโรงพยาบาล หมอตรวจพบว่า เส้นเลือดในสมองแตกและสมองเริ่มบวม จึงต้องพักรักษาตัวอยู่ในห้อง ICU  หมอคาดว่าจะอยู่ได้อีกไม่เกิน 24 ชั่วโมง จึงบอกให้ลูกทำใจ  แต่ลูกก็ยังทำใจไม่ได้เพราะกะทันหันเกินไป จึงพยายามยื้อชีวิตสามีต่อไป ด้วยวิธีให้ยาเพิ่มความดัน ต่อท่ออ๊อกซิเจน  และต่อสายระโยงระยางเต็มไปหมด แต่ก็ดูเหมือนว่าจะช่วยอะไรไม่ได้เลย ถึงจะมีลมหายใจอยู่แต่ก็ไม่รู้สึกตัวค่ะ  ในที่สุด ก็เลยปรึกษากันว่า จะงดยาเพิ่มความดัน ซึ่งเท่ากับปล่อยให้เขาค่อยๆ หมดลมหายใจไปเอง แล้วเขาก็เสียชีวิตลงอย่างสงบในวันนั้นเอง รวมอายุได้ 67 ปีค่ะ
 
    หลังจากสามีจากไปแล้ว ลูกก็คิดถึงเขามากค่ะ อยากจะให้เขาได้บุญใหญ่ๆ จึงตัดสินใจทำบุญเสาแก้วพันปี 1 ต้น 1 M ไปให้ด้วยความปลื้มปีติใจค่ะ จากนั้นไม่นาน ลูกก็ฝันว่า เห็นสามีเดินตรงเข้ามาหาที่ร้าน  เขาหน้าตาอิ่มเอิบสดใสเหมือนหนุ่มๆ มาในชุดเดียวกับที่ใส่ในวันสุดท้ายก่อนเสียชีวิต และในมือถือก็ถุงขนมมาฝากลูกๆ เหมือนทุกๆ ครั้ง  เขาเหมือนกำลังจะบอกอะไรลูกสักอย่าง  แต่ยังไม่ทันจะได้คุยกัน ลุกก็สะดุ้งตื่นขึ้นเสียก่อน
 
คำถาม
 
1. เพราะวิบากกรรมใด ลูกจึงไม่ได้อยู่กับแม่ผู้ให้กำเนิด  ต้องถูกยกให้คนอื่นเลี้ยงอย่างลำบาก และกว่าจะได้แต่งงานก็อายุ 28 ปีแล้วค่ะ    และบุญใดทำให้ได้มาพบแม่ผู้ให้กำเนิด
 
2. แม่ทั้งสองของลูก (คือแม่ผู้ให้กำเนิดและแม่เลี้ยง) และพ่อที่เมืองจีน ท่านทั้ง 3 ตายแล้วไปไหน ลูกทำบุญสร้างองค์พระไปให้ ไม่ทราบว่าได้รับหรือไม่ มีอะไรจะฝากบอกบ้างไหมคะ
 
3. ลูกและสามีถูกจับคลุมถุงชน ทั้งที่ไม่ได้ชอบพอกันมาก่อนเลย เป็นเพราะเคยสร้างบุพกรรมร่วมกันมาอย่างไรคะ ชาติต่อๆไปจะมีวิบากกรรมทำนองนี้อีกหรือเปล่าคะ
 
4. การที่ลูกงดให้ยาเพิ่มความดันกับสามี แล้วปล่อยให้ค่อยๆ หมดลมหายใจไปเองนั้น จะบาปไหมคะ การทำอย่างนี้จะทำให้มีวิบากกรรมหรือไม่คะ ถ้ามี จะแก้ไขได้หรือไม่คะ
 
5. เหตุใดสามีจึงชอบสะสมพระเครื่อง การสะสมพระเครื่องโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับไสยเวทเลย  จะได้บุญไหมคะ  การส่องพระเครื่องดูกันทั้งเช้าทั้งเย็นอย่างนี้ จะถือว่าเป็นการเจริญพุทธานุสสติหรือไม่คะ และจะส่งผลเป็นวิบากอย่างไรในภพชาติต่อๆไปคะ
 
6. ลูกขออนุญาตสามี (ในใจ) เพื่อนำพระที่เขาสะสมไว้ส่วนหนึ่ง มาแจกเป็นของที่ระลึกในงานศพ จนทุกคนที่มาร่วมงานต่างก็พออกพอใจ อยากทราบว่า ที่ลูกทำอย่างนี้ สามีจะได้บุญไหมคะ และเขาได้อนุโมทนากับสิ่งที่ลูกทำหรือเปล่าคะ
 
7. ลูกควรจะทำอย่างไรกับมรดกพระเครื่องที่เหลืออยู่ดีคะ เพราะยังมีเหลืออีกเป็นจำนวนมาก หากเก็บไว้ต่อไปก็เกรงว่าจะไม่มีใครดูแล  และลูกก็ปรารถนาจะนำทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของสามีมาทำให้เกิดผลบุญมากที่สุดคะ
 
8. สามีเสียชีวิตเพราะเส้นเลือดในสมองแตก เพราะวิบากกรรมใด ช่วงก่อนเสียชีวิต ลูกสาวได้นิมนต์พระมารับสังฆทานที่โรงพยาบาล ให้เขาได้ถวายผ้าไตรจีวรและได้ร่วมบุญสร้างองค์พระ   สามีรับรู้ไหมคะ ขณะนั้นใจหมองหรือใจใสคะ
 
9. สามีตายแล้วไปไหน มีคตินิมิตเป็นอย่างไร บุญสร้างพระประจำตัวกับบุญเสาแก้วพันปีที่อุทิศไปให้ สามีได้รับหรือไม่ มีสภาพดีขึ้นอย่างไร ครั้งที่ลูกฝันว่าสามีมาหานั้น เป็นความจริงหรือไม่คะ  ถ้าจริง เขามาหาเพื่อจะบอกอะไรกับลูกหรือเปล่าค่ะ
 
10. ลูกกราบขอความเมตตา ช่วยฝากบอกเขาว่า “ลูกจะตั้งใจสร้างบุญใหญ่ส่งไปให้เขาเรื่อยๆทุกบุญ” และช่วยเตือนเขาว่า “อย่าประมาทนะ  เพราะบุญที่ได้สร้างมาด้วยตนเองนั้นยังมีไม่มากพอ”   และสามี  มีอะไรจะฝากถึงทุกคนในครอบครัวไหมคะ 
 
11. ลูกๆ ทุกคนเป็นเด็กน่ารักเคารพเชื่อฟังพ่อแม่มาตลอด ไม่เคยทำให้หนักใจเลย ที่เป็นเช่นนี้เพราะลูกเคยทำบุญอะไรมาคะ  โดยเฉพาะลูกสาวคนที่สองนั้น รักการสร้างบารมีมาก ได้ ช่วยเหลืองานพระศาสนา (ทำเวบไซท์ให้วัด และสอนเกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์) จะทำให้ได้รับอานิสงส์อย่างไรคะ
 
12. ลูกและครอบครัวเคยสร้างบารมีมากับหมู่คณะอย่างไร มีผังเดิมหนาแน่นมากน้อยเพียงใดคะ  สามีของลูก พอมีสายบุญมากับหมู่คณะบ้างไหมคะ เพราะตอนมีชีวิตอยู่เขาก็ไม่ค่อยได้สร้างบุญเลย ลูกและครอบครัวจะต้องสร้างบารมีอย่างไรคะจึงจะสามารถติดตามคุณครูไม่ใหญ่ไปอยู่ดุสิตบุรีวงบุญพิเศษกันหมดทั้งครอบครัวคะ

ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ  ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
 
1. ลูกไม่ได้อยู่กับผู้ให้กำเนิด   ต้องถูกยกให้คนอื่นนำไปเลี้ยงอย่างลำบาก    เพราะ  …ในอดีตลูกก็เคยยกลูกไปให้คนอื่นเลี้ยง  และมีกรรมแห่ง “ความตระหนี่”   จึงถูกยกให้ไปอยู่กับครอบครัว  ที่ลูกต้องไปกรำงานหนักจ่ะ! 
 
 
  • ที่ต่อมาลูกได้พบแม่ผู้ให้กำเนิดเพราะ  … บุญที่เคยเลี้ยงดูบิดามารดาในอดีตที่มีอยู่บ้าง   ทำให้แม่ผู้ให้กำเนิดคิดถึงและตามมาจนพบลูกจ่ะ!
 
 
2. พ่อที่เมืองจีนตายในสมัยสงคราม  เพราะเป็นทหาร  ด้วยความจำเป็น   ตายใหม่ ๆ ก็ไปเป็น “กายสัมภเวสี” ร่อนเร่อยู่   ต่อมาได้รับบุญที่อุทิศไปให้   ก็ทำให้มีสภาพดีขึ้น คือ กายผ่องใสขึ้น, จากที่โทรมมานาน  และมีอาหารทิพย์กิน    แต่ยังต้องไปอาศัยวิมานของ  “ภุมมเทวา”  ชั้นสูงอยู่จ่ะ! 

 
  • “แม่เลี้ยง”  ตายแล้วไปเป็น  “ภุมมเทวาสายยักษ์”  โดยไปเป็นบริวารเขาอีกทีหนึ่งจ่ะ!  
  • ได้รับบุญที่อุทิศไปให้  ก็ดีขึ้นมาหน่อยนึง   แต่ก็ยังเป็นบริวารเขาอยู่  
 
  • “แม่ผู้ให้กำเนิด” ตายแล้วก็ไปเป็น “ภุมมเทวา”   ที่ดีกว่าพ่อและแม่เลี้ยง คือ มีวิมานเล็ก ๆ อยู่ในหมู่บ้านภุมมเทวาแห่งหนึ่ง             
  • ได้รับบุญที่อุทิศไปให้ก็ทำให้กายสว่างขึ้น , มีวิมานใหญ่ขึ้นและใสขึ้นมาหน่อยนึงจ่ะ!  
 
  • ท่านทั้ง 3 ก็ดีใจที่ได้บุญจากลูกที่อุทิศไปให้  และดีใจที่ลูกคิดถึงท่านจ่ะ!
 
 
3. ลูกและสามีถูกจับคลุมถุงชน  ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ชอบพอกันมาก่อน  เพราะ  … เคยเป็นสามี - ภรรยากันมาในอดีต  , ได้เกิดในสังคม เกษตรกรรม  ,  ได้เลี้ยงปศุสัตว์และมักจับสัตว์ให้มา “ผสมกัน” จ่ะ!   แต่ก็ได้มีบุญที่ทำร่วมกัน   จึงทำให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข          …ชาติต่อไปก็ยังมีวิบากกรรมดังนี้อยู่จ่ะ!
 
 
4. การที่ลูกงดให้ยาเพิ่มความดันกับสามี   แล้วค่อย ๆ ให้หมดลมหายใจไปนั้น   ก็ไม่บาปอะไร  เพราะเขาหมดอายุขัยแล้ว   เหมือนคนนอนหลับไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว   และต้องไปก่อนหน้านี้   แต่ลูกได้พยายามประคองกายหยาบให้เขาอยู่ต่อมาจ่ะ!   จึงไม่มีวิบากกรรมใดจ่ะ!
 
 
5. สามีชอบสะสมพระเครื่อง  เพราะชอบมีนิสัยนับถือของขลัง  กับสะสมของเก่าเป็นงานอดิเรกติดข้ามชาติมา  แต่ไม่ได้เกี่ยวกับไสยเวท
  • ถ้าสะสมเพื่อธุรกิจก็ไม่ได้บุญ  ,  ถ้าถือเพราะเป็นของเก่าเป็นงานอดิเรกก็ไม่ได้บุญ
  • แต่ถ้านับถือเพื่อเจริญ  พุทธานุสติจึงจะได้บุญ  
 
 
  • การส่องพระทั้งเช้าเย็น  เพื่อดูเนื้อหาของวัสดุที่ทำว่า  แท้หรือไม่แท้ ,  เก่าหรือใหม่  อย่างนี้ไม่ได้บุญ   และไม่ได้ถือว่าเป็นการเจริญพุทธานุสติจ่ะ! 
  • ถ้าทำดังกล่าวก็จะมีเชื้อแห่ง “ความหลง”   ไม่ได้เจริญปัญญา  เพราะติดในเครื่องรางของขลังมากกว่าติดในเนื้อหาของธรรมะจ่ะ!
 
 
6. สามีตายแล้วก็ไปเป็น “อากาสเทวา”   เพราะบุญที่ทำตามประเพณี  ,  ส่วนที่ลูกนำพระเครื่องของสามีมาแจกเป็นของที่ระลึกแก่ผู้ที่มางานศพ  จนทำให้ทุกคนดีใจ  ก็ทำให้สามีได้บุญบ้าง  เพราะถือว่าเป็นทานอย่างหนึ่ง   แต่ผู้ที่ได้รับไปก็ไม่ได้ไปเจริญพุทธานุสติ  ก็ไม่ค่อยได้บุญเท่าไหร่จ่ะ! 
 
 
  • ขณะนี้สามีกำลังตื่นเต้นกับสังคมใหม่และสิ่งใหม่ ๆ   จึงไม่ค่อยได้สนใจในเมืองมนุษย์ 
  • ส่วนพระเครื่องที่เหลืออยู่   ลูกก็ควรนำไปถวายพระ  ที่ท่านกำลังสร้างวัด   เพื่อให้ท่านนำไปแจกแก่ผู้มาทำบุญสร้างวัด   ลูกและสามีก็จะได้บุญด้วยจ่ะ!
 
 
7. สามีเส้นเลือดสมองแตก   เพราะวิบากกรรมในชาติที่เกิดในสังคมเกษตรกรรมในชาติดังกล่าว   ได้ฆ่าสัตว์โดยสั่งและทำเองให้ “ทุบหัวสัตว์”   เพื่อนำไปขายและทำอาหารมาส่งผลจ่ะ!  

 
  • ที่ลูกฝันว่าสามีมาหา   ก็เป็นเรื่องของจิตนิวรณ์   เพราะตอนนี้เทพบุตรใหม่กำลังเรียนรู้   และตื่นเต้นกับสังคมใหม่อยู่จ่ะ!  
 
  • สามีใจใสพอประมาณ  ตายแบบหลับแล้วตื่นขึ้นเป็น “อากาสเทวา” ดังกล่าวจ่ะ!  
  • ได้รับบุญทุกบุญที่อุทิศไปให้  ก็ยิ่งทำให้มีทิพยสมบัติเพิ่มขึ้นจ่ะ!  
  • ได้ฝากข้อความไปถึงสามีแล้ว   และสามีก็ดีใจและฝากขอบคุณมาจ่ะ!
 
 
8. ลูก ๆ ทุกคนเป็นเด็กน่ารัก   เชื่อฟังพ่อ – แม่มาตลอด  เพราะ … บุญที่เคยทำทานด้วยความเคารพมาในอดีต   มาส่งให้บุตรธิดาได้อยู่ในโอวาทจ่ะ!  

 
  • ลูกสาว “คนที่สอง” รักการสร้างบารมีมาก   ได้มาช่วยงาน    พระศาสนา   ก็จะทำให้ได้อานิสงส์ คือ จะทำให้มีบริวารพรรคพวกเพื่อนพ้องที่ดีมากมาย  ,  จะเป็นผู้มีปัญญาไปทุกชาติจ่ะ!
 
 
9. ลูกและครอบครัว  สร้างบารมีกับหมู่คณะมาแบบ      “กองเสบียง” โดยบางชาติก็เจอกัน , บางชาติก็ไม่เจอกัน  การสร้างบารมีกับหมู่คณะยังไม่ต่อเนื่องจ่ะ!  

 
  • สามีของลูกก็มีสายบุญอยู่กับหมู่คณะบ้างแบบเบาบาง   แต่ได้บุญช่วงท้ายก่อนตาย   จึงส่งให้ไปเกิดเป็น “อากาสเทวา” จ่ะ!  
 
  • ชาตินี้มาเจอกันอีก   ก็ให้ลูกและครอบครัวตั้งใจสร้างบารมีอย่างเต็มที่เต็มกำลังในทุกบุญ    แล้วอธิษฐานจิตตามติดไปดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์   อย่าได้พลัดกันเลยจ่ะ!
 

http://goo.gl/PKBOF

กรณีศึกษากฎแห่งกรรมจากชีวิตจริง (Case study in real life)

บุคคลที่ปรากฏในเรื่องราวต่อไปนี้ มีตัวตนจริงในปัจจุบัน ประสบชะตากรรมขึ้นลงตามกระแสของวัฏฏะและกฎแห่งกรรม (ชมตัวอย่างบทสัมภาษณ์จากรายการชีวิตในสังสารวัฏ) ผู้อ่าน-ผู้ชมก็อย่าเพิ่งเชื่อหรือปฏิเสธในทันที ควรศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา แล้วค่อยนำไปเป็นอุทธาหรณ์ในการดำเนินชีวิตต่อไป

"วิชชาธรรมกาย" เป็นความรู้ดั้งเดิมในพระพุทธศาสนา เมื่อปฏิบัติแล้วสามารถไปรู้ไปเห็นเรื่องราวกฎแห่งกรรม การเวียนว่ายในภพภูมิต่างๆ ตรงตามพระธรรมคำสอนในพระไตรปิฎก วิชชาธรรมกายจึงเป็นหลักฐานยืนยันการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทันสมัยตลอดกาล (อกาลิโก)



พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      Case Study โรคมะเร็งลำไส้และภาวะลำไส้อุดตัน (คุณแม่ชื้น)
      Case Study โรคปอดติดเชื้อ (คุณพ่อกิตติ)
      Case Study โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (คุณพ่อวิศิษฎ์)
      Case Study โรคมะเร็งท่อไต (โยมแม่นุชชดา)
      ราชองครักษ์ชาตินักรบ ตอนที่ 16 (ตอนจบ)
      Case Study วิบากกรรมใดทำให้ไปเป็นสัมภะเวสี (คุณพ่อหัน)
      วิบากกรรม "คนหาปลา" ตอนจบ
      Case Study โรคมะเร็งลำไส้ (อุบาสกปองสิชฌ์) ตอนที่ 2 (ตอนจบ)
      Case Study โรคมะเร็งลำไส้ (อุบาสกปองสิชฌ์) ตอนที่ 1
      Case Study โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ (พระจุมพล)
      วิบากกรรมน้ำท่วมปอด (คุณแม่พยอม)
      Case Study โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ (โยมพ่อเกษมศักดิ์) ตอนที่ 3 (ตอนจบ)
      Case Study โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ (โยมพ่อเกษมศักดิ์) ตอนที่ 2




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related