พบกันวันลอยกระทง

ลูกที่ถูกลืมและความทุกข์ที่ต้องยอมทนถึง 11 ปี กับเหตุอัศจรรย์ที่ทำให้แม่ลูกได้พบกันในวันลอยกระทง ชีวิตที่รุ่งเรืองด้วยอานุภาพแห่งบุญ และคำถาม ที่ 1 การเลี้ยงดูมารดา ไม่เคยโกรธที่ถูกทิ้ง จะได้รับอานิสงส์อย่างไร 2. บุพกรรมใดในวัยเด็กจึงลำบากมากต้องถูกกดขี่ข่มเหง ภายหลังชีวิตดีขึ้น เป็นเพราะผลบุญใด https://dmc.tv/a786

บทความธรรมะ Dhamma Articles > กรณีศึกษากฎแห่งกรรม
[ 6 พ.ย. 2555 ] - [ ผู้อ่าน : 18276 ]
View this page in: 中文
CASE   STUDY
พบกันวันลอยกระทง
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
 
    ผม เป็นนักเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาพันธุ์แท้ครับ เพราะเริ่มเข้าเรียนตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่คุณครูไม่ใหญ่เปิดโรงเรียน มาจนถึงทุกวันนี้ยังไม่เคยขาดเลยครับ  ตั้งแต่ได้มาเป็นนักเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทำให้ผมได้เข้าใจความเป็นจริงของชีวิตที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังจากที่ไหนมาก่อน ผมจึงทุ่มเทสร้างบารมีอย่างเต็มที่เต็มกำลังในทุกๆบุญ เพราะเชื่อมั่นว่าตลอดชีวิตนี้คงไม่อาจได้ฟังสิ่งที่ดีๆ อย่างนี้จากที่ไหนอีกแล้ว  ยกเว้น DMC…ช่องนี้ช่องเดียวครับ ผมกราบขอความเมตตาคุณครูไม่ใหญ่ได้ฝันในฝัน ดังนี้ครับ
   
    คุณแม่ของผม เริ่มมาวัดพระธรรมกายครั้งแรกเมื่อปี 2527 แล้วก็เข้าวัดต่อเนื่องเรื่อยมาแทบทุกอาทิตย์ ยิ่งวันอาทิตย์ต้นเดือน ท่านจะไม่เคยขาดเลยครับ นอกจากจะทำบุญด้วยตนเองแล้ว คุณแม่ยังทำหน้าที่ผู้นำบุญอย่างทุ่มเทสุดชีวิต โดยเฉพาะงานสลายร่างคุณยายอาจารย์ฯ คุณแม่จะปลื้มปีติใจมากครับ ท่านตั้งใจออกทำหน้าที่แจ้งข่าวบุญแทบทุกวันตั้งแต่ 9 โมง ไปจนถึง 6 โมงเย็น ทั้งที่อายุ 60 กว่าปีแล้ว นานเป็นเดือนๆ จนกระทั่งรวบรวมปัจจัยมาถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อได้เป็นจำนวน 1 S ครับ
   
    ปกติคุณแม่เป็นคนที่ประหยัดมัธยัสถ์มาก เพราะในวัยเด็กท่านผ่านชีวิตที่ลำบากมามากต่อมาก ต้องพึ่งพาตนเองจนกระทั่งสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวมาได้  คุณแม่เป็นลูกสาวคนกลางในจำนวนพี่น้อง 5 คน ท่านเป็นคนโชคชะตาอาภัพมาตั้งแต่เกิด พอ คุณยายของผม คลอดลูกชายคนสุดท้องได้ไม่นาน คุณตา ก็มาเสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน คุณแม่ของผมจึงกลายเป็นลูกกำพร้าพ่อ ลำพังตัวคุณยายเพียงคนเดียว จึงไม่อาจจะเลี้ยงดูลูกทุกคนได้ จึงได้พาลูกๆ เดินทางจากสระบุรีไปลพบุรี จำใจแบกหน้าไปขอความช่วยเหลือจาก คุณทวดของผม ซึ่งก็คือคุณตาแท้ๆ ของคุณแม่ โดยคุณแม่จะเรียกติดปากว่า “พ่อใหญ่”
   
    แทนที่พ่อใหญ่จะรับดูแลหลานๆไว้ทั้งหมด ท่านกลับเกรงใจภรรยาคนใหม่ที่ท่าทางไม่พอใจ ทำตาค้อนประหลับประเหลือก ไม่เต็มใจรับเพราะคิดว่าไม่ใช่ลูกไม่ใช่หลานของตัว ในที่สุดพ่อใหญ่จึงแบ่งรับแบ่งสู้ รับเลี้ยงเฉพาะหลานสาวคนกลางคือคุณแม่ของผม ซึ่งขณะนั้นอายุเพียง 4 ขวบ คุณยายจึงจำใจต้องฝากแม่ไว้กับพ่อใหญ่ แต่ก่อนจะจากไป คุณยายสู้อุตส่าห์ปลอบคุณแม่ว่า “...ไม่ต้องห่วงนะลูก แล้วอีกหน่อย แม่จะกลับมารับ” แต่รอแล้วรอเล่า ก็ไม่มีวี่แววว่าคุณยายจะกลับมารับคุณแม่สักที ทุกวันตอนพระอาทิตย์ตกดิน คุณแม่จะนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะคิดถึงแม่และน้องๆ รำพึงอยู่ในใจว่า...เมื่อไหร่หนอ แม่จึงจะมารับลูกกลับไปเสียที 
 
    ตลอดเวลาที่อาศัยอยู่ในบ้านของพ่อใหญ่ ชีวิตของคุณแม่ก็ไม่ได้มีความสุขสบายอย่างที่คิด ตรงกันข้าม คุณแม่ถูก คุณยายทวด ซึ่งเป็นภรรยาใหม่ของพ่อใหญ่ ใช้ให้ทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา ช่วยทำนา เลี้ยงหมูเลี้ยงควาย ตักน้ำวันละ 7 หาบ ผ่าฟืน ทำงานจิปาถะสารพัดอย่าง ทำงานหนักแล้วก็ยังไม่พอ คุณแม่ไม่เคยได้รับความรักความเอาใจใส่จากคุณยายทวดเลย กลับถูกลูกของคุณยายทวดเอารัดเอาเปรียบอยู่เสมอ วันใดคุณแม่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ ก็จะถูกคุณยายทวดเฆี่ยนตีอยู่บ่อยๆ แม้แต่เสื้อผ้าก็ไม่เคยซื้อให้ใหม่ ปล่อยให้ใส่ชุดเก่าๆ ขาดๆ จนโตเป็นสาว คุณแม่อายเพื่อนๆ จนแทบไม่กล้าออกจากบ้านเลยครับ
   
    พ่อใหญ่ส่งให้คุณแม่เรียนหนังสือถึงแค่ ป.4 จากนั้นก็ให้ออกจากโรงเรียนมาช่วยทำนา พ่อใหญ่เป็นคนคุ้มดีคุ้มร้าย  ถ้าวันไหนไม่กินเหล้าก็จะพูดดีกับคุณแม่ แต่ถ้าวันไหนไปเมามา ก็จะเกรี้ยวกราดอาละวาดไล่ยิงคุณแม่เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน ตกเย็นถ้ารู้ว่าพ่อใหญ่กินเหล้ามา คุณแม่จะวิ่งหลบไปอยู่ใต้ถุนบ้าน เพราะหากอยู่ใกล้ๆ ก็จะถูกพ่อใหญ่คว้าแขน รวบผม แล้วลากไปเฆี่ยนตี   ถ้าวันไหนน้ำเมาออกฤทธิ์เต็มที่ คุณแม่ไหวตัวทัน ก็จะรีบวิ่งขึ้นต้นไม้เพื่อหลบลูกกระสุน บุกป่าไผ่หนีหัวซุกหัวซุน บางครั้งก็วิ่งหนีไปหลบที่กองฟอนซึ่งเป็นที่เผาศพ รองเท้าก็ไม่ได้ใส่ กลัวผีก็กลัวแต่ก็กลัวลูกกระสุนของพ่อใหญ่มากกว่า คุณแม่จึงต้องทนรอจนกระทั่งแน่ใจว่าพ่อใหญ่สร่างเมาจึงจะย่องกลับบ้าน
   
    คุณแม่ทนทุกข์อยู่ในสภาพนี้เรื่อยมา ได้แต่คิดในใจว่าจะต้องหนีไปจากที่นี่ให้ได้  แล้ววันหนึ่งขณะที่คุณแม่อายุได้ 15 ปี ท่านก็ตัดสินใจหนีออกจากบ้าน โดยได้รับการช่วยเหลือจากคุณลุงท่านหนึ่งที่คุ้นเคยกันในช่วงที่คุณแม่ออกไปเลี้ยงควายในนา   คุณลุงท่านนั้นเห็นคุณแม่ถูกกดขี่ข่มเหงน้ำใจมานาน  ก็นึกสงสารขึ้นมาจับใจ จึงออกอุบายช่วยแนะวิธีหนีออกมา โดยให้คุณแม่เอาเสื้อผ้าและข้าวของที่จำเป็นหอบใส่ถังไว้ แล้วทำทีว่าจะไปตักน้ำ พอสบโอกาสก็ให้วิ่งหนีไปตามทุ่งนา  แต่ปรากฏว่า วันนั้นแผนแตก เพราะคุณแม่เผลอไปเล่าเรื่องที่จะหนีให้เพื่อนสนิทได้ยิน พ่อใหญ่กับญาติๆรู้เข้า จึงวิ่งติดตามคุณแม่อย่างกระชั้นชิด ไล่กวดมาจนเห็นหลังกันไวๆ คุณแม่วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ในที่สุดก็หนีพ้นมาได้อย่างหวุดหวิด  คุณลุงท่านนั้นก็มารอรับคุณแม่ในตัวเมือง แล้วพาคุณแม่ไปสมัครทำงานเป็นคนรับใช้ในบ้านคหบดีท่านหนึ่ง   คุณแม่อดทนทำงานอยู่ที่นั่นไม่กี่ปี ก็สามารถเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง จึงตัดสินใจมาหาลู่ทางทำมาหากินที่กรุงเทพฯ โดยเริ่มต้นด้วยการเรียนตัดเสื้อ
   
    หลังจากเข้ากรุงฯ ได้ไม่กี่วัน  คุณแม่กับเพื่อนสองคนก็พากันออกไปเที่ยวงานวันลอยกระทงที่เขาดิน  คุณแม่หยิบกระทงมาอธิษฐานแล้วค่อยๆหย่อนลงที่ท่าน้ำพร้อมกับกระทงของเพื่อนๆ กระทงของเพื่อนๆ ก็ลอยห่างจากท่าน้ำไปเรื่อยๆ แต่ปรากฏว่า กระทงของคุณแม่ลอยไปข้างหน้าได้หน่อยหนึ่ง แล้วลอยวนกลับมาหยุดอยู่กับที่ จนคุณแม่แปลกใจ เฝ้ารออยู่ว่าเมื่อไหร่หนอ กระทงจะลอยไปสักที  ผ่านไปสักครู่หนึ่ง  ก็มีหญิงวัยกลางคนจูงมือเด็กผู้หญิงมายืนบังด้านหน้าคุณแม่ไว้  คุณแม่นึกในใจว่า ทำไมหน้าตาของเธอช่างเหมือนกับคุณแม่ที่จากไปนาน จึงลองเข้าไปสะกิด ถามว่า “น้าจ้ะ  น้าชื่ออะไร” หญิงวัยกลางคนก็ตอบว่า “ชื่อน้อย”  คุณแม่ถอนหายใจ คิดว่าคงทักผิดคน  หญิงคนนั้นจึงถามกลับมาว่า “เอ้า...แล้วจะถามทำไมล่ะ” คุณแม่จึงบอกว่า “คิดว่าเป็นคนรู้จักที่ชื่อสร้อย”   ผู้หญิงคนนั้นจึงเล่าว่า  เมื่อก่อนเธอก็ชื่อสร้อยเหมือนกัน แต่พอมาได้สามีใหม่ก็เลยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “น้อย”  เธอจึงถามกลับว่า “แล้วหนูชื่ออะไรล่ะ” คุณแม่บอกชื่อและเล่าเหตุการณ์ที่ถูกแม่ทิ้งเมื่อสมัยเป็นเด็ก  ยังไม่ทันจะเล่าจบ  หญิงคนนั้นก็คว้าแขนคุณแม่เข้ามาใกล้ๆ อุทานขึ้นมาเสียงดังว่า “งั้นหนูก็ลูกฉันนะสิ”
 
    ในที่สุดคุณแม่ก็เลยได้มาพบกับแม่แท้ๆ โดยบังเอิญในคืนวันลอยกระทงนั่นเอง ทั้งสองท่านมีความสุขมากที่ได้เจอกันอีกครั้งหลังจากพลัดพรากกันมานานกว่า 15 ปี แม้ว่าคุณยายจะทิ้งคุณแม่ไปโดยไม่ได้เลี้ยงดูเลย แต่เมื่อได้มาเจอกัน คุณแม่ของผมก็ตั้งใจดูแลคุณยายอย่างดี หมั่นไปเยี่ยมคุณยายที่บ้านสามีใหม่ทุกๆ เดือนพร้อมกับมอบเงินเล็กๆน้อยๆไว้ให้ท่านใช้สอย และเมื่อคุณยายป่วยก็รับมาดูแลที่บ้านโดยที่ไม่เคยโกรธเคืองเลย พยายามทำหน้าที่ลูกที่ดีเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
 
    ตัวผมเอง เข้าวัดครั้งแรกตั้งแต่ ปี 2530  ช่วงแรกยอมรับว่าผมยังไม่ค่อยจะเข้าใจเรื่องเป้าหมายชีวิตมากนัก ทุกครั้งที่ทำบุญจึงทำแบบไร้จุดหมาย ทำบุญแล้วก็มักอธิษฐานขอให้ชีวิตเจริญรุ่งเรืองมีความสุขในปัจจุบันเพียงอย่างเดียว   แต่ถึงอย่างนั้นบุญก็ยังส่งผลเป็นอัศจรรย์ เพราะสังเกตว่า ชีวิตของผมดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในด้านการศึกษาและหน้าที่การงาน ทั้งที่ก่อนเข้าวัด ชีวิตผมไม่ค่อยจะราบรื่นสักเท่าไหร่
   
    หลายปีที่ผ่านมา ผมสามารถคว้าปริญญาโทมาได้ถึงสองใบ  โดยสำเร็จปริญญาโทเกียรตินิยมด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จากนิด้า  ต่อมาก็คว้าปริญญาโทด้านเทคโนโลยีสารสนเทศจากประเทศออสเตรเลีย  ขณะที่เรียนต่อเมืองนอก ผมสามารถทำเกรดเทอมแรกได้ระดับยอดเยี่ยม A+ ทุกวิชา ทางมหาวิทยาลัยจึงจ้างให้ผมทำหน้าที่เป็น Marker คอยตรวจข้อสอบและการบ้านของนักศึกษา  ผมจึงได้รับค่าตอบแทนมากพอที่จะส่งตัวเองให้เรียนจบมาได้อย่างสบายๆ  หลังจากกลับมาอยู่เมืองไทยได้ไม่นาน ก็เหมือนบุญจัดสรร ทำให้ผมได้เข้าทำงานในบริษัทประกันภัยที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย รายได้ดีมาก โดยที่ผมไม่ต้องออกไปเร่ขายประกันให้เหนื่อยเลย 
 
    ผมตระหนักดีว่า ความสำเร็จทั้งหมดนี้ เป็นเพราะอานุภาพบุญที่ทำถูกเนื้อนาบุญ ดังนั้นทุกครั้งที่หลวงพ่อมีบุญใหญ่มาให้ลูกๆ  ผมจึงทุ่มเททำอย่างเต็มที่เต็มกำลัง อย่างน้อยที่สุดก็ 1 S ครับ

ดังนั้นสิ่งที่ที่ผมภูมิใจที่สุดในชีวิต จึงไม่ใช่การได้ปริญญาโท 2 ใบหรือความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่สิ่งสำคัญคือ ผมโชคดีได้มาเข้าใจหลักวิชาที่จะอยู่ในวัฏฏะอย่างปลอดภัยและมีความสุข ได้เกิดมาสร้างบารมีกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อและหมู่คณะ และมีเป้าหมายจะตามติดไปจนถึงที่สุดแห่งธรรมครับ
 
คำถาม
 
1. บุพกรรมใดชีวิตของคุณแม่ในวัยเด็กจึงลำบากมาก ต้องทนอยู่กับครอบครัวของพ่อใหญ่อย่างไม่มีความสุข ถูกกดขี่ข่มเหงและเอารัดเอาเปรียบเรื่อยมาครับ   ภายหลังคุณแม่หนีมาตั้งตัวได้สำเร็จ   ชีวิตก็เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ    เป็นเพราะผลบุญใดครับ
 
2. เหตุใดคุณแม่จึงถูกคุณยายทิ้งไป คุณยายทิ้งคุณแม่ไปด้วยความจำเป็นจะมีวิบากกรรมไหมครับ 
 
3. บุญใดจึงทำให้คุณแม่ได้มาเจอกับคุณแม่ของท่านอีกครั้งโดยบังเอิญ กระทงของคุณแม่ลอยวนกลับมาแล้วหยุดกับที่นั้นเป็นเพราะเหตุบังเอิญหรือมีอะไรเป็นพิเศษครับ คุณแม่เลี้ยงดูคุณยายโดยไม่เคยโกรธเคืองที่ถูกยายทิ้ง ท่านจะได้รับอานิสงส์อย่างไรครับ
 
4. หลังจากแต่งงานใหม่ๆ คุณแม่ยังไม่พร้อมจะมีลูก จึงพลาดไปทำแท้งมาครั้งหนึ่ง ทำให้ท่านกังวลใจมาก ทำอย่างไรท่านจึงจะสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าวให้หมดสิ้นไปในชาตินี้ครับ  ตอนนี้เด็กที่ถูกทำแท้งไปเกิดที่ใด ได้รับบุญสร้างพระที่คุณแม่ทำให้หรือยัง  เหตุใดเขาจึงมาถูกทำแท้งในชาตินี้ครับ
 
5. บุญใดที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จอย่างง่ายดายในทุกๆด้าน  การที่ผมทำบุญสุดกำลังโดยที่ไม่คำนึงถึงความสะดวกสบาย เป็นเพราะเคยประกอบเหตุมาในอดีตอย่างไรครับ ทำอย่างไรชีวิตของผมจึงจะเพียบพร้อมกว่านี้และสามารถสร้างทานบารมีได้อย่างมหาเศรษฐีในสมัยพุทธกาลครับ
 
6. ผมคุ้นเคยกับศาสตราจารย์ชาวออสเตรเลีย 3 ท่าน ที่เคยให้ความช่วยเหลือเรื่องงานและการเรียน ท่านทั้งสามเกี่ยวข้องกับผมมาอย่างไรในอดีต เหตุใดจึงมีความสนใจทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเหมือน ๆ กัน 
 
7. ตอนผมอายุ 5 ขวบ เคยถูกสุนัขบ้ากัดที่แขนด้านซ้ายมือ จนต้องถูกฉีดยาที่สะดือถึง 21 เข็ม เป็นเพราะวิบากกรรมใดครับ ทราบมาว่า คนไข้ที่ถูกสุนัขบ้ากัดแต่รักษาไม่ทัน จะเห่าหอนเหมือนสุนัขบ้าคลั่งและตายอย่างทรมาน เป็นเพราะมีบุพกรรมใดครับ
 
8. ผมเคยเป็นหอบหืด แม้อาการจะหายไปแล้ว แต่ปัจจุบันก็ยังต้องใช้ปากหายใจอยู่ตลอดเวลา เป็นเพราะวิบากกรรมใด จะแก้ไขได้อย่างไร ชีวิตนี้ผมจะมีโอกาสหายใจทางจมูกได้ไหมครับ
 
9. ผมได้รื้อผังจนออกจากตัวได้สำเร็จไหมครับ ทำไมผมจึงทำงานได้รายได้ที่ดี แต่ตำแหน่งงานไม่สูงครับ เคยประกอบเหตุอะไรมาก่อนหรือไม่ครับ
 
10. ผมและคุณแม่เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไร ทำอย่างไรจึงจะได้มีโอกาสตามติดพระเดชพระคุณหลวงพ่อไปพักระหว่างทางที่ดุสิตบุรีวงบุญพิเศษกับคุณครูไม่ใหญ่ครับ
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ  ตื่นขึ้นมา หาว 1 ทีแล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
 
1. คุณแม่ในวัยเด็กลำบากมาก    ต้องทนอยู่กับครอบครัว    “พ่อใหญ่” อย่างไม่มีความสุข  ,  ถูกกดขี่ข่มเหงและถูกเอารัดเอาเปรียบ   เพราะ  ...กรรมในอดีตแม่เกิดเป็นเศรษฐีนีมีทรัพย์มาก แต่มีความตระหนี่ในช่วงที่ยังไม่เจอหมู่คณะ
 
 
  • และชอบข่มขี่  ข้าทาสบริวาร  จึงทำให้วิบากกรรมอื่น ๆ เข้ามาแทรกได้  ต้องมาเกิดในครอบครัวที่ลำบากและถูกฝากให้เขาเลี้ยง  และได้มาโดนเขาทำบ้าง
 
  • ภายหลังหนีมาตั้งตัวได้สำเร็จ ชีวิตก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ  เพราะ...บุญเก่าที่เคยทำเอาไว้โดยเฉพาะกับหมู่คณะได้ตามมาส่งผลจ่ะ !
 
 
2. คุณแม่ถูกคุณยายทิ้งไปด้วยความจำเป็น   เพราะ  ... กรรมอีกชาติหนึ่งเกิดมายากจน  ต้องมีความจำเป็นที่จะต้องเอาลูกไปฝากคนอื่นเลี้ยง   และไม่ได้กลับไปดูแล     
 
 
  • กับกรรมที่หนีออกจากบ้านเพื่อเรียนรู้โลก ใครห้ามก็ไม่เชื่อ  อีกชาติหนึ่ง  ทำให้พ่อแม่เสียใจ  แต่ภายหลังกลับมาพร้อมเอาเงินเอาทองมาเลี้ยงดูพ่อแม่อย่างดี   วิบากกรรมทั้ง  2  ชาตินี้ได้ตามมาส่งผลจ่ะ !
 
3. คุณแม่   ได้มาเจอคุณแม่ที่แท้จริงหรือคุณยายโดยบังเอิญ เพราะ  ...บุญที่ได้กลับมาเลี้ยงดูบิดามารดา   ในชาติที่หนีออกจากบ้านไปเพื่อเรียนรู้โลก   โดยที่พ่อแม่ห้ามไม่ฟังดังกล่าวมาส่งผลจ่ะ!

 
  • “กระทง” ของคุณแม่ลอยวนกลับมาแล้วหยุดกับที่นั้น     ก็เป็นเรื่องบุญที่กลับมาเลี้ยงดูบิดามารดาเป็นอย่างดีในชาติที่หนีออกจากบ้านบันดาลให้เกิดขึ้นจ่ะ!
 
  • คุณแม่เลี้ยงดูคุณยาย   โดยไม่เคยโกรธเคืองที่คุณยายทิ้งไปตั้งแต่เด็ก  ท่านก็จะมีอานิสงส์  ทำให้ต่อไปจะมีคนเลี้ยงดูช่วยเหลืออย่างดี  ,  มีลูก ๆ ก็จะกตัญญูรู้คุณมาคอยดูแลเป็นอย่างดีจ่ะ!
 
 
4. หลังจากแต่งงานใหม่   คุณแม่ได้ “ทำแท้ง”    เพราะไม่พร้อมจะมีลูก, จะแก้ไขวิบากกรรม   ก็ต้องลืมอดีตที่ผิดพลาด ให้หมด แล้วสั่งสมบุญทุกบุญ   แล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้   อีกทั้งต้องอธิษฐานจิตบ่อย ๆ ให้พ้นวิบากกรรมนี้จ่ะ!

 
  • เด็กตายแล้วก็ไปเกิดใหม่   และไปโดนทำแท้งมาหลายรอบแล้วด้วยวิบากกรรมที่เคยทำแท้งมาในอดีตมาส่งผล     จึงไม่อาจรับบุญได้จ่ะ!
 
 
5. ลูกประสบความสำเร็จอย่างง่ายดายในทุกด้าน   เพราะ  … ในอดีตเมื่อทำบุญทุกครั้ง   ก็จะอธิษฐานให้ชีวิตประสบความสำเร็จอย่างง่ายดาย, กับมีอุปนิสัยทำบุญอย่างง่าย ๆ จ่ะ!
 
 
  • การที่ลูกทำบุญอย่างสุดกำลัง   เพราะในอดีตก็มีอัธยาศัยทุ่มเททำบุญอย่างนี้ติดตัวมาจ่ะ !
 
  • ลูกอยากจะมีชีวิตเพียบพร้อมเหมือนมหาเศรษฐีในสมัยพุทธกาล ลูกก็จะต้องทำบุญให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป แล้วอธิษฐานจิตกำกับเอาไว้  ให้ได้เป็นไปตามความปรารถนาจ่ะ !
 
 
6. ลูกมีศาสตราจารย์  3  ท่านที่ออสเตรเลียช่วยเหลือเรื่องงานและการเรียน    เพราะลูกมีบุญที่เคยสงเคราะห์ญาติในอดีต   และเคยช่วยเหลือเกื้อกูลเพื่อนมนุษย์มาส่งผลจ่ะ !   … อีกทั้งในชาติไกล ๆ ที่ผ่านมา  ก็เคยเป็นญาติกันมา

 
  • เหตุที่มีความสนใจเรื่องสารสนเทศเหมือนกัน   เพราะ …เป็นเหตุในปัจจุบันที่เป็นไปตามยุคสมัยที่เจริญรุ่งเรืองด้วยเทคโนโลยี จ่ะ !
 
 
7. ตอนอายุ  5  ขวบ   เคยถูกสุนัขบ้ากัดที่แขนด้านซ้ายมือ จนต้องถูกฉีดยารอบสะดือ  21  เข็ม   เพราะ  …ในอดีตชอบ “ฆ่าหมาเป็นกับแกล้ม” สุรา   แบบ “เปิปพิสดาร” ร่วมกับเพื่อนนาน ๆ ครั้ง  มาส่งผล  ,  เนื่องจากเป็นกรรมไม่หนักจึงรักษาได้จ่ะ!  
 
 
  • ส่วนคนที่ทำแบบนี้เป็นอาจิณ   ก็จะรักษาไม่ทัน แล้วก็จะมีอาการของโรคที่เห่าหอนคล้ายสุนัขและคุ้มคลั่ง   ด้วยกรรม “เปิดพิสดาร” ฆ่าสุนัขเป็นกับแกล้มสุราจ่ะ!
 
 
8. ลูกเคยเป็นหอบหืด   แม้อาการจะหายไปแล้วแต่ยังต้องหายใจทางปาก   เพราะ  …กรรมในอดีตที่ลูกเกิดในสังคมเกษตรกรรม  ได้ใช้แรงงานสัตว์มาก ทั้งวัว , ควาย , ม้า   และบางครั้งก็ดูแลสัตว์ไม่ดี   มาส่งผลจ่ะ!  ... แม้กรรมจะเบาบางไปแล้วแต่ก็ยังไม่หมดกรรม

 
  • จะแก้ไข  ต้องปล่อยสัตว์ใหญ่บ่อย ๆ  และทำบุญทุกบุญแล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้สัตว์ทั้งหลายที่เราเคยไปล่วงเกินเบียดเบียนเขาไว้จ่ะ!
 
  • ลูกต้องปรับการใช้ชีวิตหน่อย  คือ  ต้องออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ  ,  ดื่มน้ำให้เพียงพอ  ,  ทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะ , พักผ่อนให้เพียงพอก็จะดีขึ้นจ่ะ!
 
 
9. ลูกก็รื้อ “ผังจน” ไปได้ระดับหนึ่งแล้ว  ,  ให้ทำบุญต่อไปจนกว่าจะถึงเป้าที่ลูกตั้งใจจะเป็นมหาเศรษฐีผู้ใจบุญเหมือนสมัยพุทธกาลจ่ะ!

 
  • ลูกมีรายได้ดี   เพราะทำทานมาดี  ,  แต่ตำแหน่งงานไม่สูง   เพราะขาดจิต “มุทิตา”  คือ  พลอยยินดีเมื่อผู้อื่นประสบความสำเร็จจ่ะ!
 
10. ลูกและคุณแม่ก็เป็น “กองเสบียง” ของหมู่คณะมาจ่ะ!  เมื่อทำบุญทุกบุญแล้ว     ก็ให้อธิษฐานจิตตามติดไปดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์     อย่าได้พลัดกันเลยจ่ะ!
 

http://goo.gl/F0lU3

กรณีศึกษากฎแห่งกรรมจากชีวิตจริง (Case study in real life)

บุคคลที่ปรากฏในเรื่องราวต่อไปนี้ มีตัวตนจริงในปัจจุบัน ประสบชะตากรรมขึ้นลงตามกระแสของวัฏฏะและกฎแห่งกรรม (ชมตัวอย่างบทสัมภาษณ์จากรายการชีวิตในสังสารวัฏ) ผู้อ่าน-ผู้ชมก็อย่าเพิ่งเชื่อหรือปฏิเสธในทันที ควรศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา แล้วค่อยนำไปเป็นอุทธาหรณ์ในการดำเนินชีวิตต่อไป

"วิชชาธรรมกาย" เป็นความรู้ดั้งเดิมในพระพุทธศาสนา เมื่อปฏิบัติแล้วสามารถไปรู้ไปเห็นเรื่องราวกฎแห่งกรรม การเวียนว่ายในภพภูมิต่างๆ ตรงตามพระธรรมคำสอนในพระไตรปิฎก วิชชาธรรมกายจึงเป็นหลักฐานยืนยันการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทันสมัยตลอดกาล (อกาลิโก)



พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      Case Study โรคมะเร็งลำไส้และภาวะลำไส้อุดตัน (คุณแม่ชื้น)
      Case Study โรคปอดติดเชื้อ (คุณพ่อกิตติ)
      Case Study โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (คุณพ่อวิศิษฎ์)
      Case Study โรคมะเร็งท่อไต (โยมแม่นุชชดา)
      ราชองครักษ์ชาตินักรบ ตอนที่ 16 (ตอนจบ)
      Case Study วิบากกรรมใดทำให้ไปเป็นสัมภะเวสี (คุณพ่อหัน)
      วิบากกรรม "คนหาปลา" ตอนจบ
      Case Study โรคมะเร็งลำไส้ (อุบาสกปองสิชฌ์) ตอนที่ 2 (ตอนจบ)
      Case Study โรคมะเร็งลำไส้ (อุบาสกปองสิชฌ์) ตอนที่ 1
      Case Study โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ (พระจุมพล)
      วิบากกรรมน้ำท่วมปอด (คุณแม่พยอม)
      Case Study โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ (โยมพ่อเกษมศักดิ์) ตอนที่ 3 (ตอนจบ)
      Case Study โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ (โยมพ่อเกษมศักดิ์) ตอนที่ 2




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related