อีกคนที่ห่วงใย

ลูกทำงานที่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) แผนกต้อนรับผู้โดยสารพิเศษ เป็นเวลา 9 ปี แต่ได้ลาออกจากงานเพื่อมาดูแลเตี่ยที่กำลังป่วยหนักในระยะสุดท้าย ...เพื่อทดแทนบุญคุณที่ท่านให้กำเนิดลูกมาค่ะ https://dmc.tv/a358

บทความธรรมะ Dhamma Articles > กรณีศึกษากฎแห่งกรรม
[ 25 เม.ย. 2549 ] - [ ผู้อ่าน : 18263 ]
CASE  STUDY 
อีกคนที่ห่วงใย
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 
กราบมนัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง

    ลูกเข้าวัดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527  และเป็นนักเรียนอนุบาลฝันในฝันฯ มาตั้งแต่เริ่มเปิดโรงเรียน ลูกโชคดีที่ได้พบคำสอนของคุณครูไม่ใหญ่เป็นเครื่องชี้นำทางให้ได้เป็นกัลยาณมิตร ตอบแทนพระคุณของบุพการีได้เป็นอย่างดี  ลูกกราบขอความกรุณาพระเดชพระคุณคุณครูไม่ใหญ่ ได้โปรดฝันในฝันเรื่องราวของบุพการีของลูกด้วยค่ะ

    เตี่ยของลูกเป็นคนไทยเชื้อสายจีน  มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน เป็นชาย 4 คน หญิง 1 คน  เตี่ยเป็นลูกคนโต  เมื่อเตี่ยอายุได้ 7 ปี  ก๋ง (ปู่) ก็ส่งเตี่ยกับน้องชายซึ่งมีอายุ 5 ปี ให้ไปอาศัยอยู่กับญาติที่เมืองจีน  ระหว่างอยู่ที่นั่นประมาณปี พ.ศ. 2478 ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่  2 ขึ้นพอดี  ทำให้เตี่ยกับน้องต้องอยู่ห่างไกลจากบ้านเกิด  มีชีวิตด้วยความยากลำบากมาก  ต้องขุดหัวมันมาเผากินประทังชีวิต

    ฝ่ายที่เมืองไทย   คุณย่าก็เป็นห่วงเตี่ยและน้องมาก   จึงไปที่ท่าเทียบเรือทุกวัน มองหาเรือเดินทะเลที่บรรทุกคนและสินค้ามาจากเมืองจีน แล้วคอยชะเง้อมองหาเตี่ยและน้องแต่ก็ไร้วี่แวว เป็นอย่างนี้นานถึง 9 ปี ในที่สุดคุณย่าก็ตรอมใจตาย ในขณะที่เตี่ยมีอายุได้ 16 ปี

    จนกระทั่งเมื่อเตี่ยอายุได้ 19 ปี ก็กลับเมืองไทยได้เพียงลำพัง ส่วนน้องชายกลับไม่ได้ เนื่องจากเอกสารการออกจากเมืองจีน และเข้าประเทศไทยไม่เรียบร้อย น้องชายเตี่ยต้องถูกส่งไปเป็นทหารอยู่ทางตอนเหนือของจีน ทำให้ความพยายามของเตี่ยที่จะติดต่อช่วยเหลือน้องชายลำบากยิ่งขึ้น น้องชายเตี่ยจึงต้องติดอยู่ที่เมืองจีนนั่นเอง 

    ทันทีที่เตี่ยกลับมาเมืองไทยได้ เตี่ยก็ขยันทำมาหากินอย่างเต็มที่ ท่านไปทำงานเป็นลูกจ้างที่ห้างขายของ ใน จ.สุราษฎร์ธานี อยู่ถึง 9 ปี ระหว่างทำงานอยู่ที่ห้างนั้น  เตี่ยได้แต่งงานกับแม่ เมื่อเตี่ยอายุได้ 28 ปี   ช่วงนี้เตี่ยถูกกดดันจากก๋ง (ปู่) มาก คือ ก๋งมองว่าเตี่ยแต่งงานมีครอบครัวแล้ว แต่ยังตั้งตัวไม่ได้ เป็นแค่ลูกจ้างเขาเท่านั้นเอง  เตี่ยลาออกจากการเป็นลูกจ้างที่ห้าง ไปเปิดร้านขายเสื้อผ้าสำเร็จรูป แต่เนื่องจากเตี่ยไม่มีประสบการณ์ทางด้านนี้มาก่อน ประกอบกับพูดภาษาไทยไม่ชัด จึงไม่ประสบความสำเร็จ เตี่ยจึงเปลี่ยนไปทำงานเป็นผู้จัดการโรงงานเซรามิคส์ ที่ จ. ลำปาง อยู่ 4 ปี จึงออกมาเปิดร้านทำรางน้ำ ปล่องควัน  ทำช่องแอร์ตามโรงงาน  และตัดกระจก อยู่ที่กรุงเทพ ฯ เป็นเจ้าของกิจการของตนเองได้ในที่สุดค่ะ

    เตี่ยกับแม่ มีลูกด้วยกัน 4 คน เป็นหญิง 2 คน ชาย 2 คน แต่อยู่ด้วยกันประมาณ 12 ปี  เตี่ยกับแม่ก็แยกทางกัน  เนื่องจากเตี่ยเป็นคนเจ้าชู้มาก  มีภรรยาหลายคน  แล้วแม่ก็ได้ไปทำงานที่เยอรมัน ส่วนเตี่ยและลูกๆก็อยู่ที่เมืองไทย โดยเตี่ยอยู่อีกบ้านกับครอบครัวใหม่  ส่วนลูกๆอยู่กันเอง 4 คนพี่น้อง ตอนเย็นลูกๆ ทุกคนจะเดินไปทานอาหารเย็นที่บ้านเตี่ยซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน  

        ส่วนแม่  ซึ่งอยู่ที่เยอรมัน  ได้ส่งเงินค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้าน  รวมทั้งค่าเทอมของลูกทั้ง 4 คน  ส่งมาให้ลูก ๆ ทุกเดือน   และแม่ก็มาเยี่ยมลูกๆที่เมืองไทยปีละครั้งทุกปี จนลูก ๆ เรียนจบปริญญาตรี  และปริญญาโท  มีงานทำกันทุกคน  ส่วนลูกทำงานที่  บริษัท  การบินไทย  จำกัด (มหาชน) แผนกต้อนรับผู้โดยสารพิเศษ  เป็นเวลา  9 ปี แต่ได้ลาออกจากงานเพื่อมาดูแลเตี่ยที่กำลังป่วยหนักในระยะสุดท้าย ...เพื่อทดแทนบุญคุณที่ท่านให้กำเนิดลูกมาค่ะ

    ปี 2543 เตี่ยอายุได้  72   ปี  ป่วยเป็นอัมพฤกษ์  เนื่องจากไขมันอุดตันเส้นเลือดในสมอง แต่ลูกพาท่านไปรักษาได้ทันท่วงทีค่ะ  ต่อมาอีก 1 ปี  เตี่ยป่วยเป็นมะเร็งในลำไส้ใหญ่ แต่เตี่ยไม่ยอมผ่าตัด ใช้วิธีรับประทานยา อาหารที่มีประโยชน์ และหมั่นทำบุญใส่บาตรทุกเช้าไม่เคยขาดและได้ทำบุญกับวัดพระธรรมกายทุกครั้งที่ทราบข่าว     เตี่ยมีชีวิตยืนยาวมาได้อีก 2 ปี ก็มีอาการแน่นท้อง กินอาหารไม่ได้ ถ่ายไม่สะดวก  ทรมานจนนอนไม่หลับ คราวนี้เตี่ยจำเป็นต้องผ่าตัดก้อนมะเร็งที่โตขวางลำไส้ใหญ่ออก และพบว่าเซลล์มะเร็งได้แพร่กระจายไปที่ตับแล้ว

    หลังการผ่าตัด เตี่ยได้ไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง ขณะเดียวกันก็รักษาทั้งแพทย์แผนไทย แผนจีน และแพทย์ทางเลือกไปด้วย ระหว่างนั้นลูกๆ ก็ช่วยสร้างบุญให้เตี่ย เช่น ลูกสาวคนโต สร้างพระธรรมกายประจำตัวให้ และตั้งกองกฐิน 60 ปีพระราชฯ,  ลูกชายคนโตได้บวชพระรุ่น 60 ปี พระราชฯ , ลูกชายคนที่ 2 ก็ได้บวชพระธรรมทายาทให้เตี่ย , ส่วนตัวลูกได้พาเตี่ยมาทำบุญ และร่วมงานของวัดพระธรรมกายแทบทุกโอกาส ถึงกระนั้นเซลล์มะเร็งก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกระจายไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย  เตี่ยจึงเดินไม่ค่อยไหว แต่ท่านก็ยังมาร่วมงานวันวิสาขบูชา ปี 2547 โดยลูกช่วยกันประคอง ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่เตี่ยได้มาร่วมงานที่วัดพระธรรมกายค่ะ

ช่วงที่เตี่ยป่วยไม่มีภรรยาคนใดอยู่กับเตี่ยเลย  แม้จะมีลูกๆ คอยเฝ้าดูแลเตี่ยอยู่แล้วก็ตาม   เตี่ยเรียกร้องให้แม่ของลูก (ซึ่งกลับมาอยู่เมืองไทยแล้ว) มาเฝ้าเตี่ย  เมื่อแม่ทราบข่าวก็ไม่ขัดข้อง ได้กลับมาดูแลปรนนิบัติเตี่ยตามที่เตี่ยร้องขอ โดยมิได้ติดใจเรื่องเก่าๆอีกเลย  

หลังจากนั้น เตี่ยก็ทรุดหนักจนลุกนั่งไม่ไหว แม่จะนิมนต์พระเข้าไปรับบาตรในบ้าน ส่วนลูกก็พยุงและประคองมือเตี่ยให้ใส่บาตร นอกจากนี้คุณแม่และลูกๆ ยังติดจานดาวธรรมให้เตี่ยดู ซึ่งเตี่ยก็พยายามจะดู แม้ว่าร่างกายจะไม่ค่อยไหวแล้วก็ตามเพราะว่า DMC ช่องนี้ช่องเดียวให้คุณมากกว่าที่คุณเห็น

    วันหนึ่งตอนหัวค่ำ เตี่ยเริ่มได้ยินเสียงผู้ชายคุยกันที่บ้าน ทั้งๆที่ไม่มีผู้ชายอยู่ในเวลานั้น เตี่ยเห็นผู้ชายมาเรียกให้ไปด้วยกัน ลูกบอกเตี่ยว่า อย่าไปนะ! ถ้าไม่ใช่พระมาเรียก บางครั้งก็บอกว่าเห็นเจ้าชายมาเลเซียมาหา และบอกด้วยว่าเจ้าชายมาเลเซียเคยเป็นเจ้าของบ้านที่เตี่ยนอนป่วยอยู่

    หัวค่ำของวันที่ 30 ก.ค.47 หลังจากเตี่ยฟังเทปทำวัตรเย็นซึ่งลูกเปิดให้ฟังเป็นประจำจนจบแล้ว ลูกได้นำอธิษฐานและส่งเตี่ยเข้านอน แต่เตี่ยพูดกับลูกว่า “พรุ่งนี้เตี่ยจะไป” ลูกใจเสีย คิดว่าท่านเพ้อ จึงถามว่า “เตี่ยพูดอะไรออกมา รู้ตัวไหม” ท่านตอบว่า “ รู้! มันต้องเป็นอย่างนี้ล่ะ มันเป็นธรรมชาติ ”

    รุ่งขึ้นช่วงบ่ายเตี่ยเริ่มหายใจไม่ค่อยออก และถ่ายออกมาเป็นลิ่มเลือด สีคล้ำข้น และเหนียวคล้ายยางมะตอย ลูกเรียกรถพยาบาลมารับเตี่ย ท่านอ่อนเพลียและเสียเลือด จึงมีการให้น้ำเกลือ และออกซิเจน  ท่านง่วงมาก แต่ไม่หลับ เวลาประมาณ  20.00 น. ลูกจึงปรึกษาหมอ และหมอได้สั่งยานอนหลับ แล้วเตี่ยก็หลับลงเมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. จากนั้นความดันของเตี่ยก็เริ่มลดลง คลื่นหัวใจก็แผ่วลง ลูกเปิดเทปทำวัตรเย็นให้เตี่ยฟัง พอจบปุ๊บ เตี่ยก็หายใจเข้าอย่างสงบ 3 ครั้ง และจากไปในเวลาเที่ยงคืน  ตรงกับวันที่เตี่ยบอกไว้ล่วงหน้า 1 คืน จริงๆ 

    ส่วนแม่ของลูกนั้น ทันทีที่เลิกกับเตี่ย แม่ก็เดินทางไปพักอยู่กับลูกสาวของเพื่อนแม่ที่เยอรมันได้ประมาณเดือนกว่าๆ จากนั้นก็ย้ายไปอยู่กับเพื่อนหญิงชาวไทยได้ 2 สัปดาห์ เพื่อนก็แนะนำแม่ให้ไปดูแลผู้ป่วยชายคนหนึ่ง ซึ่งมีอายุน้อยกว่าแม่ 8 ปี เขาป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายลีบ  แม่ทำงานได้ดีจนผ่านการทดลองงาน   มารดาของผู้ป่วยชายนั้นจึงได้เสนอสัญญากับแม่ว่า ถ้าแม่รับดูแลลูกชายของเขาจนตลอดชีวิต  แม่ก็จะได้จดทะเบียนสมรสกับลูกชายเขา เพื่อให้แม่ได้สิทธิในการทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายในเยอรมัน และแม่จะได้รับส่วนแบ่งเงินบำนาญของลูกชายเขาทุกๆ เดือน อีกครึ่งหนึ่งด้วย แม่ตกลง  จึงทำหนังสือสัญญากันไว้ค่ะ

    แม่ดูแลผู้ป่วยชายนั้นอยู่ 6 ปี จนกระทั่งผู้ป่วยเห็นใจ และเห็นว่าไม่เป็นธรรมกับแม่เลย ที่แม่จะต้องถูกผูกมัดด้วยสัญญาดังกล่าวจนกว่าตัวเขาจะเสียชีวิต เขาจึงประกาศหาคู่ให้แม่ทางหนังสือพิมพ์ ตั้งแต่นั้นมาแม่จึงใช้ชีวิตคู่อยู่กับสามีชาวเยอรมัน แต่มิได้จดทะเบียนสมรสกัน ระหว่างนั้นแม่ยังคงดูแลผู้ป่วยชายคนนั้นเหมือนเดิมค่ะ

    ต่อมาแพทย์ได้แนะนำมารดาของผู้ป่วยชายนั้นว่า ถ้าผู้ป่วยอยู่ในเมืองหนาวต่อไป จะทำให้เสียชีวิตเร็วขึ้น เนื่องจากเลือดไม่สามารถไหลเวียนไปทั่วร่างกายได้ จึงควรให้ผู้ป่วยไปอยู่ในเขตร้อน ดังนั้นแม่จึงช่วยให้ผู้ป่วยชายนั้นได้มาพักที่บ้านของแม่ในกรุงเทพฯ โดยแม่ได้จ้างแม่บ้านคนไทยที่อยู่ในเยอรมัน ให้กลับมาดูแลผู้ป่วยแทน ส่วนแม่ก็ยังเป็นห่วงเป็นใยเสมอจึงกลับมาเยี่ยมผู้ป่วยทุกๆ ปีๆ ละครั้ง เป็นเวลานานถึง 19 ปี    แม่ได้อยู่กับสามีชาวเยอรมัน จนบั้นปลายชีวิตแม่อายุได้ประมาณ 58 - 59 ปี แม่จึงกลับมาอยู่เมืองไทยพร้อมสามี โดยซื้อบ้านใหม่หลังหนึ่ง แต่สามีของแม่มาอยู่ได้ประมาณ 5 ปี ก็เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในลำไส้ใหญ่ รวมเวลาที่แม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับสามีชาวเยอรมันนานถึง 20 กว่าปี หลังจากสามีแม่เสียชีวิตไปประมาณ 1 ปี ผู้ป่วยชายที่แม่เคยดูแลจึงเสียชีวิต 

คำถาม

1.    วิบากกรรมใดที่บีบคั้นก๋ง ให้ส่งเตี่ยกับน้องชายไปอยู่ที่เมืองจีน  ซึ่งอยู่ในช่วงของสงครามโลกครั้งที่ 2 พอดีด้วยคะ

2.    คุณย่าทำกรรมใดไว้ จึงพลัดพรากจากลูกชายผู้เยาว์วัยพร้อมกันถึง 2 คน และท่านเสียชีวิตเพราะตรอมใจตายจริงหรือไม่ ตายแล้วไปไหนคะ

3.    เตี่ยทำกรรมอะไรคะ จึงมีแต่ความพลัดพรากจากหมู่ญาติ   , เตี่ยและน้องชายมีกรรมต่างกันอย่างไร จึงทำให้น้องชายเตี่ยไม่ได้กลับมาพบพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกาย ดังเช่นเตี่ยคะ

4.    วิบากกรรมใดที่ทำให้เตี่ยเกือบเป็นอัมพฤกษ์ และเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในลำไส้ใหญ่คะ 

5.    จริงหรือไม่คะ ที่เตี่ยได้ยินเสียงผู้ชายคุยกัน เสียงนั้นคือเสียงใคร

6.    ทำไมเตี่ยจึงบอกว่าเห็นเจ้าชายมาเลเซียมาหา  และเจ้าชายมาเลเซียเคยเป็นเจ้าของบ้านที่เตี่ยนอนป่วยอยู่จริงหรือคะ  ถ้าจริง   เขาเหล่านั้นเป็นใครคะ

7.    เตี่ยรู้วันตายล่วงหน้า 1 วัน ได้อย่างไรคะ   เตี่ยตายเพราะถึงวาระของเตี่ยเอง หรือเป็นเพราะยานอนหลับ ถ้าเป็นกรณีหลังลูกจะบาปไหมคะ เพราะหมอสั่งยานอนหลับเนื่องจากลูกไปปรึกษาเองค่ะ

8.    ช่วง 3 เฮือก เตี่ยอยู่ในบุญไหมคะ ตายแล้วไปไหน  เตี่ยได้มาเวียนประทักษิณรอบมหาธรรมกายเจดีย์ ตามที่ลูกๆได้ซักซ้อมกับเตี่ยไว้ไหมคะ   เตี่ยฝากบอกอะไรถึงแม่และลูกๆไหมคะ

9.    กรรมใดที่ทำให้ผู้ป่วยชายคนนั้นป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายลีบ และเหตุใดแม่จึงต้องมาดูแลและเยี่ยมเยียนเขาตลอดชีวิต   เขาตายแล้วเขาไปไหนคะ

10.    สามีชาวเยอรมันของแม่ทำกรรมอะไรมา จึงเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในลำไส้ใหญ่   ตายแล้วไปไหนคะ   แม่มีความผูกพันอย่างไรในอดีตกับชาวเยอรมันคนนี้คะ

11.    ด้วยความกตัญญูที่ลูกเต็มใจลาออกจากงาน  เพื่อดูแลเตี่ยที่ป่วยหนัก และต้องการดูแลแม่ที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นอย่างดี  ลูกจะได้รับผลบุญอย่างไรคะ 

12.    เตี่ย  แม่ ตัวลูก และพี่ๆทั้งสาม สร้างบารมีมากับหมู่คณะอย่างไรคะ ลูกมีบุญพอที่จะส่งผลให้เป็นเจ้าของกิจการ ‘รีสอร์ท’ ซึ่งส่วนหนึ่งลูกอยากให้เป็นสถานปฏิบัติธรรมเผยแผ่วิชชาธรรมกาย   ลูกจะสมหวังไหมค่ะ 

ลูกขอกราบขอบพระคุณคุณครูไม่ใหญ่อย่างหาที่สุดมิได้ค่ะ
 

ฝันในฝัน
 
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ  ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที 
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ

1.    เตี่ยกับน้องชายถูก “ก๋ง” ส่งให้ไปอยู่เมืองจีนในช่วงสงครามโลกครั้งที่  2   เพราะ.....กรรมในอดีต   เตี่ยกับน้องเคยอนุโมทนาบาปและสนับสนุนเงินทางอ้อมให้แก่เมืองของตน   ที่ส่งทหารไปทำสงครามกับอีกเมืองหนึ่ง   มาส่งผลให้ก๋งส่งไปอยู่ในเมืองที่มีภาวะสงครามจ่ะ !

 
2.    “คุณย่า” พลัดพรากจากลูกชายตั้งแต่ยังเยาว์วัย  2  คน เพราะ.....ในอดีตสมัยย่าเป็นผู้ชาย   ท่านได้เป็นเจ้าหน้าที่คอยเกณฑ์ทหาร     ส่งชายหนุ่มไปเป็นทหารและออกรบในสงครามเป็นจำนวนมาก     ทำให้พลัดพรากจากครอบครัวมาส่งผลจ่ะ !     ท่าน “ตรอมใจตาย” จริง ๆ จ่ะ !
 

  • ตายแล้วก็ไปเป็น “ภุมมเทวา” ระดับทั่วไป   วนเวียนอยู่ระยะหนึ่ง    ตอนนี้ได้ไปเกิดเป็น “มนุษย์” แล้ว     ไม่อาจรับบุญได้จ่ะ !
 
3.    เตี่ยต้องพลัดพรากจากหมู่ญาติ   เพราะ.....เป็นกรรมในอดีตที่อนุโมทนาบาปและสนับสนุนทางอ้อม  ที่ทำให้คนพลัดพรากทั้งจากเป็น - จากตายดังกล่าว   มาส่งผลจ่ะ !
 

  • เตี่ยกลับเมืองไทยมาพบพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกายได้      แต่น้องชายกลับมาไม่ได้   เพราะ.....เตี่ยยังมีบุญที่เคยทำไว้ในพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกายดึงดูดเอาไว้อยู่     บุญนี้จึงได้นำกลับมาเมืองไทยและได้มาพบพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกาย         
  • ส่วนน้องชาย   ก็มีสายบุญกับพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกายน้อยกว่ามาก     จึงไม่อาจกลับมาเจอได้จ่ะ !
 
4.    “เตี่ย” เกือบเป็น “อัมพฤกษ์” และเกือบเสียชีวิตด้วย “มะเร็งในลำไส้ใหญ่”   เพราะ.....กรรมในอดีตและปัจจุบัน   ได้ฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อย   สัตว์ใหญ่  เช่น  วัว  ควาย  ในสมัยที่ท่านเกิดในสังคมเกษตรกรรม     และในปัจจุบันก็ฆ่าสัตว์ทำอาหาร  เช่น  ปลา , เป็ด , ไก่  เป็นต้น   มารวมส่งผลจ่ะ !

 
5.    “เตี่ย” บอกว่า   ได้ยินเสียงผู้ชายคุยกันนั้น   ก็เป็น “เรื่องจริง”   เป็นภุมมเทวาแถวนั้น     และเตี่ยก็ใกล้จะละโลกแล้ว   จึงได้ยินเสียงและเห็นได้จ่ะ !

 
6.    “เตี่ย” บอกว่า   เห็น “เจ้าชายมาเลเซีย” มาหา   และบอกว่าเป็นเจ้าของบ้านที่เตี่ยนอนป่วยอยู่นั้น   ก็เป็นเรื่องของการ “เพ้อ” เพราะพิษไข้จ่ะ !

 
7.    “เตี่ย” รู้วันตายล่วงหน้าได้  1  วันนั้น   เพราะบุญในช่วงท้ายที่ทำ   จึงทำให้มีสติและรู้ตัวได้    
  • เตี่ยตาย   เพราะ “หมดอายุขัย” และฤทธิ์ยานอนหลับที่กดเอาไว้ไม่ให้ทรมานจ่ะ !    
 
  • ลูกก็ไม่ได้มีบาปกรรมอะไร   เพราะถึงเวลาของท่านดังกล่าว   และลูกก็ได้ไปปรึกษาหารือกับคุณหมอ   ซึ่งท่านก็ได้แนะนำให้กินยาเพื่อไม่ให้ทรมานจ่ะ !
 
8.    “เตี่ย” ตายแล้ว   ด้วยใจที่อยู่ในบุญ   ได้ตายแบบหลับแล้วตื่นขึ้นกลางวิมานทองของ “ดาวดึงส์” เฟส  3   เพราะมีกำลังบุญเท่านี้     จึงไม่ได้มาทำตามหลักวิชชาที่ลูกได้แนะนำจ่ะ !  
 
 
  • ตอนนี้ท่านมีปีติเบิกบานมาก  ,  นั่งยิ้มชมทิพยสมบัติอยู่  ,  และฝากขอบคุณทุกคนที่ดูแล   โดยเฉพาะตัวลูกที่แนะนำให้ท่านทำบุญในช่วงท้ายของชีวิต     ซึ่งบุญได้ทำนั้นส่งให้ท่านมาอยู่ตรงนี้จ่ะ !
 
9.    “ผู้ป่วยชายคนนั้น” ป่วยเป็น “โรคกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายลีบ”   เพราะ.....กรรมในอดีตได้เป็น “ขุนนาง” ได้สั่งลงโทษ “ทาส” ที่ทำผิดให้  มัดแขน  ,  มัดขา  และปล่อยให้นอนตายอยู่ตรงนั้น   มาส่งผลจ่ะ !
 

  • แม่ต้องมาดูแลเยี่ยมเยียน “เขา” ตลอดชีวิต   เพราะ.....ในอดีตได้เคยเป็นแม่ลูกกัน     โดยคนที่ป่วยอยู่ได้เป็นลูกชายในชาติที่เป็น “ขุนนาง” ดังกล่าว  ,  โดยในชาตินั้นได้มีจิตยินดีที่ลูกชายลงโทษทาสคนนั้น   เพื่อที่ว่าทาสคนอื่น ๆ จะได้ไม่กล้าทำผิดจ่ะ !

  • ตายแล้ว   ก็ไปเกิดใหม่เป็น “มนุษย์” แล้วจ่ะ !    อยู่ในครอบครัวชนชั้นกลางในประเทศไทยจ่ะ !
 
10.    “สามีชาวเยอรมันของแม่” เสียชีวิตด้วย “โรคมะเร็งในลำไส้”   เพราะ.....ในอดีตได้เป็นเจ้าของ “ฟาร์มปศุสัตว์”   แล้วได้ส่งสัตว์ให้เขาเอาไปฆ่าและฆ่าขายด้วย   มารวมส่งผลจ่ะ !
 

  • ตายแล้ว   ก็ไปเกิดใหม่เป็น “มนุษย์” แล้ว   อยู่ในครอบครัว    ชนชั้นกลางในประเทศไทยเช่นเดียวกันจ่ะ !     
  • แม่มีความผูกพันกันในอดีตกับชายคนนี้   เพราะเคยเป็นสามี - ภรรยากันจ่ะ !
 
11.    ลูกเต็มใจลาออกจากงาน   เพื่อมาดูแล “เตี่ย” ที่ป่วยหนัก , และต้องการมาดูแลแม่ที่มีชีวิตอยู่อย่างเต็มที่นั้น   จะมีอานิสงส์ 
  • ด้วยบุญที่เลี้ยงดูบิดามารดา   จะปิดอบายไปสวรรค์  ,  เมื่อถึงคราวเราลำเค็ญก็จะมีคนมาดูแลเราเป็นอย่างดี   เช่นเดียวกับที่เราได้ดูแลบิดามารดา   เป็นต้นจ่ะ !
 
12.    เตี่ย , แม่ , ตัวลูกและพี่ ๆ ทั้งสามคน   เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาโดยเป็น “กองเสบียง” จ่ะ !     
  • เตี่ยกับแม่และพี่ทั้งสามคน   เป็นประเภทตามอารมณ์     ส่วนตัวลูกก็จะมีสายบุญกับหมู่คณะมากกว่าคนอื่น ๆ จ่ะ !    
 
  • บุญที่ลูกทำมาก็จะส่งผลให้ลูกประสบความสำเร็จในสิ่งที่ลูกปรารถนาในระดับหนึ่งทีเดียวจ่ะ !    
  • ให้สั่งสมบุญปัจจุบันไปเรื่อย ๆ ก็จะมีสายสมบัติเพิ่มขึ้น         แล้วความสำเร็จก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วยจ่ะ !

  • ชาตินี้มาเจอกันแล้ว     ก็ให้ตั้งใจสร้างบารมีให้เต็มที่ในทุกบุญ แล้วอธิษฐานจิต     ตามติดไปดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์อย่าได้พลัดกันเลยจ่ะ !



http://goo.gl/GnJgD

กรณีศึกษากฎแห่งกรรมจากชีวิตจริง (Case study in real life)

บุคคลที่ปรากฏในเรื่องราวต่อไปนี้ มีตัวตนจริงในปัจจุบัน ประสบชะตากรรมขึ้นลงตามกระแสของวัฏฏะและกฎแห่งกรรม (ชมตัวอย่างบทสัมภาษณ์จากรายการชีวิตในสังสารวัฏ) ผู้อ่าน-ผู้ชมก็อย่าเพิ่งเชื่อหรือปฏิเสธในทันที ควรศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา แล้วค่อยนำไปเป็นอุทธาหรณ์ในการดำเนินชีวิตต่อไป

"วิชชาธรรมกาย" เป็นความรู้ดั้งเดิมในพระพุทธศาสนา เมื่อปฏิบัติแล้วสามารถไปรู้ไปเห็นเรื่องราวกฎแห่งกรรม การเวียนว่ายในภพภูมิต่างๆ ตรงตามพระธรรมคำสอนในพระไตรปิฎก วิชชาธรรมกายจึงเป็นหลักฐานยืนยันการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทันสมัยตลอดกาล (อกาลิโก)



พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      Case Study โรคมะเร็งลำไส้และภาวะลำไส้อุดตัน (คุณแม่ชื้น)
      Case Study โรคปอดติดเชื้อ (คุณพ่อกิตติ)
      Case Study โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (คุณพ่อวิศิษฎ์)
      Case Study โรคมะเร็งท่อไต (โยมแม่นุชชดา)
      ราชองครักษ์ชาตินักรบ ตอนที่ 16 (ตอนจบ)
      Case Study วิบากกรรมใดทำให้ไปเป็นสัมภะเวสี (คุณพ่อหัน)
      วิบากกรรม "คนหาปลา" ตอนจบ
      Case Study โรคมะเร็งลำไส้ (อุบาสกปองสิชฌ์) ตอนที่ 2 (ตอนจบ)
      Case Study โรคมะเร็งลำไส้ (อุบาสกปองสิชฌ์) ตอนที่ 1
      Case Study โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ (พระจุมพล)
      วิบากกรรมน้ำท่วมปอด (คุณแม่พยอม)
      Case Study โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ (โยมพ่อเกษมศักดิ์) ตอนที่ 3 (ตอนจบ)
      Case Study โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ (โยมพ่อเกษมศักดิ์) ตอนที่ 2




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related