ลูกกราบเท้าพ่อแม่ก่อนเข้านอน/พรมีความสำคัญอย่างไรและควรให้พรอย่างไร ? - หลวงพ่อตอบปัญหา

สังคมไทยสมัยก่อน จะให้ลูกกราบเท้าพ่อแม่ก่อนเข้านอน สิ่งนี้จะพัฒนาคุณธรรมในตัวเด็กได้อย่างไร และถ้าคนในยุคนี้จะทำบ้าง ควรจะเริ่มต้นอย่างไรบ้าง ? https://dmc.tv/a7648

บทความธรรมะ Dhamma Articles > หลวงพ่อตอบปัญหา
[ 18 ส.ค. 2553 ] - [ ผู้อ่าน : 18283 ]

โดย หลวงพ่อทัตตชีโว (เผด็จ ทัตตชีโว)
เรียบเรียง จาก รายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC
 

 

 
คำถาม: กราบนมัสการหลวงพ่อเจ้าค่ะ ลูกอยากกราบเรียนถามหลวงพ่อว่า สังคมไทยสมัยก่อน จะให้ลูกกราบเท้าพ่อแม่ก่อนเข้านอน สิ่งนี้จะพัฒนาคุณธรรมในตัวเด็กได้อย่างไร และถ้าคนในยุคนี้จะทำบ้าง ควรจะเริ่มต้นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ
 
คำตอบ: ในเรื่องของการให้ลูกไปกราบเท้ากราบแม่ก่อนนอน ตั้งแต่โบราณ หลักการอยู่ตรงไหน? เป็นหลักการหรือเป็นกุศโลบาย ในการที่จะถ่ายทอดนิสัยอันดีงามที่พ่อแม่ฝึกมาตลอดชีวิต สู่ลูกหลานของตัวเอง ความดีนั้น มันเป็นเรื่องที่ต้องปลูกฝัง จะรอให้เกิดขึ้นเองนั้นไม่ได้ เหมือนข้าวต้องปลูก ผักผลไม้ต้องปลูก ถ้าไม่ปลูก ไม่ขึ้น แต่ว่าหญ้าหรือวัชพืชนั้น ไม่ต้องปลูก มันขึ้นเอง ถอนทิ้งไม่ไหวเลย
 
            ปู่ ย่า ตา ทวด มองได้ลึกซึ้งในเรื่องเหล่านี้ จึงมีกุศโลบายให้ลูกหลานมากราบเท้าท่านก่อนนอน การที่ลูกคลานเข้าไปหาพ่อแม่ แล้วไปกราบ มันได้อะไร มันไม่เป็นการไปบังคับจิตใจลูกมากไปหรือ ไม่เลย เพราะเป็นเรื่องของการหาโอกาสได้ใกล้ชิดกันระหว่างพ่อ แม่ ลูก ก็เลยทำให้ได้พูดกัน ทำให้เห็นกัน ทำให้เข้าใจกัน เมื่อทำกันอย่างนี้ทุกวัน ทุกคืน ก็จะทำให้ลูกของเราเกิดความใกล้ชิด และซาบซึ้งถึงความปรารถนาดีซึ่งพ่อแม่มีกับลูก ประเด็นสำคัญอยู่ตรงนี้
 
            หากลูกไปทำอะไรผิดพลาดมาในวันนั้น ตามธรรมดาใจของเด็กจะสะอาด เหมือนผ้าขาว เพราะฉะนั้นถ้าเขาไปทำอะไรผิดมาครั้ง ๒ ครั้ง แรกๆ เขาจะรู้เองว่า เขานี่ทำไม่เหมาะไม่ควร เขาทำผิด แล้วเขาจะมีพิรุธให้คุณแม่เห็น แต่ว่าถ้าปล่อยให้เขาทำผิดซ้ำๆ เกิน ๓ ครั้งไปแล้ว เขาจะถือว่านี่เรื่องปกติของเขา ทีนี้จะไม่รู้ว่าลูกไปทำผิดอะไรบ้าง แล้วในที่สุดลูกไปติดยาเสพติด ลูกไปเกเรมาเท่าไหร่ๆ พ่อแม่ไม่มีสิทธิ์รู้เลย เพราะเขาไม่มีพิรุธอะไรให้เห็นแล้ว เพราะฉะนั้นการที่พ่อแม่เรียกลูกมากราบก่อนนอนนั้น นอกจากได้เห็นความใกล้ชิดกันแล้ว ยังมีโอกาสเตือนลูก ตอนลูกทำผิดพลาดแรกๆ จะได้แก้ไขทันท่วงที
 
            ประการที่ ๓. ก็เป็นโอกาสดีระหว่างพ่อแม่ลูกอีกเหมือนกัน ที่จะได้เล่าให้ลูกฟังตั้งแต่สถานการณ์ของบ้านเมือง ลูกจะได้หูตากว้าง สถานการณ์ของครอบครัวว่า ตอนนี้สถานะการเงินเป็นอย่างไร หรือว่าพ่อแม่มีแนวทางจะปูเส้นทางชีวิตให้กับลูกอย่างไรในอนาคต เล่าให้ลูกฟังตอนนี้แหละ
 
            สิ่งเหล่านี้จะเป็นการถ่ายทอดน้ำใจถึงนิสัย และที่สำคัญ เป็นหน้าที่ของพ่อแม่คือ การสอนให้ลูกรู้ว่า ความดีความชั่ว บุญบาป ถูกผิด เป็นอย่างไร สอนยังไง? ง่ายๆ เล่าถึงความดีที่แม่ที่พ่อได้ทำในแต่ละวัน สิ่งเหล่านี้เองจะทำให้ลูกเมื่อโตขึ้น ซึมซับเข้าไปในใจว่า ดีชั่วผิดถูกบุญบาปเป็นอย่างไร คือคุณพ่อคุณแม่ในยุคนี้มักจะหวังว่าลูกของเรานั้น เมื่อโตขึ้นมาแล้วมันจะดี เพราะครูเขาคงจะช่วยสอนให้ หรือว่าถ้าเราให้ความรักแก่เขา และให้เขาได้ทุกอย่าง ลูกเราคงจะดี นั่นไม่ใช่ กลับได้ลูกเอาแต่ใจตัวมาแทน
 
            คนที่เป็นพ่อแม่ก็ต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ด้วย
            ๑. คุณพ่อคุณแม่เอง ต้องเป็นต้นแบบศีลธรรมให้ได้  ถ้าพ่อก็กินเหล้า แม่ก็เล่นไพ่ แล้วเรียกให้ลูกไปกราบ ก็คงไม่ใช่
            ๒. ในการเรียกให้ลูกไปกราบก่อนนอน ให้ศีลให้พรกันนั้น ต้องทำตั้งแต่ตอนเล็ก ถ้าโตขึ้น เดี๋ยวเขาไปติดเพื่อนแล้ว จะโทษว่าเขาดื้อไม่ได้
            ๓. ต้องทำเป็นประจำทุกคืน ไม่ใช่ว่าวันนี้อารมณ์ดีก็เรียกลูกมากราบ พรุ่งนี้อารมณ์ไม่ดี อย่าเข้ามาใกล้ อย่างนี้ไม่ได้
           
            ทำความเข้าใจกันตรงนี้ก่อน แต่ว่าเมื่อเราทำได้อย่างนี้แล้ว ก็จะเกิด หิริโอตัปปะขึ้นแก่ลูกเลย เพราะลูกจะรู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว แล้วก็จะไม่กล้าทำความชั่วโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาจะคิดได้ถ้าเราทำอะไรเสียหายขึ้นมา พ่อแม่เราคงจะเสียใจ แค่ฝังใจลงไปได้อย่างนี้เท่านั้น นี่คือยันต์ปิดนรกให้ลูก แค่สอนลูกให้มากราบเท้าก่อนนอนแต่ละคืน แต่มีผลต่ออนาคตของลูกปานนี้ เหตุนี้ปู่ย่าตายายจึงถือเรื่องนี้สำคัญนักทีเดียว
 
            อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้เมื่อลืมกันไปหมดแล้ว ต้องฟื้นกันให้ดี โดย
 
            ๑. พ่อแม่ ต้องเพาะนิสัยตัวเองเสียใหม่ เพาะอย่างไร? คุณพ่อคุณแม่ต้องหัดนอนแต่หัวค่ำ แล้วก็ตื่นแต่เช้า เพื่อเป็นตัวอย่างให้ลูกดู อันนี้เป็นเรื่องใหญ่ แล้วตัวเราก็จะได้มีเวลาไปสวดมนต์กับลูก เมื่อสวดมนต์เสร็จ ก็ให้พรลูก เล่าเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตประจำวันที่คุณพ่อแม่ไปประกอบคุณงามความดีอะไรเอาไว้บ้าง
 
            หากจะมีอะไร จะต้องว่ากล่าวตักเตือน ถ้าไม่รุนแรง ทำได้ ถ้าถึงกับจะต้องลงโทษกัน ห้ามทำ ถ้าลูกไปทำความผิดอะไรหนักหนาสาหัสอย่างไร? เอาไว้พิพากษากันวันต่อไป ทำอย่างนี้ลูกจะอุ่นใจ แล้วต่อไปไม่ว่าเขาจะทำผิดพลาดอะไร เขาจะกล้าสารภาพ เพราะฉะนั้นถ้าคุณพ่อคุณแม่ ครูบาอาจารย์ เลยไปถึงผู้บริหารบ้านเมือง ฟื้นฟูเรื่องนำลูกสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน แล้วก็ให้พรลูกก่อนนอน รับรองเรื่องวัยรุ่นยกพวกตีกันไม่มี ลูกสาวหนีไปทำแท้งก็ไม่มี มีแต่ลูกแก้ว เราเองซึ่งเป็นพ่อแม่ ตอนนั้นแก่แล้ว แต่ว่าตายตาหลับ เพราะลูกแก้วจะรักษาประเทศชาติ พระศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้คู่ฟ้าคู่ดินตลอดไป
 
คำถาม: หลวงพ่อเจ้าคะ ตามธรรมเนียมของไทย ในวันสำคัญต่างๆ เช่นวันขึ้นปีใหม่ หรือปรารภเนื่องในวันมงคลต่างๆ ผู้น้อยมักจะไปกราบขอพรผู้ใหญ่อยู่เสมอๆ อยากเรียนถามหลวงพ่อว่า  พรมีความสำคัญอย่างไร และควรให้พรอย่างไรเจ้าค่ะ
 
คำตอบ:  คำว่า “พร” ในภาษาไทย มาจากคำว่า “วร” ในภาษาแขกหรือภาษาอินเดียของเขา แปลว่า “ประเสริฐ” ให้พรก็คือให้ความประเสริฐ คนเราให้ความประเสริฐแก่กันเป็นสิ่งที่ดี
 
            คำถามต่อไปก็คือ แล้วคนเรานั้นประเสริฐตรงไหน? หลักธรรมในพระพุทธศาสนาต้องถูกยกขึ้นมาตรงนี้ ก็ต้องมองอย่างนี้ มองเข้าไปที่ใจคน อย่าไปมองที่รูปร่าง ความประเสริฐทางรูปร่าง เช่น หล่อ เช่น สวย แข็งแรง มันก็ดีหรอก แต่ว่ามันยังดีไม่จริง ถ้าดีจริงมันต้องดีเข้าไปถึงในใจ อย่างนี้ดีแท้
 
            ในใจคนมีอะไรบ้าง? ถ้าคนทั่วไปยังไม่บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ เราก็ยังมีข้อเสียอยู่ในใจของเราด้วยกันทุกคน มีโลภ โกรธ หลง อยู่ในใจมาก ก็จะต้องทำให้เขาคิดร้าย พูดร้าย ทำร้าย ได้มากๆ แล้วบาปก็เกิดมาก แล้วก็บั่นทอนตัวเองไปได้มาก แต่ถ้าใครมีความโลภ โกรธ หลง น้อย เขาก็จะมีโอกาสคิดดี พูดดี ทำดี ได้มาก เมื่อคิดดี พูดดี ทำดี ได้มาก บุญก็เกิดมาก ความสุข ความเจริญ ก็เกิดเป็นเงาตามตัวมาได้มาก ๆ
 
            ผู้ใหญ่ คือผู้ที่ผ่านวัยมานานแล้ว อยู่ในโลกมานาน  สมควรที่จะมีหลักธรรมประจำใจ ไว้สำหรับปราบ ความโลภ โกรธ หลง ได้ฝึกปราบมาตลอดชีวิต  เพราะฉะนั้นผู้ใหญ่สมควรที่จะมีความประเสริฐอยู่ในตัวมากกว่าผู้น้อย
 
            ด้วยเหตุนี้ก็เลยเกิดประเพณีขึ้นในชาวพุทธ โดยเฉพาะในประเทศไทยว่า วันดีคืนดี กาลเทศะใดที่เหมาะสม เราควรจะไปขอพร หรือไปขอความประเสริฐจากผู้ใหญ่บ้าง เราจะได้สร้างความประเสริฐในตัวเราบ้าง เพราะกว่าท่านจะมีความประเสริฐเกิดขึ้นในตัว ก็มีอายุมามากแล้ว จะอยู่กับเราไปอีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ไม่รีบไปขอวิธีสร้างความประเสริฐมาไว้ในตัวเรา เดี๋ยวท่านแก่เฒ่าตายไปก่อน แล้วเราจะไปขอความรู้ความดีเหล่านี้จากที่ไหน

 
            เพราะฉะนั้นวันปีใหม่ วันมงคลต่างๆ ผู้น้อยก็ควรไปกราบขอพรผู้ใหญ่ ขอความประเสริฐ ขอวิธีละความโลภ โกรธ หลง ท่านเหล่านั้นไม่ได้เป็นพระ ไปขอท่านทำไม? ไปขอพระที่วัดไม่ดีกว่าหรือ? ในฐานะที่อยู่ทางโลก เราจะต้องทำงานกับผู้ใหญ่ และความโลภ โกรธ หลง มันระบาดตอนทำงาน โดยเฉพาะขณะเจออุปสรรคเวลาทำงาน ลาภผลมันเกิดขึ้น ความโลภจะมาหา หรือทำงานไม่ค่อยได้ดั่งใจ ความโกรธก็จะมาหา หรือได้ยศสรรเสริญขึ้นมา ก็จะหลงตัวเอง หรือตัวเองทำงานไม่ค่อยเข้าท่าเข้าทาง ท่านผู้ใหญ่ก็เลยไม่ปูนบำเหน็จรางวัลให้ แต่ตัวเองก็คิดว่าตัวเองทำดีแล้ว ก็จะไปหลงอิจฉาตาร้อนกับเพื่อนที่เขาได้ดิบได้ดี ได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง
 
            ความโลภ โกรธ หลง ของคนเรานี้ มันกระพือขึ้นมาได้ง่าย ตอนทำงาน เมื่อรู้อย่างนี้ แล้วเราจะไปขอวิธีแก้ความโลภ โกรธ หลง ในเรื่องที่เกิดขณะทำงาน  ก็ได้หรอกถ้าจะไปขอกับพระ แต่จะให้ตรงเลยก็ไปขอกับผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นเจ้าของงานที่ส่งงานมาให้เราทำนั่นแหละถูกต้องที่สุด
 
            ด้วยเหตุนี้ วันปีใหม่ วันสงกรานต์ ลูกน้องแห่กันไปกราบขอพรผู้ใหญ่ เอาของสักการะ ดอกไม้ธูปเทียน ไปบูชาท่าน ยกย่องท่าน ว่าเรานี้มาด้วยใจจริง ก่อนอื่นขอขมาก่อน รู้อยู่ทำงานกับท่านนะ เราบางทีคิดไม่ค่อยดีกับท่านเหมือนกัน โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นขณะที่ทำงานกับท่าน ถือโอกาสขอขมาลาโทษเสียเลย ที่เคยทำผิด คิดล่วงเกินต่อหน้า ลับหลังก็ดีกับท่านในขณะทำงาน ขออภัยด้วยเถอะ อย่าได้จองเวรจองกรรมกันเลย  อย่าให้เป็นบาปเป็นกรรมเลย
 
            แล้วก็ขอแนวทางในการทำงานที่ถูกที่ต้องกับท่าน ขอแนวทางในการละความโลภ ความโกรธ ความหลง จากท่าน เพราะท่านกว่าจะมาเป็นผู้ใหญ่ให้เรากราบได้ ท่านก็เจออุปสรรคทำนองเดียวกับเรานี่แหละ เจอมาก่อนเรา ว่าจริงๆ ขอพระน่ะ ขออะไร ขอหลักการ ขอหลักการในการแก้ไขตัวเอง แต่ว่าถ้าอะไรที่เป็นหลักการ รู้สึกจะเครียดๆ ไปหน่อย แต่ว่าไปขอพรนี่ มันไม่เป็นหลักการจนเกินไป แต่นั่นแหละกลับได้ผลเกินคาด พอเข้าไปหาผู้ใหญ่ ไปกราบผู้ใหญ่ ถ้าผู้ใหญ่ท่านเป็นจริง ท่านเอาเลย
 
            ๑. ท่านอ้างสัจจะเลย ตลอดชีวิตในการทำงานของท่านนี่ไม่เคยลำเอียง แล้วก็อธิษฐานจิตว่าด้วยบุญที่ท่านทำนี้ ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่เคยลำเอียงเลย ขอให้บุญนี้ มาคุ้มครองให้เรามีแต่ความสุข ความเจริญ มีแต่ความก้าวหน้าตามท่านมา เราได้ยินก็ชื่นใจ ถ้าให้สั้น ๆ ท่านก็จะให้แค่นี้ แต่ว่าผู้ใหญ่ที่ท่านผ่านโลกมามากนี้ มองหน้าเรา ท่านก็พอรู้ ระหว่างปีที่ผ่านมานี้ เวลาทำงานคนนี้คงขุ่นใจเรื่องนั้นเรื่องนี้กับท่าน นอกจากอธิษฐานให้คุ้มครอง ให้ความดีที่ท่านคุ้มครองเราแล้ว ท่านอาจจะยกเรื่องนั้นเรื่องนี้มา ซึ่งเป็นเรื่องที่ท่านมีวิธีแก้ไข

            ยกตัวอย่าง ด้วยบุญที่ท่านผู้ใหญ่ท่านนี้ที่เคยแก้ไขความขัดแย้งเรื่องนั้นเรื่องนี้ในที่ทำงานมา ด้วยความจริงใจ ขอให้บุญนั้น จงคุ้มครองคนนี้ให้เป็นผู้เป็นคนขึ้นมา ให้กลับเนื้อกลับตัวเสียใหม่ อย่างนี้เป็นต้น โดยหลักการ คือท่านอ้างสัจจะคือความจริงใจที่ท่านทำความดีมาตลอดชีวิตเรื่องนั้น ๆ
 
            ๒. แล้วอธิษฐานให้บุญหรือความดีนั้นคุ้มครองเรา

            ๓. แล้วก็สอนวิธีทำความดีเรื่องนั้นๆ ตามแต่ท่านจะเห็นสมควรให้กับเรา  
 

            ถ้าให้ดียิ่งกว่านั้น ท่านผู้ใหญ่เหล่านี้ เมื่อรู้ว่าเราจะไป ท่านมักจะเตรียมถ้อยคำที่เพราะ ๆ สรุปสั้น ๆ แล้วเพราะกินใจ บางทีก็เป็นโคลงเป็นกลอน ทำให้เราจำได้ง่าย เตรียมไว้เป็นพรให้กับเราเสร็จเรียบร้อยเลย ก็ฝากเอาไว้นะ

 
            ถึงคราวที่เราจะต้องให้พรใคร จำหลักนี้ไว้ให้ดี

            ๑. ต้องมีสัจจะ คือความจริงใจในการทำความดี แม้ข้อใดข้อหนึ่ง อ้างขึ้นมา ก่อนที่จะให้พร

            ๒. อธิษฐานให้บุญที่เกิดจากการทำความดีนั้น ๆ ไปคุ้มครองเขา

            ๓. ถ้าจะสอนให้เขารู้ว่า เราน่ะมีหลักการในการทำความดีเรื่องนั้นได้อย่างไร วิเศษเลย

            ๔. ใช้วาจาที่ไพเราะ เพราะพริ้ง ให้เขาประทับใจ

            ๕. ให้พรให้สมกับกาลเทศะ
 
            อย่างนี้ พรวิเศษประเสริฐเหลือเกิน

http://goo.gl/hIaBq


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ทำอย่างไรจึงจะไม่ท้อไม่เหนื่อยในการทำงาน
      สาเหตุที่ทำให้โลกวุ่นวายมากขึ้น
      "สังคมเปลี่ยนไป" แนวทางการใช้ชีวิตเปลี่ยนตามพระพุทธศาสนามีคำแนะนำอย่างไร ?
      หลักการขยายกิจการให้เจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกและทางธรรม
      คำสอนของวัดพระธรรมกายถูกต้องตามแนวทางคำสอนดั้งเดิมของพระพุทธศาสนาหรือไม่
      อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้สังคมแตกแยก
      การสวดมนต์ให้พรของพระสงฆ์มีส่วนช่วยสืบทอดพระพุทธศาสนาอย่างไร
      ทำไม ? จีวรต้องเป็นสีเหลือง
      เราจะพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้อย่างไร ?
      เราจะปลูกฝังให้ลูกหลานทำหน้าที่ชาวพุทธให้สมบูรณ์ได้อย่างไร ?
      เราควรจะเลือกทำงานด้วยทัศนคติอย่างไรที่จะส่งผลให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง
      การเกิดขึ้นของนิสัยดี นิสัยชั่วมีที่มาอย่างไร
      การดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจให้เหมาะสมแก่การฝึกสมาธิและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงธรรม




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related