โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMCคำถาม: เราทำดีแล้วจะได้ผลดีจริงหรือครับหลวงพ่อ ผมเห็นเพื่อนหลายคนทำความดี แต่ไม่เห็นจะได้ดีอะไร?
คำตอบ: โยมอย่าเสียเวลาสงสัยอยู่เลย ความจริงเรื่องกฎแห่งกรรมนี้ มีผู้รู้เขาได้พิสูจน์กันมาเป็นพันๆ ปีแล้ว แต่ที่คนส่วนมากรวมทั้งคุณด้วยยังสงสัยอยู่ เพราะเป็นคนประเภทที่ใจร้อน ทำอะไรลงไปแล้วก็อยากจะรู้ผลทันที จนลืมนึกถึงหลักความจริงบางอย่างไป จะยกตัวอย่างให้ดูง่ายๆ เช่นถ้าเราเอาหน่อกล้วยมาปลูกวันนี้ ถามว่าจะได้กินกล้วยวันนี้ไหม ก็ตอบได้ว่ายัง ต้องรอไปโน่น..เกือบปีแน่ะ แล้วในระหว่างที่รออยู่นั้น ก็ยังต้องขยันหมั่นรดน้ำพรวนดิน ต้องดูแลป้อนกันโรคอีกด้วย ไม่อย่างนั้นพอครบปี อาจจะได้กินกล้วยเหมือนกัน แต่เป็นกล้วยผลผอมๆ แกร็นๆ ไม่ได้เต็มหวีเต็มเครือ เหมือนของชาวบ้านเขาทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วแล้วถ้าถามว่าในระหว่างนั้นไม่ได้ผลอะไรเลยหรือ ก็ตอบว่า ได้ ได้ตั้งแต่วันปลูกนั่นแหล่ะ คือพอปลูกเสร็จก็ได้รับผลดีระดับต้น คือ ได้ความสบายใจว่า เราได้ทำงานถูกต้องตามฤดูกาลแล้ว และในระหว่างนั้นก็ยังได้ผลตามมาอีกเป็นลำดับๆ ตั้งแต่ได้ใบตองมาห่อขนม ได้หัวปลีมาจิ้มน้ำพริกกิน แต่มันก็ยังไม่ได้กินผลกล้วยสักที ต้องรอถึง ปลายปีโน่นแน่ะผลดีระดับที่ ๑ เวลาทำความดีก็เช่นกัน ทันทีที่ทำเสร็จ ไม่ว่าจะมีใครเห็นหรือไม่ก็ตาม เราก็ได้รับผลดีในขั้นต้นทันที คือได้รับความสบายใจว่าเราได้ทำความดีแล้วผลดีระดับที่ ๒ เมื่อเราทำความดีซ้ำแล้วซ้ำอีกติดต่อกัน ผลแห่งความดีในระดับที่ ๒ ก็จะตามมา คือบุคลิกจะดีขึ้น อุปมาเหมือนกับได้ใบตอง มาห่อของห่อขนมนะผลดีระดับที่ ๓ ครั้งทำซ้ำอีกต่อไปเป็นแรมเดือนแรมปี ผลแห่งความดีในระดับที่ ๓ จึงจะออก คือไม่ว่าจะหยิบจะทำอะไรก็รู้สึกว่าจะมีโชค มีลาภ หรือคล่องตัวขึ้น ทำงานการสำเร็จทุกอย่าง อุปนิสัยใจคอก็ดีขึ้นจนผิดสังเกต อุปมาเหมือนได้หัวปลีมากินอย่างนั้นแหละผลดีระดับที่ ๔ ถ้าทำซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่ยอมหยุดยั้ง ผลแห่งความดีที่ตามมา คือเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปในสังคมเราปลูกกล้วย กว่าจะได้กินผลของมัน ยังต้องรอเป็นปี การทำความดีกว่าจะเห็นผลจนสังคมยอมรับ ก็เป็นธรรมดาต้องอาศัยเวลาเหมือนกัน เพราะฉะนั้นอย่าใจร้อนคนส่วนมากเวลาทำความดีมักเข้าข้างตัวเอง อยากให้ความดีส่งผลเร็วทันใจ ส่วนความชั่วที่เคยทำมาแล้วเท่าไรๆ กลับนึกบนบานศาลกล่าวว่า อย่าให้มันตามมาทันเลย แต่เวลาคนอื่นทำความชั่ว โดยเฉพาะถ้าเดือดร้อนมาถึงตนด้วย จะนึกอยากให้ผลแห่งความชั่วนั้นตามมาถึงเขาเร็วๆ ลืมนึกถึงความดีที่เขาเคยทำไว้ จนกระทั่งคนดีอดสงสัยว่าทำดีได้ดีจริงหรือในบรรดาคนใจร้อนทั้งหลายที่อยากให้กรรมส่งผลทันตาเห็นนั้น จริงๆ แล้วเขาคิดแต่เฉพาะที่จะได้ผลประโยชน์ คือ ถ้าสมมุติว่าเขาให้ทานปุ๊บก็รวมปั๊บทันทีเขาถูกใจ ตรงข้ามถ้าเยาโกหกปุ๊บ ฟันหักหมดปากปั๊ป เขากลับนึกว่าไม่ยุติธรรม คนเรามักเป็นเสียอย่างนี้ คือเข้าข้างตัวเอง และเพราะใจร้อนถึงได้เกิดสงสัยกฎแห่งกรรมอยู่ร่ำไปเพราะฉะนั้น นับแต่วันนี้เป็นต้นไปขอให้เลิกใจร้อน อย่าเข้าข้างตัวเอง รู้จักทำใจให้เป็นกลางๆ ให้ความยุติธรรมแก่สิ่งต่างๆ รอบๆ ตัว แต่การจะทำอย่างนี้ได้ต้องอาศัยการนั่งสมาธิ(Meditation)มากๆ เท่านั้นคำถาม: มีเพื่อนเชื่อเรื่องศาสนาหลายอย่างต่างๆ กัน บางคนเชื่อว่าคนที่เกิดมาพิการเป็นผลของกรรมที่มา คือโทษว่าเป็นกรรมเก่า แต่บางคนคิดว่าถ้าโทษว่าเป็นกรรมเก่า แล้วจะทำให้คนพิการไม่มีกำลังใจที่จะต่อสู้เอาชนะความพิการ ขอถามว่าจะเชื่ออย่างไรดีครับ?
คำตอบ: เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการจับแง่คิดของแต่ละคน ขณะที่พูดกันว่ากรรมๆ เขายังไม่แยกประเด็นออกให้ชัดเจน เป็นต้นว่า ตั้งแต่คุณแม่ตั้งครรภ์มา แกก็กินเหล้าสูบบุหรี่ทุกวัน เมื่อสูบบุหรี่ทุกวัน แน่นอนคุณแม่ย่อมจะต้องมีสุขภาพไม่ดี ลูกก็ต้องอ่อนแอ เพราะเมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์ความเชื่อเรื่องกรรมเก่ากรรมใหม่ด้วยกรรมคือการกระทำของคุณแม่อย่างนี้ ลูกที่คลอดออกมาก็ต้องรับผลของการกระทำ คือไม่แข็งแรง ถามว่ากรรมไม่ดีนี้คุณแม่ทำแต่ทำไมลูกต้องมารับผล ก็ไหนกฎแห่งกรรมบอกว่าใครทำใครได้ เรามาดูผลของกรรมขั้นต้นก่อว่าใครได้รับ คุณแม่มอมเมาตัวเอง เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณแม่ได้รับก่อน คือสุขภาพของตัวเองแย่ลงๆ ทุกวัน ต่อมาคุณแม่ก็ต้องสะท้านใจ เสียใจ เมื่อลูกออกมาพิการ นี่คือผลกรรมที่แม่ก่อและได้รับเองเมื่อเป็นกรรมช่วงใกล้ เราก็พอจะมองออก แต่กรณีนี้กรรมจริงๆ ที่ผลของกรรมที่ส่งผลมานั้นทิ้งช่วงนานจนเราดูกันไม่ออก เช่น การเกิดของคนเรา มนุษย์ในปัจจุบันรู้ไม่ชัดเจน เรารู้กันเพียงว่าไข่ของแม่ผสมกับเชื้อของพ่อแล้วเกิดมาเป็นคน วิชาการแพทย์สมัยปัจจุบัน รู้แค่นี้ แต่พระพุทธองค์ทรงรู้ลึกซึ้งมากกว่า เพราทรงมีญาณทัสสนะ คือรู้เห็นการไปเกิดมาเกิดของสัตว์โลก ท่านบอกว่าเชื้อของของพ่อผสมกับไข่ของแม่จริง แต่ต้องมีอีกอย่างเข้ามาเป็นองค์ประกอบสำคัญด้วย เรียกว่า ปฏิสนธิวิญญาณ ถ้าปฏิสนธิวิญญาณไม่เข้ามา ไข่ที่ผสมแล้วนั้นก็จะฝ่อ แต่ว่าถ้ามีปฏิสนธิวิญญาณเข้ามา ไข่นั้นจึงจะเจริญเติบโตเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาพระพุทธองค์ได้ทรงพบความจริงที่ครบขั้นตอนละเอียด ชนิดที่เรียกว่า ยังมีอีกนานกว่านักวิทยาศาสตร์จะค้นพบ ทั้งๆ ที่มันเป็นหลักเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์ยุคนี้ได้อธิบายขบวนการเกิดว่า ไข่ที่ผสมติดต้องมีลักษณะที่เรียกว่า Selective คือ คัดมาพอเหมาะกันแล้วทั้งเชื้อของพ่อและไข่ของแม่ เด็กจึงเกิดมาได้ในขณะที่พระพุทธองค์ทรงอธิบายกระบวนการเกิดไว้ว่า ถ้าปฏิสนวิญญาณที่เข้ามามีกำลังบุญพอเหมาะกับพ่อและแม่วิญญาณนั้นก็เกิดได้ ถ้ามีไม่พอเหมาะกันก็เข้าไม่ได้ ต่างคนต่างคัดเลือกกันเหมือนคนดีเลือกคบคนดีในกรณีของคุณแม่คนนี้ตอนปฏิสนธิวิญญาณจะมาเข้า เนื่องจากคุณแม่อ่อนแอเพราะดื่มสุรา ดังนั้นปฏิสนธิวิญญาณที่จะเข้ามาก็ต้องเป็นประเภทมีเวรสุราข้ามชาติเหมือนกับแม่คนนี้ จึงจะเข้าได้ ส่วนปฏิสนธิวิญญาณที่ดีมีคุณภาพดี เขาก็จะไม่มาเข้าด้วยหรอกนะ ธาตุธรรมมันไม่ตรงกันก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ เหมือนแม่เหล็กก็จะดึงดูดแต่เหล็กส่วนน้ำกับน้ำมันจะให้ผสมเข้า ก็คงเข้ากันไม่ได้ ถ้าจะพูดอีกที แม่คนนี้ถ้าตายไปแล้วถึงคราวจะเกิดใหม่ แกทำตัวของตัวเองให้อ่อนแออยู่อย่างนี้ ภพต่อไปเวลาจะเกิดก็จะต้องไปเจอแม่ที่มีไข่ผสมที่อ่อนแออีกพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเห็น พระอรหันต์ก็เห็น ผู้ปฏิบัติธรรมก็พอจะมองเห็นว่า เพราะกรรมของแต่ละคนนั่นเองที่ส่งผลมา เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าลูกพิการที่เกิดจากมารดาขี้เมา เกิดจากกรรมอะไร ก็ตอบได้ว่าเกิดจากกรรมที่เหมือนกับแม่ของตัวเองนั่นแหล่ะเพราะฉะนั้น คนพิการเมื่อรู้ตัวอย่างนี้แล้วจะทำอย่างไร ตอบว่าชาตินี้ก็อย่าขี้เมาอีก ให้เป็นคนพิการชาติสุดท้าย ตั้งใจทำความดีให้เต็มที่ แล้วชาติต่อไปจะได้สิ้นทุกข์ นี่ถ้าได้คิดอย่างนี้ทำไมเขาจะไม่มีกำลังใจ ก็ต้องบอกว่าให้ฝึกหัดจับแง่คิดมุมมองให้ถูก คิดในเชิงสร้างสรรค์ไว้ให้มากๆ แล้วจะได้ดีนะหลวงพ่อได้ค้นเรื่องนี้มามาก เพราะเมื่อก่อนก็ขี้เมาเหมือนกัน เพราะฉะนั้นการเชื่อเรื่องกรรมนั้นถูกต้อง แต่ต้องเชื่อแบบมีเหตุผล สิ่งใดที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเทศน์ เราเชื่อเพราะเราได้ใช้สติปัญญาตรองตามแล้ว อย่างนี้เรียกว่าเชื่ออย่างมีเหตุผล พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญ แต่ถ้าเราเชื่อเพราะเห็นว่าเป็นคำสอนของครูบาอาจารย์ ไม่ได้เชื่อเพราะเราได้ตรองแล้ว นี่เรียกว่างมงายส่วนสิ่งใดที่พระพุทธองค์ทรงเทศน์แล้วเราปฏิเสธ ไม่ยอมเชื่อ โดยที่ยังไม่ได้ใช้สติปัญญาไตร่ตรอง เขาเรียกว่าดื้อนะคำถาม: พยายามทำแต่ความดี ไม่คิดร้ายแก่ใคร ทำบุญแผ่ส่วนกุศล แต่ก็ยังมีคนคิดร้ายคอยจับผิด เป็นกรรมเก่าใช่ไหม?
ถ้าทำอะไรแล้วก็ยังสะเพร่าอยู่ เลยมีคนคอยจับผิดคำตอบ: ไม่แน่ อาจจะเป็นกรรมใหม่ที่ทำในชาติปัจจุบันนี่แหละ คือ ทำอะไรแล้วก็ยังสะเพร่าอยู่ เลยมีคนคอยจับผิด เช่น คุณอาจจะทำบุญตักบาตร แต่เวลาทำ ไม่ระวังซ้ายไม่ระวังขวาไปกระทบกระทั่งคนอื่นเข้า เขาอาจไม่พอใจเอาก็ได้ เลยตอบแทนให้เสียเดี๋ยวนั้นเลย
http://goo.gl/CFUZq