โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMCคำถาม: ธรรมกายคืออะไร ขอความกรุณาตอบไม่ต้องยาวด้วยคะ ?
ธรรมกาย คือกายที่เกิดจากการปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ ได้สมบูรณ์คำตอบ: ธรรมกาย คือกายที่เกิดจากการปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ ได้สมบูรณ์ พอใครปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ ได้ถูกส่วนเข้า ใจจะหยุดแล้วเห็นกายภายในกายหนึ่งที่ศูนย์กลางกาย เรียกว่า “ธรรมกาย” เป็นกายสำหรับตรัสรู้ธรรม ค่อยๆ ฝึกไปแล้วจะเห็นเอง นี่ตอบอย่างสั้นๆ ตามที่ต้องการนะคำถาม: การเข้าถึงธรรมกายเทียบเท่าชั้นไหนคะ ชั้นโสดาบัน หรือ สกิทาคามี มีผู้ฝากถามมาจากต่างจังหวัดค่ะ เพราะเขาไม่เคยได้ยินคำว่า “ธรรมกาย”
คำตอบ: เป็นปัญหาที่ดีมาก ที่เราเรียนกันมาแล้ว ส่วนมากเราเรียนธรรมะกันเป็นข้อๆ เรียนจบทุกข้อแล้วโยงกันไม่ติด เช่น เรียนเรื่องศีล ๕ ก็ดี เรียนเรื่องขันติโสรัจจะ เรียนเรื่องหิริโอตตัปปะก็ดี เรียนพรหมวิหาร ๔ ก็ดี แต่สิ่งเหล่านี้มีความสัมพันธ์กันอย่างไร ตอบไม่ได้เรียนมรรคมีองค์ ๘ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วทรงบอกว่ามรรคมีองค์ ๘ เป็นเรื่องสำคัญ ดีเหลือเกิน เรียนธรรมะกันมาตั้งหลายเรื่อง แต่เวลาพิจารณาหาความสัมพันธ์กันในแต่ละหัวข้อธรรมกลับหาไม่เจอ ยิ่งกว่านั้นหลายๆ คน ได้แต่รู้จักธรรมะเป็นข้อๆ แต่เอาไปทำอะไรไม่ค่อยจะได้เหมือนอะไร เหมือนแม่ครัวหัดใหม่ รู้นะ นี่เรียกว่าพริก นี่เขาเรียกว่ามะนาว นี่เขาเรียกว่ากระเทียม นี่กะปิ นี่น้ำปลา นั่นน้ำตาล แต่ตำน้ำพริกไม่เป็น บอกให้ไปตำน้ำพริกมาสักถ้วย เอ๊ะ...น้ำพริกทำไง? อ๋อ...เอาพริกมาคั้นหรือ? ขืนเอาพริกมาคั้นละก็ตายแหละแท้ที่จริง เจ้าน้ำพริกก็ประกอบด้วยองค์ประกอบต่างๆ ที่มีพร้อมอยู่แล้วนั่นแหละ แต่ว่าเขาตำน้ำพริกไม่เป็น เลยต้องนั่งดูแต่พริกดูแต่กระเทียม ดูแต่มะนาว ดูแต่น้ำตาล ดูแต่กะปิ ดูแต่น้ำปลา ดูแต่เครื่องปรุงต่างๆ เหล่านี้ แม้ครัวหัดใหม่ที่ยังไม่ชำนาญ ก็เหมือนคนเรียนธรรมะมาเป็นข้อๆ ธรรมะแต่ละข้อ ที่เรียนนั้นเรียนเอามาทำไม ไม่รู้จริง ๆ แล้วเราเรียนธรรมะเพื่อให้ธรรมะช่วยกลั่นธาตุ กลั่นขันธ์ ๕ในตัวเรา พูดง่ายๆ คือกลั่นกาย วาจา ใจของเรากลั่นแล้วได้อะไร? ก็ได้ความบริสุทธิ์ไปตามลำดับ บริสุทธิ์ขั้นต้นก็ทำให้กายมนุษย์ละเอียดในตัวบริสุทธิ์ขึ้น ปฏิบัติธรรมะมากเข้าๆ ต่อมาทำให้กายทิพย์เกิดขึ้นก็บริสุทธิ์ขึ้นมาอีก ทำให้กายพรหมกายอรูปพรหมเกิดขึ้น พอบริสุทธิ์เต็มที่เข้า ธรรมกายในตัวก็เกิด หรือที่เรียกว่าเข้าถึงธรรมกาย ธรรมกายขั้นต้นที่เข้าถึงท่านเรียกว่าธรรมกายโคตรภูการเข้าถึงธรรมกายมีหลายระดับในโลกนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแบ่งคนออกเป็น ๒ โคตรหรือ ๒ พวก ๒ หมู่ คือโคตรแรกเรียกว่า “ปุถุโคตร” ปุถุ แปลว่าหนา “ปุถุโคตร” คือโคตร หรือคนที่ยังมีกิเลสหนาอยู่ ธาตุในตัวยังไม่บริสุทธิ์ยังสกปรกอยู่ อย่างพวกเราที่นั่งอยู่นี่ท่านเรียกว่าปุถุโคตรพวกปุถุโคตรอย่างพวกเรา ต่อมาให้ทาน รักษา ศีล เจริญภาวนา แผ่เมตตา มีขันติ–โสรัจจะ มีหิริ–โอตตัปปะ มีคุณธรรมต่างๆ เกิดขึ้น ธาตุในตัวก็เริ่มบริสุทธิ์ขึ้นมาตามลำดับ บริสุทธิ์เพราะได้เอาคุณธรรมเหล่านั้นมา กลั่นธาตุในตัวเรา กลั่นขันธ์ ๕ ในตัวให้บริสุทธิ์ขึ้นมาตามลำดับ ถ้าบริสุทธิ์เกิน ๕๐% ขึ้นไปแล้วท่านเรียกว่า “อริยโคตร” เป็นโคตรที่สอง พวกอริยโคตรนี้ยังแบ่งเป็นชั้นๆ คืออริยโคตรชั้นที่ ๑ เรียกว่า พระโสดาบัน ถามว่าบริสุทธิ์ขนาดไหน? ก็ขนาดที่ท่านมีศีลดีมาก กาย วาจา บริสุทธิ์เต็มที่ แต่ว่าสมาธิ(Meditation)ปัญญาของท่านเพิ่งปานกลาง เพราะฉะนั้นกิเลสส่วนละเอียดๆ ที่เรียกว่าสังโยชน์ คือกิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์ไว้กับทุกข์ มี ๑๐ อย่างได้แก่ สักกายทิฏฐิ ความเห็นว่าเป็นตัวของตน เป็นต้น ยังไม่หมด แต่ที่หยาบๆ หมดไปแล้วถึง ๕๐–๖๐% ธรรมกายของท่านมีความบริสุทธิ์มากท่านเหล่านี้ถ้ายังไม่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ในชาตินี้ ก็จะกลับมาเวียนว่ายตายเกิด เพื่อกลั่นกายให้บริสุทธิ์ขึ้นไปอีก ซึ่งกินเวลา ไม่เกิน ๗ ชาติ ก็เป็นพระอรหันต์หมดกิเลส ธาตุในกายใสบริสุทธิ์ผุดผ่อง ๑๐๐% เข้านิพพานไปอริยโคตรชั้นที่ ๓ เรียกว่า พระอนาคามี ยิ่งบริสุทธิ์มาก บริสุทธิ์เต็มที่ สมาธิมั่นคงแน่วแน่ แต่ปัญญายังปานกลาง เมื่อยังไม่เป็นพระอรหันต์ในชาตินี้ ละโลกไปแล้วจะไปเกิดเป็นพรหม ไม่กลับมาเกิดในโลกมนุษย์นี้อีกแล้ว จะไปบำเพ็ญบารมีต่อหรือไปสร้างปัญญาให้บริสุทธิ์เต็มที่ต่ออยู่ที่ชั้นพรหม หมดกิเลสอยู่ที่พรหมโลก แล้วเข้าพระนิพพานไปอริยโคตรชั้นที่ ๔ เรียกว่า พระอรหันต์ หมดกิเลสในขณะที่เป็นมนุษยในชาตินี้เลยพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามีและพระอรหันต์เราเรียกว่า พระอริยบุคคล หรือ พระอริยเจ้า อริยะแปลว่าเจริญแล้ว ที่เรียกว่าเจริญแล้ว เพราะยังไงๆ ก็ไม่ตกนรก มีแต่จะไปสวรรค์กับนิพพานเท่านั้น เรื่องจะไปนรกนั้นเป็นไม่มี มีแต่เจริญขึ้นฝ่ายเดียวทีนี้มีอยู่พวกหนึ่งซึ่งเป็นพวกก้ำกึ่ง เรียกว่า “โคตรภูบุคคล” คือเริ่มจากปุถุโคตร เมื่อฝึกตัวเองโดยให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา แล้วก็ปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ มาเรื่อย ๆ ศีลอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง สมาธิก็ปานกลาง ปัญญา ก็ปานกลาง ปราบกิเลสไปได้ครึ่งหนึ่งแล้วจะเรียกว่าเป็นพวก ๕๐–๕๐ ก็ได้ อุปมาว่าเท้าซ้ายเหยียบโลก เท้าขวาก้าวขึ้นเหยียบพระนิพพาน จะเข้าทั้งตัวก็ยังไปไม่ไหว เพราะบริสุทธิ์แค่ ๕๐ พวกนี้ถ้าขี้เกียจนั่งสมาธิละก็ มีสิทธิ์หงายท้องตึงลงมาเป็นปุถุชนคือปุถุโคตรตามเดิมผู้ที่เข้าถึงธรรมกายในวาระแรก เรียกกันว่าโคตรภูบุคคล เป็นผู้ก้ำกึ่ง จะเปลี่ยนเป็นอริยโคตรก็ยังไม่ไหว แต่เหนือชั้นกว่าปุถุโคตรเพราะบริสุทธิ์ขึ้นมาตั้งกว่า ๕๐% นักปฏิบัติธรรมทั่วๆ ไปในยุคนี้ส่วนมากก็เป็นพวกที่เรียกว่า โคตรภูบุคคล คือเข้าถึงธรรมกายโคตรภูส่วนพวกที่เข้าถึงธรรมกายพระโสดา เข้าถึงธรรมกายพระสกิทาคามี เข้าถึงธรรมกายพระอนาคามี เข้าถึงธรรมกายอรหันต์อย่างเรียบร้อยแล้วนั้น ยังไม่พบ ส่วนพระโสดาบันอาจจะมี แต่ว่าหลวงพ่อยังไม่พบ นี่ยกตัวอย่างการเข้าถึงธรรมกายมีหลายระดับ อย่างที่อธิบายแล้วสำหรับผู้เข้าถึงธรรมกายโคตรภู เป็นเพียงผู้เข้าถึงไตรสรณคมน์ คือมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งเท่านั้น ยังมิได้เป็น “พระอริยเจ้า” แต่ประการใด
http://goo.gl/XGHbf