โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMCคำถาม: ผู้ที่นั่งสมาธิจนเข้าถึงธรรมกายแล้วเวลาเลิกนั่งสมาธิจะสามารถเกิดกิเลสขึ้นมาอีกได้ไหมคะ ?
คำตอบ: แน่นอน ผู้ที่เข้าถึงดวงปฐมมรรคนั้น เท่ากับยืนอยู่ปากทางที่จะเข้าไปสู่พระนิพพาน ผู้ที่เข้าถึงธรรมกายขั้นต้น จะอยู่กึ่งกลางระหว่างโลกมนุษย์กับพระนิพพาน ถ้าขยันฝึกอบรมตัวเองต่อไป โอกาสที่กิเลสจะหมดก็มี ถ้าขี้เกียจก็หกคะเมนตีลังกาหงายท้องกลับมาที่เดิม ถ้าเลิกนั่งแล้ว ไม่ประคองสมาธิให้ดี เดี๋ยวกิเลสก็ฟูขึ้นมาตามเดิมถ้าขยันฝึกอบรมตัวเองต่อไป โอกาสที่กิเลสจะหมดก็มีเพราะฉะนั้นใครที่เข้าถึงธรรมกายแล้ว อย่างประมาทนะลูก เพิ่งมาได้ครึ่งทาง โบราณท่านเปรียบว่าเท้าขวาเหยียบพระนิพพาน เท้าซ้ายเหยียบโลก ถ้าขยันตั้งใจฝึกต่อไปก็จะก้าวสู่พระนิพพานได้ ถ้าขี้เกียจก็ดักดานเป็นมนุษย์เดินดินอยู่นี่แหล่ะ และเนื่องจากยังไม่หมดกิเลส จึงมีโอกาสผิดพลาดไปทำบาปได้ง่าย ถ้าเผลอไปทำบาป ชาติต่อไปต้องเกิดในภาวะที่ต่ำกว่ามนุษย์ หมดโอกาสทำความดี สร้างบุญไม่ได้ ก็ยิ่งตกต่ำลงทุกที เพราะฉะนั้นใครที่นั่งสมาธิจนเข้าถึงธรรมกายแล้ว ให้นั่งต่อไปเรื่อยๆ อย่าถอยหลังนะลูกคำถาม: ทำอย่างไรจึงจะถึงพระธรรมกายได้โดยรวดเร็ว จะต้องทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาหรือปฏิบัติธรรมอย่างไรบ้าง?
คำตอบ: ถ้าจะเอาอย่างเคร่งครัดอย่างที่หลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านใช้กับลูกศิษย์ของท่าน สมัยที่ท่านรับลูกศิษย์ใหม่ๆ ถ้ามีใครมาถามอย่างนี้ละก็ ท่านจะถามกลับเลยว่า “เออ...จะต้องให้เข้าถึงเมื่อไรล่ะ” “ผมละอยากได้เดี๋ยวนี้เลย” ถ้าตอบท่านอย่างนั้น ท่านจะบอกทันทีว่า “ได้...เอ้านั่งตรงนั้นแหล่ะ มีข้อแม้นะ ถ้าพ่อยังไม่ลุก เจ้าก็ห้ามลุก ห้ามขยับ” แล้วก็นั่งกันไป ก็มีคนที่ทำได้ทำอย่างไรจึงจะถึงพระธรรมกายได้โดยรวดเร็วมีผู้เล่าว่ามีชาวอินเดียคนหนึ่ง แขกอินเดียคนนี้นับถือศาสนาฮินดู เป็นแขกจริงๆ เขาได้ยินกิตติศัพท์หลวงพ่อวัดปากน้ำ เขาก็มากราบหลวงพ่อ “หลวงพ่อ ผมอยากจะเข้าถึงธรรมกายบ้าง อยากจะเข้าถึงเร็วๆ ได้ไหม” หลวงพ่อท่านก็นั่งนิ่งเข้าสมาธิไปดูพักหนึ่ง “เออ..โดยกำลังบุญของเอ็งนี่ ได้ และได้ในเวลาไม่เกิน ๗ วันด้วย อาบังร้องเอะอะบอกว่า “อะไรกันหลวงพ่อ พรุ่งนี้ผมจะกลับอินเดียแล้ว เอาให้ได้วันนี้ไม่ได้หรอ” หลวงพ่อก็นั่งนิ่งเข้าสมาธิไปดูใหม่ “ได้ แต่อาบังนะ พ่อไม่ลุก เอ็งห้ามขยับ ตกลงไหม” “ตกลงครับ”อาบังก็แน่เหมือนกัน คนมันข้ามน้ำข้ามทะเลมาเยอะ เพราะฉะนั้นใจมันถึง ตกลงหลวงพ่อก็พานั่งกันในโบสถ์ นั่งกันตั้งแต่ประมาณบ่ายโมง พอบ่าย ๒ โมง อาบังลืมตาขึ้น หลวงพ่อก็ยังเฉย เขาก็หลับตาต่อ คนไม่เคยนั่งพอเข้าชั่วโมงที่ ๒ มันปวดเมื่อยมาก ขามันสั่นพั้บๆ ถึงกับเหงื่อหยดทีเดียว ลืมตาขึ้นมาหลวงพ่อก็ยังเฉย ก็หลับตาต่อ พอเข้าชั่วโมงที่ ๓ สำหรับคนที่ไม่เคยนี่เอาเรื่องนะ ชั่วโมงที่ ๓ มันปวดสุดทนเข้า มันเลยคิดยอมตายอาบังบอกว่าพอมันคิดว่าตายก็ตายไปเท่านั้นแหล่ะ ความปวดมันเลยหาย มันมีความรู้สึกเหมือนตกหลุมอากาศหวืดลงไปตายแน่แล้วงวดนี้ พอหวือลงไป เอ้า..ตายก็ตาย เดี๋ยวเดียวองค์พระโผล่ขึ้นมาเลยอาบังได้เข้าถึงธรรมกายภายในวันนั้น ในชั่วโมงที่ ๓ แต่นั่น หมายความว่าได้ยอมสละชีวิตแล้วนะ ถ้าชั่วโมงที่ ๓ ไม่ได้ก็ชั่วโมงที่ ๔ ไม่อย่างนั้นตายจริงๆ หลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านใช้สโลแกนของท่านสั้นๆ ว่า “สู้ไม่ได้ตายเถอะ” เพราะฉะนั้นถ้ามีใครอยากเห็นเร็วๆ ก็ต้อง “สู้ไม่ได้ตายเถอะ” ใช้สโลแกนเดียวกับท่าน เอาไหม ถ้าเอา...มาถ้าอยากเข้าถึงธรรมกายเร็วๆ นอกจากทั้งนั่งสมาธิชนิดเอาชีวิตเป็นเดิมพันแล้ว ยังมีวิธีปฏิบัติเพื่อเพิ่มกำลังบุญ สรุปสั้นๆ ว่า“เช้าใดยังไม่ได้ให้ทาน เช้านั้นอย่าเพิ่งกินข้าว วันใดยังไม่ได้รักษาศีล วันนั้นอย่าเพิ่งออกจากบ้าน คืนใดยังไม่ได้นั่งภาวนา คืนนั้นอย่าเพิ่งนอน” ตั้งใจทำไปอย่างนี้ไม่ช้าหรอก วันใดวันหนึ่ง กำลังบุญรวมเต็มที่ ก็เข้าถึงธรรมกายได้เหมือนกันคำถาม: วัตถุมงคลใช้เพื่อการอยู่ยงคงกระพัน บางอย่างเป็นเสน่ห์นะหน้าทอง เรื่องจริงๆ ของการทำวัตถุมงคลเป็นอย่างไร มีอิทธิปาฏิหาริย์จริงหรือ ?
คำตอบ: เกี่ยวกับวัตถุมงคลหลวงพ่อเคยมีความรู้สึกว่า ของดีมีอยู่ในตัวทำเอาเองได้ เพราะฉะนั้นตอนที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ ยังมีชีวิตอยู่เคยไปกราบท่านครั้งหนึ่ง กราบอยู่ห่างๆ เห็นท่านกำลังแจกพระของขวัญ ก็ไม่เข้าไปรับ เพราะมีความคิดฝังใจอยู่อย่างนั้นวัตถุมงคลนั้นคืออะไรมีอิทธิปาฏิหาริย์ได้จริงหรือต่อมาเมื่อฝึกสมาธิแล้วจึงนึกเสียใจว่าไม่ได้ไปรับพระของขวัญมาไว้ ทำให้การนั่งสมาธิไม่ก้าวหน้าเร็วเท่าที่ควร เพิ่งมาเข้าใจเรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างวัตถุมงคลว่า หลวงพ่อหลวงปู่ทั้งหลายเวลาท่านทำวัตถุมงคล ท่านทำในลักษณะเป็นกุศโลบายให้คนประพฤติธรรมเวลาท่านมอบพระให้ใคร ท่านมักสั่งว่าให้รักษาศีล ๕ อยู่เสมอ พระจะช่วยได้ หรือเวลาเดือดร้อนอะไรให้สวด อิติปิโส ๑๐๘ จบ ใจก็เป็นสมาธิ มองเรื่องร้ายๆ มองปัญหาที่ผูกมัดรัดรึงอยู่อย่างคนมีปัญญา แล้วก็คิดแก้ไขผ่อนคลายออกไปได้เป็นเปลาะๆ ในที่สุดก็แคล้วคลาดอันตรายพ้นจากปัญหาได้เองบางครั้งหลวงพ่อเวลาทำพระผง ท่านใช้ลูกศิษย์โขลกเครื่องที่จะผสมเป็นพระ ซึ่งมีทั้งเส้นผม ข้าวก้นบาตร ดอกมะลิแห้งจากหิ้งพระและของที่เป็นมงคลอีกสารพัด ขณะโขลกท่านสั่งให้ภาวนา “สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง” ลูกศิษย์กลัวพระจะไม่ขลัง ก็ตั้งใจโขลก ตั้งใจสวด จนใจเป็นสมาธิได้ นี่ก็เป็นกุศโลบายฝึกสมาธิให้ลูกศิษย์อีกอย่างหนึ่ง สมัยหลังๆ ใครอยากได้พระ ท่านก็ให้ทำบุญบูชาเอาพระไป
http://goo.gl/sN63k